เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เจ้าหน้าที่การทูต ชี้รถทูตมีเอกสิทธิ์ในการเดินรถ ติงสื่อตีข่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
กลายเป็นคลิปที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่รถยนต์ส่วนบุคคลสีดำ ยี่ห้อแลนด์โรเวอร์ ทะเบียนสีฟ้า (ทะเบียนองค์กร) อ11-0060 ที่ขับรถย้อนศร แถมยังบีบแตรเร่งให้อีกฝ่ายถอย จนกลายเป็นประเด็นฮอตในสังคมขณะนี้
แต่ทว่ายังไม่มีหน่วยงานไหนออกมากล่าวเกี่ยวกับคลิปดังกล่าว มีเพียง พ.ต.ท.เฉลิมพล เกรียท่าทราย สว.จร.สน.พญาไท เจ้าของพื้นที่รับผิดชอบในส่วนนี้เท่านั้น ที่ออกมาระบุว่า ไม่ว่าคนขับจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายไทยเช่นกัน เนื่องจากพื้นที่ที่เกิดเหตุอยู่ในประเทศไทย ต้องทำตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 200-500 บาท
พ.ต.ท.เฉลิมพล ยังกล่าวต่ออีกว่า ถึงแม้ว่ารถจะมีทะเบียนองค์กรระหว่างประเทศ หรือเป็นรถทูต ก็ไม่ได้รับสิทธิ์คุ้มครองในส่วนนี้ เว้นแต่จะมีรถนำขบวนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับรายงานที่แน่ชัด ซึ่งหากมีการตรวจสอบที่ชัดเจนเมื่อไร ก็จะดำเนินการตามกฎหมายในทันที
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันที่ 18 สิงหาคม 2557 ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ได้ติดต่อไปยังกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตอบคำถามว่า ทางกระทรวงต่างประเทศและทูตประเทศต่าง ๆ ได้เห็นคลิปนี้แล้ว เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมาให้ดู พร้อมอธิบายว่า รถทูตได้รับสิทธิ์ในการเดินรถอยู่แล้ว และขอไม่ให้รายละเอียดว่ารถคันดังกล่าวเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากสถานทูตมีเอกสิทธิ์คุ้มครองและจะไม่ตอบคำถามใด ๆ ต่อผู้สื่อข่าว ต้องรอเรียนปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ปลายสาย ยังขอติงสื่อมวลชนที่ลงข่าวด้วยว่าเป็นการกระทำที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งสื่อมวลชนควรพิจารณาก่อนที่จะกระทำสิ่งใดตามใจ
ด้านผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สำหรับกรณีวิพากษ์วิจารณ์ทั่วสังคมจะปล่อยให้เป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า อย่ามาหลอกถาม เพราะตัวเองเคยทำงานสายสื่อสารมวลชนมาก่อน ทราบดีว่านักข่าวต้องการอะไร หากต้องการข้อมูล ก็ต้องขอให้ทางเราสะดวกเพราะมีภารกิจอื่นที่ต้องทำ หรือไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดึงข้อมูลทะเบียนรถได้อยู่แล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก