10 ที่เที่ยวที่ต้องไป..ก่อนจะสาย!!
ที่มา : http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001221/lang/th/
ไม่ว่ากี่ประเทศทั่วโลก ทุกวันนี้จะต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดขายเอาไว้ดึงดูดใจนักท่อง เที่ยวอย่างเราๆ แต่ 10 สถานที่ที่ทีมงาน Toptenthailand เอามาฝากทุกท่าในวันนี้ ท่านต้องรีบไปเยี่ยมเยือนซะก่อนที่มันจะถูกภัยธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งภัยของนักท่องเที่ยวทำร้าย จนต้องปิดตัว หรือหายไปในที่สุด และถ้าคุณพลาดที่เที่ยวเด็ดๆเหล่านี้ คุณจะต้องเสียดายที่ไปไม่ทันชมความงามเหล่านั้น
10. ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย
อาจจะอีก 5 ปี ที่อนุสรณ์แห่งรักที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "สิ่งมหัศจรรย์ของโลก" นี้จะถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี ประกอบกับปัญหาด้านมลพิษ ทำให้หินอ่อนสีขาวนี้ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ทางอินเดียจึงคิดจะออกกฎห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปชม อนุญาตเพียงแค่ให้ถ่ายรูปจากด้านหน้าเท่านั้น เพื่อที่จะอนุรักษ์สุสานหินอ่อนแห่งนี้ให้คงสภาพสมบูรณ์ที่สุด
ขอบคุณรูปจาก http://www.netcom.0fees.net/Page5.html
9. อุทยานแห่งชาติแกลซิเออร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา ที่กินพื้นที่กว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยน้ำตก 200 แห่ง และทะเลสาบอีก 712 แห่ง มีธารน้ำแข็งปกคลุมอยู่รอบๆบริเวณ เป็นบ้านเกิดของนก 260 สายพันธุ์ พบพันธุ์พืชที่สามารถระบุได้แล้ว 1,132 สายพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีก 62 ชนิด แต่ด้วยสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น น้ำแข็งเกิดการหลอมละลายทำให้ที่นี่เปลี่ยนแปลงไป อีกเพียงไม่ถึง 20 ปี ที่นี่คงจะต้องเหลือไว้เพียงแค่ชื่อ
ขอบคุณรูปจาก http://world.kapook.com/pin/504885f338217a8b1b000007
ลุ่มน้ำคองโกเป็นป่าฝนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากลุ่มน้ำอเมซอน และมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 7 ประเทศในทวีปแอฟริกา และยังช่วยผลิตออกซิเจนให้โลกมากถึง 40% แต่ดูจากการที่บ้านเมืองขยายใหญ่ขึ้น คนก็ต้องตัดไม้ทำลายป่าเพื่อที่จะสร้างที่อยู่อาศัย ทำให้อีกไม่ถึง 25 ปี ผืนป่าที่สำคัญแห่งนี้ก็จะหมดไป
ขอบคุณรูปจาก http://www.adaptationpartnership.org/image/congo-river
7. มาดากัสการ์ มหาสมุทรอินเดีย
เด็กๆคงรู้จักดินแดนมาดากัสการ์กันเป็นอย่างดี ที่จัดเป็นเกาะที่ใหญ่อันดับ 4 ของโลก ซึ่ง 80% ของพืชและสัตว์ที่นี่ไม่สามารถพบได้ที่ไหนในโลก แต่จากการเพิ่มขึ้นของประชากร การตัดไม้ เผาป่า และ การทำไร่เลื่อนลอย ทำให้ป่าไม้ของเกาะนี้ลดปริมาณลงมากจาก 120,000 ตารางไมล์เหลือพียง 20,000 ตารางไมล์เท่านั้น!! แต่เชื่อกันว่าอีกไม่เกิน 35 ปี ที่นี่คงจะกลายเป็นแค่เรื่องราวในการ์ตูนเท่านั้น
ขอบคุณรูปจาก http://photos.wildmadagascar.org/images/pictures/madagascar_2768.shtml
6. เทือกเขาแอลป์ ทวีปยุโรป
เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาน้ำแข็งชื่อดังของยุโรปที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสวยๆ และธารน้ำแข็งหนากว่า 60 เมตรที่กำลังจะหายสาบสูญไป เนื่องจากผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน!! เชื่อไหมว่าปัจจุบันธารน้ำแข็งบนยอดเขา น้อยลงกว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วถึง 20% ทำให้คาดการณ์ได้ว่าอีกไม่ถึง 40 ปีข้างหน้าธารน้ำแข็งชื่อดังทั้งหลายจะไม่เหลืออยู่อีกเลย
ขอบคุณรูปจาก http://glee.wikia.com/wiki/File:Swiss-alps.jpeg
5. ทะเลเดดซี ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล
เรียกได้ว่าเป็นทะเลสาบที่มีความเค็มมากกว่าทะเลทั่วไปถึง 10 เท่า จนคนสามารถลอยบนผิวน้ำได้เลย แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ปริมาณฝนและการไหลเวียนของน้ำเปลี่ยนไป ทำให้น้ำจากแม่น้ำจอร์แดนซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักแหล่งเดียวที่ให้น้ำแก่ที่นี่ ลดปริมาณลง ส่งผลให้ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมาทะเลสาบแห่งนี้มีความกว้างลดลงกว่าเดิมถึง 1 ใน 3 และยังมีระดับน้ำต่ำลงอีกกว่า 2.40 เมตร และคาดว่าขนาดของน้ำจะลดลงเรื่องจนอีก 50 ปีข้างหน้าก็จะกลายเป็นเพียงที่โล้งกว้าง
ขอบคุณรูปจาก http://www.three-season.com/tourist_hit.php?id=11
4. เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
อีกหนึ่งเสน่ห์ของ เวนิส คือการล่องเรือในคลองผ่านเมือง เพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมต่างๆ แต่อีกไม่ถึง 70 ปีคงไม่มีสถาปัตยกรรมเหล่านั้นอีกแล้ว สาเหตุก็มาจากน้ำท่วมนั่นเอง!! แต่ละปีมีจำนวนการเกิดน้ำท่วมเมืองเพิ่มขึ้น จาก ปี 1900 มีน้ำท่วมเมืองไม่ถึง 10 ครั้ง ต่อมาในปี 2000 กลับมีน้ำท่วมมากกว่า 60 ครั้ง จนทำให้ชาวบ้านแถวนั้นวางแผนจะอพยพกันไปอยู่ห่างจากน้ำซะแล้ว
ขอบคุณรูปจาก http://www.kevinandamanda.com/whatsnew/travel/one-day-in-venice.html
3. แนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ ประเทศออสเตรเลีย
แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ประกอบไปด้วยปะการังกว่า 350 สปีชี่ส์ แต่จากสภาพแวดล้อมที่ผันแปรในปัจจุบัน จึงคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2070 อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นอีก 6 องศาเซลเซียส ทำให้ความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้น และจะเกิดพายุไซโคลนที่ถล่มอยู่เป็นประจำ จึงคาดว่า 60% ของปะการังที่นี่จะเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (ปะการังตายแล้วเหลือแต่หินปูนขาวซีดๆ) อีกไม่เกิน 100 ปี ความสวยงามใต้ท้องทะเลก็คงหมดไป
ขอบคุณรูปจาก http://www.lovethesepics.com/2011/10/beyond-gorgeous-great-barrier-reef-46-pics/
2. หมู่เกาะมัลดีฟส์ ประเทศมัลดีฟส์
อีกหนึ่งที่เที่ยวโปรดของคนไทย แต่!! อีกไม่ถึง 100 ปี ที่นี่ก็คงจะจมหายไปกับมหาสมุทร เพราะปัจจุบัน 80% ของจำนวนเกาะทั้งหมด 1,200 เกาะ ของหมุ่เกาะมัลดีฟส์ สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร นอกจากนี้ 90% ของแนวปะการังในประเทศยังเป็นปะการังฟอกขาวไปหมดแล้ว (ปะการังตายแล้วเหลือแต่หินปูนขาวซีดๆ) และทางรัฐบาลก็ได้เตรียมการขอซื้อที่ดินไว้รองรับประชากรในอนาคตที่จะไร้ที่ อยู่แล้วด้วย
ขอบคุณรูปจาก http://www.mymaldives.com/
1. หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์
หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีความน่าสนใจทั้งด้านธรณีวิทยา สัตววิทยา และนิเวศวิทยาเป็นอย่างยิ่ง ความพิเศษของที่แห่งนี้ คือ เป็นที่อาศัยอยู่ของสัตว์ท้องถิ่นที่มีลักษณะแปลกๆ มากมาย และ 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก แต่ด้วยความที่ปัจจุบันคนให้ความสนใจไปเที่ยวเยอะ เลยทำให้ระบบนิเวศของเกาะถูกทำลายลงเรื่อยๆ เชื่อว่าอีกไม่นานธรรมชาติของที่นี่ก็ต้องเปลี่ยนไป
ขอบคุณรูปจาก http://impressivemagazine.com/2013/11/12/visit-to-galapagos-islands-lifetime-adventure/