สุขภาพดี เริ่มต้นที่การนอน

 

 

 

 

 

คนเราใช้เวลากว่า 1 ใน 3 ของชีวิตในการนอน นับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้พักผ่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็ม ที่ คงไม่ดี หากช่วงเวลาที่ดีสำหรับสุขภาพนี้ถูกรบกวนโดยที่นอน ที่ทำให้นอนแล้วไม่สบายตัว หรือรู้สึกเมื่อยตัวเมื่อตื่น ดังนั้น ที่นอนจึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญในการเลือก เพราะที่นอนที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคา ความเหมาะสมกับผู้ใช้ต่างหากที่นับเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งแต่ละบุคคลก็มีความต้องการในลักษณะที่แตกต่างกัน ด้วยหลากหลายปัจจัย อาทิ อายุ เพศ น้ำหนัก สรีระ และพฤติกรรมในการนอน รวมถึงความคุ้นเคยส่วนบุคคลในการใช้ที่นอนที่ผ่านมา ดังนั้นก่อนเลือกที่นอน ควรทำความเข้าใจกับวัสดุหลักที่นำมาใช้ผลิตที่นอนก่อน ซึ่งอาจแบ่งออกเป็น 5 รูปแบบดังนี้

1. ที่นอนแบบโครงสปริง ซึ่งสามารถแยกย่อยออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ที่นอนสปริงแบบดับเบิ้ล อ็อฟเซ็ต (Double Offset) มีความแข็งแรง คงทน ช่วยกระจายน้ำหนักของผู้นอนอย่างนุ่มนวล ลดแรงกดทับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้หลับสบายได้ดียิ่งขึ้น และที่นอนที่ใช้โครงสปริงแบบพ็อคเก็ต (Pocket) ซึ่งเป็นที่นิยมในโรงแรมระดับห้าดาวทั่วโลก โดยโครงสปริงรูปแบบนี้จะถูกแยกออกจากกันอย่างอิสระด้วยการใช้ถุงผ้าหุ้ม ส่งผลให้การรองรับน้ำหนักของที่นอนถูกจำกัดอยู่ในบริเวณที่มีการใช้งานเท่า นั้น ดังนั้น การขยับตัวของผู้นอนท่านหนึ่งจะไม่รบกวนการนอนของอีกฝ่าย ช่วยให้ผู้นอนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีจำนวนวงสปริงที่มากกว่าโครงสปริงทั่วไปถึง 2 เท่า ช่วยยืดอายุการใช้งานของที่นอนให้ยาวนานกว่าที่นอนสปริงแบบอื่นๆ เหมาะกับผู้ใช้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยชินกับการนอนที่นอนสปริงมาก่อน

2. ที่นอนฟองน้ำหรือฟองน้ำอัดคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกแน่น เหมาะกับสุขภาพหลังของผู้สูงอายุและผู้ที่คุ้นเคยกับการนอนบนพื้นหรือบนที่ นอนที่ค่อนข้างแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยประสบปัญหากับการนอนบนที่นอนสปริง

3. ที่นอนยางพาราธรรมชาติคุณภาพสูง วัสดุจากธรรมชาติที่มีลักษณะโดดเด่น ช่วยรองรับสรีระและน้ำหนักของร่างกายได้อย่างสมดุลและสมบูรณ์แบบ ส่งผลดีต่อสุขภาพหลัง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะสำหรับเด็ก วัยรุ่น และผู้ที่ชื่นชอบการนอนบนที่นอนที่ค่อนข้างนุ่ม ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เคยชินกับการนอนบนที่นอนที่ค่อนข้างแข็งมาก่อน

4. ที่นอนเมมโมรี่โฟม (memory foam) วัสดุที่ผลิตมาจากเทคโนโลยีล้ำยุค visco-elastic polyurethane foam ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา ช่วยลดแรงต้านทานและแรงกดทับในบริเวณจุดต่างๆ ของร่างกายให้เหลือน้อยที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบที่นอนที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ

5. ที่นอนแบบผสมผสาน ซึ่งเกิดจากการผสมผสานสุดยอดเทคโนโลยีและวัสดุธรรมชาติต่างๆ อย่างลงตัว อาทิเช่น ยางพาราและโครงสปริง หรือ เมมโมรี่โฟมกับฟองน้ำคุณภาพสูง ช่วยรองรับการพักผ่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทุกเพศ ทุกวัยได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

การดูแลรักษาที่นอน:

ที่นอนที่ดีย่อมต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีเพื่อยืดอายุการใช้งานของที่นอนให้ยาวนานขึ้น การดูแลรักษาที่นอนที่ถูกต้องมีดังนี้

1. กลับที่นอนทุกสามเดือนเป็นประจำ โดยกลับจากหัวไปท้ายในสามเดือนแรก และจากด้านบนไปด้านล่างในสามเดือนถัดมา หากเป็นที่นอนที่ออกแบบมาให้นอนได้ด้านเดียว ให้กลับจากหัวไปท้ายทุกๆ สามเดือน

2. ดูดฝุ่นที่นอนทุกสามเดือนและทำความสะอาดห้องนอนเป็นประจำ  เพื่อกำจัดฝุ่นอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้

3. เปิดหน้าต่างห้องนอนให้ลมโกรกเป็นครั้งคราว เพื่อระบายอากาศภายในที่นอน

4. ห้ามนำที่นอนไปตากแดดจัดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว ความร้อนและรังสี UV จะทำให้วัสดุต่างๆ ในที่นอนเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะที่นอนที่มีชั้นวัสดุหลักเป็นยางพาราและ memory foam

5. สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ตัวไรฝุ่นในที่นอนอาจจะกระตุ้นอาการให้กำเริบได้ เพื่อเป็นการป้องกัน ควรปูผ้ากันเปื้อนที่ถอดซักได้บนที่นอนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของคราบเหงื่อไคลต่างๆ อันเป็นอาหารของไรฝุ่น แม้ว่าผ้าหุ้มที่นอนจะมีคุณสมบัติป้องกันไรฝุ่นในตัวแล้วก็ตาม

 

Credit: http://board.postjung.com/796456.html
14 ส.ค. 57 เวลา 09:48 685 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...