"วรรณจันทร์" เล่าเรื่องสยองขวัญของมนต์แม่มดอากาศวิปริต! โลกกำลังเดือดร้อนขนาดหนัก เดี๋ยวๆ ก็น้ำท่วมชนิดไม่เคยพบเคยเห็น เผลออีกแผล็บ...อ้าว? แล้งแบบแห้งผากเป็นผุยผง ร้อยวันพันปีไม่คิดว่าจะได้เจอ ไหนจะแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด แถมด้วยโรคประหลาดๆ น่าสยอง
คนโบราณท่านบอกว่า สภาพเช่นนี้เกิดจากอาเพศอาถรรพณ์ส่วนในยุโรปสมัยเมื่อสี่ซ้าห้าร้อยปีก่อน เขาโทษว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของแม่มดชั่วร้ายค่ะมันแกล้งเรา...เขาว่างั้น!ที่หยิบยกมาให้คุณฟังเพราะเห็นว่าน่าสนใจและสนุกดี สมัยนี้คงไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะ ว่าแต่ว่ามันมีจริงๆ หรือ?
แม่มดที่ชั่วร้าย และการร่ายเวทมนต์ ทำให้ลมฟ้าอากาศปรวนแปรซะจนผู้คนย่ำแย่ไปตามๆ กันน่ะจะจริงไม่จริง ดิฉันก็มีตัวอย่างเป็นหลักเป็นฐานมาเสนอเชียวละค่ะนี่น่ะเป็นเรื่องราวที่โด่งดังและน่าสนใจมากที่สุด ในตำนานแม่มดแห่งสกอตแลนด์เลยนะ จะบอกให้
เพราะทุกถ้อยคำปรากฏเป็นข่าวตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ "นิว ฟรอม สกอตแลนด์" เมื่อค.ศ. 1591 โน่นเนื้อข่าวมีว่า เดวิด ซีตัน ผู้รั้งตำแหน่งเจ้าเมือง ทรีเน้นท์ มีสาวใช้คนหนึ่งชื่อกิลลี่ ดันแคน เธอมีพฤติกรรมประหลาดพิกล คือตอนกลางคืนมักจะหลบแวบออกไปนอกบ้าน ทิ้งงานไปเฉยๆ โดยไม่มีการขออนุญาต พอบ่อยเข้านายก็เรียกมาถาม เธอกลับอุบนิ่งไม่มีคำอธิบายแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น
เท่านั้นไม่พอ ต่อมาเธอยังตั้งตัวเป็นแม่หมอเที่ยวได้รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้คนนั้นคนนี้ จนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั้งละแวกบ้าน เดวิดเลยสงสัยว่ายัยคนนี้ท่านจะริอ่านไปเรียนคาถาอาคม ทำตัวเป็นแม่มดซะแล้ว ชะ...อยู่ดีไม่ว่าดีมั้ยล่ะคนเราคุณเดวิดอยากรู้ความจริงเลยเลือกวิธีทรมานเพื่อรีดเค้นเอาคำตอบ!
ในยุคนั้น การเรียนคาถาอาคมเป็นแม่มดหมอผีมีโทษถึงตายคุณเดวิด ซีตัน ก็เป็นผู้หนึ่งที่มีอำนาจสอบสวนและลงโทษคนพวกนี้อยู่แล้วด้วย จัดการเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยกันตอกเล็บ บีบขมับแม่มด ลิลลี่ แต่เธอก็ทนทายาดไม่ยอมปริปาก ในที่สุด คนสอบสวนก็ใช้มาตรการขั้นสุดท้าย คือเอาเหล็กแหลมจี้แทงลำตัวซะเลย
โดนเข้าไม้นี้ สาวปากแข็งเลยต้องยอมรับทุกอย่าง คำสารภาพพรั่งพรูออกมาเกินคาดเดา ทำเอาทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด...ช็อกกันไปเป็นแถวเชียวค่ะกิลลี่ไม่ได้เรียนรู้เวทมนต์ดำเท่านั้น เธอยังเข้ารวมกลุ่มกับแม่มดพ่อมดที่ชั่วร้าย วางแผนปลงพระชนม์กษัตริย์เจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ด้วยมนต์เรียกพายุ!
เรื่องนี้ไม่มีแพะค่ะ! และไม่มีการตัดตอนใดๆ ด้วย กิลลี่บอกรายละเอียดไปถึงผู้บงการตัวจริง ซึ่งก็คือ "เอิร์ลแห่งโบธเวลล์" หรือ ฟรานซิส เฮปเบิร์น ขุนนางระดับสูงและเป็นพระญาติพระวงศ์ขององค์กษัตริย์เจมส์ที่ 6 นั่นเองท่านเอิร์ลน่ะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้าเจมส์ที่ 6 และคิดจะชิงบัลลังก์ จึงวางแผนปลงพระชนม์ซะ
เพื่อให้พระเจ้าเจมส์ที่ 6 สวรรคตขณะยังไม่ทันมีองค์รัชทายาท แล้วท่านเอิร์ลจะทวงสิทธิ์ในบัลลังก์ ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนเอิร์ลแห่งโบธเวลล์ผู้นี้หลงใหลมัวเมาในคาถาอาคม จนถึงขั้นตั้งตัวเป็นปีศาจ เป็นประธานในงานพิธีกรรมชุมนุมแม่มด!แผนลอบปลงพระชนม์โดยมนต์เรียกพายุนี้ มีผู้สมคบคิดอีก 4 คน กิลลี่เปิดเผยชื่ออย่างละเอียดละออว่า
ได้แก่ ดร.จอห์น ไฟอัน ครูใหญ่วัยหนุ่มแห่งเมืองซัลท์แพนส์,ยูฟีเมีย แคลคลีน,บาร์บารา นาปิแอร์ และ แอ็กเนส เซมซัน หมอตำแยเมืองคีธขณะนั้น กษัตริย์เจมส์ที่ 6 เสด็จไปรับพระมเหสีจากเมืองคิงฮอร์น เดนมาร์กกลับสู่ท่าเรือลิธในสกอตแลนด์พ่อแม่มดพ่อมด ซึ่งเรียกกันว่า "แม่มดแห่งนอร์ธ เบริค" ก็จัดชุมนุมทำพิธีกรรมครั้งสำคัญ รวมพลังก่อพายุร้ายในทะเลเพื่อจมขบวนเรือหลวง
วิธีทำก็คือ ไปจับแมลงมาหนึ่งตัว แล้วเอามาพิธีตั้งชื่อเลียนแบบพิธีของคริสตศาสนา จากนั้นก็จับมันวนสามรอบเหนือปล่องไฟ แล้วเอามาวนอีกสามรอบใต้ปล่องไฟ เสร็จแล้วก็เอากระดูกข้อต่อของคนตายมาผูกกับขาแมวทั้งสี่ข้าง เมื่อครบทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการแล้ว ก็เอามันไปที่ท่าเรือ จับมันโยนลงทะเล
วิธีโยนคืนต้องเหวี่ยงแมวนั้นออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!น่าขนลุกไหมล่ะคะ? พายุโลดขึ้นจริงๆด้วย ขบวนเรือหลวงถูกพายุเรือโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง บ้าคลั่ง เรือที่ตามเสด็จล่มลงเกือบหมด แต่กษัตริย์ทรงมีบุญญาธิการเหนืออำนาจชั่วร้าย เรือพระที่นั่งปลอดภัย กลับเข้าสู่ฝั่งสกอตแลนด์โดยสวัสดิภาพ
ไม่มีใครรู้ว่าพายุสยองนั้นเกิดจากมนต์แม่มด จนกระทั่งสาวกิลลี่หลุดปากสารภาพซะหมดไส้หมดพุง!เอิร์ลแห่งโบธเวลล์ถูกเนรเทศ แม่มดพ่อมดที่มีรายชื่อถูกประหารทั้งหมดเล่ากันว่า เมื่อกษัตริย์เจมส์ที่ 6 ทรงทราบเช่นนี้ก็มีรับสั่งให้กิลลี่ ดัดแคนเข้าเฝ้า และเต้นระบำ
ร้องเพลงร่ายมนต์ที่เธอที่ทำนอร์ธเบริคให้ทอดพระเนตร จากนั้นก็ตรัสว่าไม่ทรงเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง มันเหลวไหวทั้งเพ!แต่น่าประหลาดอะไรเช่นนั้น แอ็กเนส แซมซัน - หนึ่งในผู้ต้องหา ทูลตอบอย่างเครึ่งขรึมว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
มาถึงวันนี้ พอเห็นอากาศวิปริตทีไรดิฉันก็อดนึกถึงเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่ใช่ไม่เชื่อเรื่องแม่มดหมอผีมากลั่นแกล้งใครหรอกค่ะ เราเดือดร้อนกันอยู่นี่ก็เพราะโลกร้อนด้วยน้ำมือมนุษย์แท้ๆ ไม่ใช่ฝีมือแม่มดที่ไหนหรอกน่า!