เปิดเซฟเสี่ยโจ้ปัตตานี ผงะ100ล. เพชร-ทอง-พระเครื่องเพียบ รายชื่อจ่ายส่วยเป็นหางว่าว "สรรพา

จากกรณีที่พ.อ.จตุพร กลัมพสูตร รอง ผบ.หน่วยกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนใต้ หัวหน้าชุดปราบปรามภัยแทรกซ้อนต่อความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมนายสุทธิพร ภู่ภัทรสินธุ์ ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากกรมสรรพากร ในการติดตามผลการดำเนินคดีล้มละลายตามคดี 3488/2555 และศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปี 2556 ซึ่งกรมสรรพากรเป็น เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ นำเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์สินของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ที่เป็นหนี้กรมสรรพากร 414 ล้านบาท เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของเสี่ยโจ้ ที่หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ในเขตอุตสาหกรรมปัตตานี เลขที่ 103/19 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา และดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินจนถึงช่วงค่ำ ซึ่งผลตรวจสอบเบื้องต้นพบเอกสารจำนวนมาก รวมทั้งตู้เซฟอีก 2 ตู้ โดยตู้หนึ่งมีเงิน อยู่ 28 ล้าน 3 แสนบาท และทรัพย์สินอื่นๆ 

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่าผลการตรวจสอบทรัพย์สินนอกจากเงิน 28.3 ล้านบาท ยังพบทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นเงินไทยและเงินดอลลาร์ รวมถึงเงินสกุลอื่นอีกบางส่วน รวมทั้งพระเครื่องจำนวนมาก อาทิ พระเครื่องหลวงปู่ทวดรุ่น 8 จำนวน 10 องค์ พระเครื่องรุ่นพะโต๊ะ รุ่น 1 จำนวน 10 องค์ และพระองค์อื่นๆ ที่เป็นพระดังมีชื่อเสียงอีกจำนวนมาก รวมทั้งทองคำแท่ง 50 แท่ง แท่งละ 10 บาท พร้อมทองรูปพรรณ เพชร อีกประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ทำให้ต้องมีการตรวจนับทรัพย์สินใหม่ แต่เนื่องจากต้องใช้เวลา ทำให้การทำงานไม่สะดวก จึงนำทรัพย์สินที่ค้นได้เพิ่มเติมมาฝากไว้ที่ตู้เซฟของธนาคารกรุงไทย สาขาปัตตานี

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายสุทธิพร ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากกรมสรรพากร นายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรจังหวัดปัตตานี รวมทั้งคณะทำงานของสรรพากร และหน่วยงานกองบังคับคดี เดินทางไปตรวจนับทรัพย์สินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาปัตตานี โดยแยกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย เงินสดที่มีประมาณ 30 ล้านบาท มาฝากไว้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาปัตตานี ส่วนทรัพย์สินเครื่องเพชร ทองรูปพรรณ พระเครื่อง มาฝากไว้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาเจริญประดิษฐ์ ปัตตานี คาดว่าจะสรุปได้ก่อนเที่ยงวันที่ 7 ส.ค.นี้

นายพายุเผยว่า ทรัพย์สินดังกล่าวที่ยึดมาได้มีจำนวนมากจนสรรพากรจังหวัดปัตตานีไม่มีที่ เก็บรักษาทรัพย์สินดังกล่าว จึงต้องฝากไว้ที่ธนาคาร เพราะมีความปลอดภัยสูงกว่า หลังจากที่ตรวจสอบแล้วก็คงจะมอบให้กรมสรรพากรดำเนินการต่อไป

ผู้ สื่อข่าวรายงานอีกว่า ส่วนกรณีที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เดินทางไปที่ หจก.สินทรัพย์ทวีค้าไม้ ของนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถตรวจพบหลักฐานดวงตราตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ปลอม ซึ่งถือว่าเป็นภัยความมั่นคง มีการยึดไปตรวจสอบแล้ว รวมทั้งการทำธุรกิจน้ำมันเถื่อน การทำธุรกิจไม้ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากมีขั้นตอนในการตรวจสอบอีกมาก 

นอก จากนี้ยังสามารถยึดเรือประมงดัดแปลงทำเป็นเรือบรรทุกน้ำมันอีก 6 ลำ จากจำนวนบัญชีเรือ 76 ลำ ที่อยู่ในเครือข่ายค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่ามีการย้ายเรือดังกล่าวไปจอดไว้ที่น่านน้ำสากล เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจยึดของเจ้าหน้าที่ 

ส่วนไม้ในโรงไม้ ที่ถูกยึดเช่นกัน เพราะพบว่าไม้บางส่วนหาหลักฐานยืนยันที่มาที่ไปของไม้ไม่ได้ และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบต่อไป เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบไม้ไม่ถูกกฎหมาย มีมูลค่าสูงถึง 120 ล้านบาท และนอกจากนั้นมีการยึดรถยนต์อีก 5 คันด้วย

ส่วนที่พบเอกสาร บัญชีส่วยให้กับ ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ประมาณเดือนละ 45 ล้านบาทนั้น ทางชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ารวบรวมส่งให้หน่วยงานต้นสังกัดเพื่อให้ตรวจสอบ ต่อไป และรวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่ง คสช.อีกทางหนึ่งด้วย 

สำหรับ บรรยากาศที่หจก.สินทรัพย์ทวี ค้าไม้ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วก็ได้มีการนำโซ่และกุญแจล็อก ประตูไว้อีก 2 ชั้น เพื่อไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด เพราะยังต้องมีการตรวจสอบ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารพรานจากกรมทหารพรานที่ 43 เข้ามาดูแลตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้มีบุคคลอื่นเคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว

สำหรับเสี่ยโจ้ หรือนายสหชัย ถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคง การลักลอบค้าน้ำมันและไม้เถื่อน ได้ประกันตัวออกมาสู้คดีแล้ว 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...