ตัดจู๋ เรื่องใหญ่ที่ใกล้ตัวคนไทยมากกว่าที่คิด
ระยะหลัง หลายคนคงได้ยินข่าวการถูกตัดอวัยวะเพศบ่อย ๆ นะครับ
ซึ่งคิดว่าส่วนใหญ่คงเกิตจากความไม่ยินยอมนะครับ ยกเว้นพวกที่อยากแปลงเพศ
ทุกท่านทราบไหมครับ ว่าประเทศไทยนี่ เป็นประเทศที่มีการรายงานว่ามีการตัดอวัยวะเพศมากที่สุดในโลก
จนถึงขั้นเอาไปตีพิมพ์วารสารทางการแพทย์ในระดับนานาชาติเลยทีเดียว
โดยท่านแรกในไทยที่ทำการศึกษาและรู้จักกันไปทั่วโลก สำหรับการต่ออวัยวะเพศที่ถูกตัด
จนได้ลงนิตยสาร time เมื่อปี 1997 คือ ศาสตราจารย์คลีนิตเกียรติคุณ นายแพทย์สุรศักดิ์ เมืองสมบูรณ์
ซึ่งจริง ๆ ท่านทำการต่อเป็นรายแรกตั้งแต่ OCTOBER 22, 1977 ที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และก็ได้มีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเทนิคต่าง ๆ อีกมากมาย จนมาถึงปัจจุบัน
หลายคนเวลาอ่านข่าวทำนองนี้ก็สยอง (ผมก็สยอง) แต่หลายคนที่มีปัจจัยเสี่ยงจะถุกตัด ก็คงอยากรู้ว่าแล้วถ้าวันร้ายคืนร้าย ไปพลาดท่าเสียทีโดนตัดมาหละ ควรทำอย่างไร
ก็ขอตอบในฐานะเป็นหมอที่ดูคนไข้สาขานี้โดยตรงละกันนะครับ (ศัลยกรรมยูโรวิทยา)
ปกติเวลาอวัยวะส่วนสำคัญถูกตัดไปแล้วเนี่ย
ถ้าหาชิ้นส่วนเจอ และเก็บมาในสภาพที่ถูกต้อง และทันเวลา
เราก็จะเอามาเย็บต่อกลับที่เดิมครับ
ซึ่งการต่อก็จะต่อเส้นเลือด ต่อเส้นประสาท ใช้กล้องขยายส่องครับ ส่วนใหญ่ก็จะกลับมาใช้งานได้ครับ
ส่วนที่ว่าการเก็บที่ถูกวิธีคืออย่างไร
ก็คือเมื่อหาส่วนสำคัญเจอแล้ว ให้เอาใส่ถุงพลาสติกครับ
จากนั้นก็เอาถุงนั้นใส่กระติกน้ำแข็งให้ท่วม
ย้ำว่าต้องใส่ถุงก่อนค่อยแช่น้ำแข็งนะครับ เพราะเคยมีบางคนเอามาทั้งดุ้นแช่น้ำแข็งมาเลย
สุดท้ายเน่าครับ เพราะน้ำแข็งมันก็ไม่ใช่ปราศจากเชื้อ อีกอย่างเวลาน้ำแข็งละลายน้ำก็ซึมเข้าเซลล์อีก สุดท้ายใช้ไม่ได้ครับ
ต้องใส่ถุงก่อนนะครับ เผื่อหลายคนในที่นี้โดนตัด
ส่วนระยะเวลานี่ ยิ่งต่อเร็วก็ยิ่งดีครับ
เพราะว่าช่วงที่มันอยู่แยกกันกับร่างกาย เซลล์ก็จะไม่มีเลือดไปเลี้ยง
เซลล์ก็จะตายลงเรื่อย ๆ ครับ
ส่วนใหญ่ถ้าเกิน 12 ชั่วโมงก็ไม่ต้องเอามาแล้วครับ
หมดสิทธ์ ต่อไปก็ไม่ได้ผล
ดังนั้นเมื่ออ่านเรื่องนี้จบ จะทำอะไรก็พยายามพกกระติกน้ำใส่น้ำแข็งไว้ข้างตัวนะครับ มีอะไรจะได้แพ๊คทัน
ส่วนวิธีต่อนะครับ ก็ส่วนใหญ่ถ้าหาชิ้นส่วนเจอ และไม่เกิน 24 ชั่วโมง รวมถึงตัวชิ้นส่วนไม่เยินมาก
ปกติหมอก็จะทำการต่อให้นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกรพ.จะทำการต่อได้นะครับ
ต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีคุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะหรือศัลยกรรมพลาสติกอยู่เท่านั้น
และต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีกล้องขยายกำลังสูงด้วยครับ ซึ่งก็มีไม่เกิน 20 โรงหรอกในประเทสไทย
ดังนั้นถ้าใครทำตัวเสี่ยง ๆ ก็พยายามหาบ้านหรือมีกิจกรรมใกล้ ๆ โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ไว้ครับ
โดยเมื่อคุณหมอได้ชิ้นส่วนสำคัญมา ก็จะทำความสะอาดครับ (เคยมีเคสนึงโดนตัดแล้วทิ้งส้วม ก็ถึงขั้นต้องทุบโถไปควานหาชิ้นส่วนมาเลยก็มีนะครับ ต่อติดอีกต่างหาก)
หลังจากล้าแล้ว คุณหมอก็จะทำการเย็บเส้นเลือดทุกเส้นครับ
คือหลัก ๆ ก็เส้นเลือดแดงใหญ่ 1 เส้น เส้นเลือดดำ 3 เส้น และก้เย็บเส้นประสาท กับเย็บท่อปัสสาวะครับ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี่ไม่ง่ายเลยนะครับ เพราะต้องเย็บผ่านกล้องกำลังขยายสูง
ก็ลองคิดละกันไหมที่เย็บนี่เส้นเล็กกว่าเส้นผมเราอีก
ซึ่งก็เมื่อเย็บเสร็จก็ค่อยเย็บผิวหนังครับ เป็นอันเสร็จพิธี
ข้างบนนั่นคือในกรณีที่คนตัดใจดี เก็บชิ้นส่วนไว้ให้นะครับ
ต่อมาจะเป็นกรณีที่ว่าตัดแล้วหาชิ้นส่วนไม่เจอ หรือว่าชิ้นส่วนนั้นเสียหายเกินกว่าจะต่อครับ
หลังๆ เราจะเห็นว่าคู่กรณีเค้าก็เริ่มรู้ทันวงการแพทย์มากขึ้น คือรู้ว่าตัดแล้วต่อได้
ดังนั้นหลัง ๆ เค้าก็เลยทำลายหลักฐานครับ
เช่นให้เป็ด ให้หมากิน หรือเอาไปทิ้งชักโครก มีอยู่ทีนึงเอาไปผูกลอยกับลูกโป่งครับ
ซึ่งไม่รู้ไปตกลงบ้านใคร คงโชคดีพิลึก
ทางการแพทย์เราก็มีวิธีเยียวยาให้คนไข้ผู้โชคร้ายกลุ่มนี้ครับ
นั่นคือสร้างอวัยวะเทียมขึ้นมาใหม่
ซึ่งก็มีสารพัดเทคนิคครับ ในการทำ
บางคนก็เอาเนื้อบริเวณท่อนแขนครับ โดยการผ่าแบะแล้วเอาท่อปัสสาวะเทียมห่อไว้ จากนั้นก็รอจนมันสมานกัน แล้วก็ตัดท่อนเนื้อนั้นมาเย็บต่อกับตอครับ
หรือหมอบางท่านก็ใช้เนื้อตรงน่องขามาทำครับ แล้วใส่ท่อปัสสาวะเทียม เอามาต่อกับตอครับ
บางคนก็ใช้เนื้อตรงต้นขานะครับ
และหลัง ๆ เมืองนอกก็มีการพัฒนาถึงขั้นเอาอวัยวะจากคนตายที่เค้าบริจาคมาทำการปลุกถ่าย ครับ เพียงแต่ยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับครับ คือที่จีนมีคนนึง ผ่าตัดสำเร็จทุกอย่าง ใช้ได้ 1 เดือน ภรรยาก็มาขอให้เอาออกครับ เพราะรับไม่ได้ว่าเอาของคนตายมาใช้กับจิ๊มิ๊ตลอดเวลา อะไรอย่างนี้เป็นต้นครับ
ส่วนเรื่องการแข็งตัวนั้น เนื่องจากว่าเป็นของปลอม ดังนั้นเส้นประสาทก็ไม่มี จะแข็งก็ไม่ได้ แต่เทคโนโลยีปัจจุบันก็ก้าวหน้าครับ โดยหมอเค้าก็จะใส่แกนสังเคราะห์เข้าไปตลอดลำ แล้วก็ฝังปุ่มควบคุมไว้ตรงบริเวณขาหนีบครับ ทีนี้พอเวลาจะใช้งาน เจ้าของก็จะคลึง ๆ ตรงขาหนีบ มันก็จะทำให้แกนสังเคราะห์มันเหยียดตรงได้ ก็แข็งได้ครับ
ทั้งหมดที่เล่ามานั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เรื่องการใช้งานจริงครับ เพียงแต่ประคับประคองจิตใจคนไข้มากกว่า คือไม่ให้เค้าเหมือนขาดหายอะไรไปครับ สามารถยืนฉี่ได้ ใส่กางเกงว่ายน้ำได้ครับ ส่วนเรื่องจะมีบุตรนี้ ถ้าอัณทะยังอยู่ก็สามารถผสมเทียมเอาเชื้อไปเพาะเลี้ยงฉีดเข้าไปได้ครับ ก็สามารถมีบุตรได้ตามปกติครับ
ดังนั้นการจะแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือพยายามอย่าให้เกิดเรื่องครับ ผู้ชายก็อย่าไปเจ้าชุ้มาก รักเป็นคน ๆ ครับ อย่าจับปลาหลายมือนัก รักใครก็ทะนุถนอมกันไว้ครับ ไม่เคยเห็นประเภทรักกันมากจนตัดมาครอบครองครับ ที่โดนตัดมีแต่ประเภทรักไปทั่วจนสาวเค้าหมั่นไส้เอาไปทิ้งครับ ของใครใครก็รัก หัวใจใครใครก็หวงครับผู้หญิงเองก็อย่าตกเป็นทาสของอารมณ์ครับ ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ แถมต้องเสียอนาคตติดคุกหัวโตอีกครับ
ปล.คราวก่อนเคยมาตอบกระทู้พวกนี้ครั้งนึงแล้ว แต่ไม่มีภาพประกอบ แต่เนื่องจากที่บอกว่าคนไทยเราช่วยกันสร้างสถิติวะมากสุดในโลก เลยอยากรวบรวมข้อมุลมาเตือนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่อาจจะอยู่ในภาวะเสี่ยงครับ โดยได้ขออนุญาตจกผูป่วยก่อนแล้ว ลองเข้าไปดูนะครับที่
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thaicirc20&month=04-08-2009&group=10&gblog=2
ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูด หรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ
ปล.อีกที ที่ไม่เอารูปลงที่นี่เพราะกลัวอมยิ้มหายครับ
จากคุณ
: สาลิกาโบยบิน
เขียนเมื่อ
: 5 ส.ค. 52 00:27:00
อันนี้ของจริงแร่ะ มาจากลิงค์
ตัดจู๋ เรื่องใหญ่ที่ใกล้ตัวคนไทยมากกว่าที่คิด
ระยะหลัง หลายคนคงได้ยินข่าวการถูกตัดอวัยวะเพศบ่อย ๆ นะครับ
ซึ่งคิดว่าส่วนใหญ่คงเกิตจากความไม่ยินยอมนะครับ ยกเว้นพวกที่อยากแปลงเพศ
ทุกท่านทราบไหมครับ ว่าประเทศไทยนี่ เป็นประเทศที่มีการรายงานว่ามีการตัดอวัยวะเพศมากที่สุดในโลกนะครับ
จนถึงขั้นเอาไปตีพิมพ์วารสารทางการแพทย์ในระดับนานาชาติเลยทีเดียว
โดยท่านแรกในไทยที่ทำการศึกษาและรู้จักกันไปทั่วโลก สำหรับการต่ออวัยวะเพศที่ถูกตัด
จนได้ลงนิตยสาร time เมื่อปี 1997 คือ ศาสตราจารย์คลีนิตเกียรติคุณ นายแพทย์สุรศักดิ์ เมืองสมบูรณ์
ซึ่งจริง ๆ ท่านทำการต่อเป็นรายแรกตั้งแต่ OCTOBER 22, 1977 ที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และก็ได้มีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ อีกมากมาย จนมาถึงปัจจุบันครับ
หลายคนเวลาอ่านข่าวทำนองนี้ก็สยอง (ผมก็สยอง) แต่หลายคนที่มีปัจจัยเสี่ยงจะถุกตัด ก็คงอยากรู้ว่าแล้วถ้าวันร้ายคืนร้าย ไปพลาดท่าเสียทีโดนตัดมาหละ ควรทำอย่างไร
ก็ขอตอบในฐานะเป็นหมอที่ดูคนไข้สาขานี้โดยตรงละกันนะครับ (ศัลยกรรมยูโรวิทยา)
ปกติเวลาอวัยวะส่วนสำคัญถูกตัดไปแล้วเนี่ย
ถ้าหาชิ้นส่วนเจอ และเก็บมาในสภาพที่ถูกต้อง และทันเวลา
เราก็จะเอามาเย็บต่อกลับที่เดิมครับ
ซึ่งการต่อก็จะต่อเส้นเลือด ต่อเส้นประสาท ใช้กล้องขยายส่องครับ ส่วนใหญ่ก็จะกลับมาใช้งานได้ครับ
ส่วนที่ว่าการเก็บที่ถูกวิธีคืออย่างไร
ก็คือเมื่อหาส่วนสำคัญเจอแล้ว ให้เอาใส่ถุงพลาสติกครับ
จากนั้นก็เอาถุงนั้นใส่กระติกน้ำแข็งให้ท่วม
ย้ำว่าต้องใส่ถุงก่อนค่อยแช่น้ำแข็งนะครับ เพราะเคยมีบางคนเอามาทั้งดุ้นแช่น้ำแข็งมาเลย
สุดท้ายเน่าครับ เพราะน้ำแข็งมันก็ไม่ใช่ปราศจากเชื้อ อีกอย่างเวลาน้ำแข็งละลายน้ำก็ซึมเข้าเซลล์อีก สุดท้ายใช้ไม่ได้ครับ
ต้องใส่ถุงก่อนนะครับ เผื่อหลายคนในที่นี้โดนตัด
ส่วนระยะเวลานี่ ยิ่งต่อเร็วก็ยิ่งดีครับ
เพราะว่าช่วงที่มันอยู่แยกกันกับร่างกาย เซลล์ก็จะไม่มีเลือดไปเลี้ยง
เซลล์ก็จะตายลงเรื่อย ๆ ครับ
ส่วนใหญ่ถ้าเกิน 12 ชั่วโมงก็ไม่ต้องเอามาแล้วครับ
หมดสิทธ์ ต่อไปก็ไม่ได้ผล
ดังนั้นเมื่ออ่านเรื่องนี้จบ จะทำอะไรก็พยายามพกกระติกน้ำใส่น้ำแข็งไว้ข้างตัวนะครับ มีอะไรจะได้แพ๊คทัน
ส่วนวิธีต่อนะครับ ก็ส่วนใหญ่ถ้าหาชิ้นส่วนเจอ และไม่เกิน 24 ชั่วโมง รวมถึงตัวชิ้นส่วนไม่เยินมาก
ปกติหมอก็จะทำการต่อให้นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกรพ.จะทำการต่อได้นะครับ
ต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีคุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะหรือศัลยกรรมพลาสติกอยู่เท่านั้น
และต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีกล้องขยายกำลังสูงด้วยครับ ซึ่งก็มีไม่เกิน 20 โรงหรอกในประเทสไทย
ดังนั้นถ้าใครทำตัวเสี่ยง ๆ ก็พยายามหาบ้านหรือมีกิจกรรมใกล้ ๆ โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ไว้ครับ
โดยเมื่อคุณหมอได้ชิ้นส่วนสำคัญมา ก็จะทำความสะอาดครับ (เคยมีเคสนึงโดนตัดแล้วทิ้งส้วม ก็ถึงขั้นต้องทุบโถไปควานหาชิ้นส่วนมาเลยก็มีนะครับ ต่อติดอีกต่างหาก)
หลังจากล้าแล้ว คุณหมอก็จะทำการเย็บเส้นเลือดทุกเส้นครับ
คือหลัก ๆ ก็เส้นเลือดแดงใหญ่ 1 เส้น เส้นเลือดดำ 3 เส้น และก้เย็บเส้นประสาท กับเย็บท่อปัสสาวะครับ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี่ไม่ง่ายเลยนะครับ เพราะต้องเย็บผ่านกล้องกำลังขยายสูง
ก็ลองคิดละกันไหมที่เย็บนี่เส้นเล็กกว่าเส้นผมเราอีก
ซึ่งก็เมื่อเย็บเสร็จก็ค่อยเย็บผิวหนังครับ เป็นอันเสร็จพิธี
ข้างบนนั่นคือในกรณีที่คนตัดใจดี เก็บชิ้นส่วนไว้ให้นะครับ
ต่อมาจะเป็นกรณีที่ว่าตัดแล้วหาชิ้นส่วนไม่เจอ หรือว่าชิ้นส่วนนั้นเสียหายเกินกว่าจะต่อครับ
หลังๆ เราจะเห็นว่าคู่กรณีเค้าก็เริ่มรู้ทันวงการแพทย์มากขึ้น คือรู้ว่าตัดแล้วต่อได้
ดังนั้นหลัง ๆ เค้าก็เลยทำลายหลักฐานครับ
เช่นให้เป็ด ให้หมากิน หรือเอาไปทิ้งชักโครก มีอยู่ทีนึงเอาไปผูกลอยกับลูกโป่งครับ
ซึ่งไม่รู้ไปตกลงบ้านใคร คงโชคดีพิลึก
ทางการแพทย์เราก็มีวิธีเยียวยาให้คนไข้ผู้โชคร้ายกลุ่มนี้ครับ
นั่นคือสร้างอวัยวะเทียมขึ้นมาใหม่
ซึ่งก็มีสารพัดเทคนิคครับ ในการทำ
บางคนก็เอาเนื้อบริเวณท่อนแขนครับ โดยการผ่าแบะแล้วเอาท่อปัสสาวะเทียมห่อไว้ จากนั้นก็รอจนมันสมานกัน แล้วก็ตัดท่อนเนื้อนั้นมาเย็บต่อกับตอครับ
หรือหมอบางท่านก็ใช้เนื้อตรงน่องขามาทำครับ แล้วใส่ท่อปัสสาวะเทียม เอามาต่อกับตอครับ
บางคนก็ใช้เนื้อตรงต้นขานะครับ
และหลัง ๆ เมืองนอกก็มีการพัฒนาถึงขั้นเอาอวัยวะจากคนตายที่เค้าบริจาคมาทำการปลุกถ่าย ครับ เพียงแต่ยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับครับ คือที่จีนมีคนนึง ผ่าตัดสำเร็จทุกอย่าง ใช้ได้ 1 เดือน ภรรยาก็มาขอให้เอาออกครับ เพราะรับไม่ได้ว่าเอาของคนตายมาใช้กับจิ๊มิ๊ตลอดเวลา อะไรอย่างนี้เป็นต้นครับ
ส่วนเรื่องการแข็งตัวนั้น เนื่องจากว่าเป็นของปลอม ดังนั้นเส้นประสาทก็ไม่มี จะแข็งก็ไม่ได้ แต่เทคโนโลยีปัจจุบันก็ก้าวหน้าครับ โดยหมอเค้าก็จะใส่แกนสังเคราะห์เข้าไปตลอดลำ แล้วก็ฝังปุ่มควบคุมไว้ตรงบริเวณขาหนีบครับ ทีนี้พอเวลาจะใช้งาน เจ้าของก็จะคลึง ๆ ตรงขาหนีบ มันก็จะทำให้แกนสังเคราะห์มันเหยียดตรงได้ ก็แข็งได้ครับ
ทั้งหมดที่เล่ามานั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เรื่องการใช้งานจริงครับ เพียงแต่ประคับประคองจิตใจคนไข้มากกว่า คือไม่ให้เค้าเหมือนขาดหายอะไรไปครับ สามารถยืนฉี่ได้ ใส่กางเกงว่ายน้ำได้ครับ ส่วนเรื่องจะมีบุตรนี้ ถ้าอัณทะยังอยู่ก็สามารถผสมเทียมเอาเชื้อไปเพาะเลี้ยงฉีดเข้าไปได้ครับ ก็สามารถมีบุตรได้ตามปกติครับ
ดังนั้นการจะแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือพยายามอย่าให้เกิดเรื่องครับ ผู้ชายก็อย่าไปเจ้าชุ้มาก รักเป็นคน ๆ ครับ อย่าจับปลาหลายมือนัก รักใครก็ทะนุถนอมกันไว้ครับ ไม่เคยเห็นประเภทรักกันมากจนตัดมาครอบครองครับ ที่โดนตัดมีแต่ประเภทรักไปทั่วจนสาวเค้าหมั่นไส้เอาไปทิ้งครับ ของใครใครก็รัก หัวใจใครใครก็หวงครับผู้หญิงเองก็อย่าตกเป็นทาสของอารมณ์ครับ ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ แถมต้องเสียอนาคตติดคุกหัวโตอีก
ปล.สุดท้าย จากสถิติที่เจอมา ส่วนใหญ่คนไข้ที่มาโรงพยาบาลคือถูกภรรยาน้อยตัดด้วยความหึงหวง ส่วนคนที่พามานี่มักเป้นภรรยาหลวงครับ ดังนั้นรักกันให้มาก ๆ นะครับ อ้อ และรูปส่วนใหญ่ที่อามาลคือขออนุญาติคนไข้มานะครับ ยกเว้นบางอันส่วนน้อยเอามาจากวารสารเมืองนอกครับ)
ก้ขอแค่นี้พอหอมปากหอมคอนะครับ พิมพ์ไปก็มือ่อนไป เสียววุ้ย)