สุดซึ้ง ปุ้ย พิมลวรรณ โพสต์ภาพความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ รวมถึงความรักของทุกคนในครอบครัว

หลายคนคงจะทราบเรื่องน่าใจหายของ คุณ ปุ้ย  พิมลวรรณ หุ่นทองคำ พิธีกรคนเก่งจากรายการ “ผู้หญิงถึงผู้หญิง” ทางช่อง 3 ที่เพิ่งเสียคุณแม่อันเป็นที่รักของครอบครัวไปไม่นานนี้ ซึ่งระหว่างที่คุณแม่ป่วยหนัก จนถูกนำตัวหามส่งโรงพยาบาลและเข้ารักษาตัวที่ห้อง ICU คุณปุ้ย พิมลวรรณ และ คุณพ่อ ก็คอยปรนิบัติดูแลอย่างเต็มที่ พร้อมอัพเดตอาการป่วยของคุณแม่ รวมถึงแบ่งปันเรื่องราวความรักสุดซึ้งของคุณพ่อ ที่มีต่อแม่ อยู่เป็นระยะ ผ่านอินสตาแกรม… ทำให้เราที่ติดตามก็อดซาบซึ้งไปกับความรักที่บริสุทธิ์ ของคุณพ่อและครอบครัวนี้ไม่อยู่ เราจึงอยากนำเรื่องราว ความรักสุดซึ้งนี้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ Mthai ได้อ่านกันค่ะ ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัว แล้วคุณเข้าใจ ความรัก มากกว่าที่เคยค่ะ

     ชีวิตรักของพ่อกับแม่มันมีเรื่องราว พ่อเล่าความหลังให้ฟังด้วยความรักว่าพ่อกับแม่เจอกันบนรถทัวร์สายกรุงเทพ-โคราช พอถึงปากช่องพ่อทำเท่ห์ลงไปซื้อโอเลี้ยงแจกสาวๆในรถ แม่ก็เสร็จสิ!!! จีบกันไปมาตั้งแต่แม่อายุยังน้อยจนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พิมพ์ดีดอยู่แอร์อเมริกาที่อุดรฯ ในสมัยนั้นติดต่อบอกรักกันทางโทรเลข จนเกิดเรื่องราวพ่อพาแม่หนี ร้อนถึงคุณยายซึ่งอ่านหนังสือไม่ออกสักตัวออกตามหาแม่ถึงเชียงใหม่จนเจอ พ่อสารภาพก้มกราบเท้าสัญญากับคุณยายว่าจะรักดูแลแม่ให้ดีที่สุด ส่วนแม่นะเหรอ?! พ่อบอกว่าหนีไปซ่อนตัวในห้องน้ำโน่น!!!

          ทั้งชีวิต75ปีของพ่อ…พ่อกับแม่ไม่เคยห่างกันเลย แม้จะทะเลาะกันบ้างตีกันบ้าง พ่อแพ้แม่มาตลอด เคยถามว่า ทำไมพ่อถึงยอมแม่ขนาดนี้ พ่อตอบว่า “ก่เกยอู้ไว่ว่าจะฮับผิดชอบดูแลแม่มันทั้งชีวิต…มันเป็นกำอู้ของลูกป้อจาย…ฮู้ก่” 

     “เมื่อวานหมอตัดสินใจให้ยานอนหลับกับยาหย่อนกล้ามเนื้อซึ่งจะช่วยแม่ให้หายใจได้ดีขึ้น เพราะร่างกายแม่เริ่มต่อต้านการรักษา ซึ่งไม่ใช่แม่ต่อต้านเพราะเรารู้กันดีว่าแม่เข้มแข็งและอยากหายมากแค่ไหน แต่ร่างกายมนุษย์มันซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ เมื่อทนความเจ็บไม่ไหวสมองก็จะสั่งให้ทำตรงข้ามเสมอ เบื้องต้นแม่จะหลับ 2-3 วัน ซึ่งเป็น 2-3 วัน ที่ได้ขอร้องให้พ่อพัก เพราะเห็นว่าพ่อเริ่มอ่อนแรงเหลือเกิน บอกให้พ่อกินเยอะ ๆ กินของดี ๆ เพราะจะทำให้พ่อมีเรี่ยวแรงและไม่ล้มป่วยไปอีกคน แต่พ่อคงไม่ได้ยินเสียงอีกตามเคย เพราะพ่อตาแดงและถามเสียงเครือว่า “แม่มันจะบ่เป๋นเจ้าหญิงนิทราแม่นก่”

    ทุกเช้าที่พ่อมาหาแม่ พ่อจะพูดประโยดเดิม ๆ กับแม่เสมอว่า “วันนี้หน้าตาดีขึ้นจั๊ดนักเนาะแม่เนาะ” พ่อพูดแบบนี้ทุกวัน สำหรับพ่อมันเป็นประโยคเป็นบอกเล่า ไม่ใช่คำถาม ไม่ต้องการคำตอบ เช้าวันหนึ่งพ่อออกจากบ้านช้ากว่าปกติ เห็นเดินกึ่งวิ่งมาที่รถบอกว่า “ไปเซาะถุงตี๋นหื้อแม่…แม่ต้องเปลี่ยนถุงตี๋น” ถึงห้อง ICU พ่อบรรจงถอดถุงเท้าเก่าแล้วสวมคู่ใหม่ให้อย่างเบามือราวกับว่ากลัวแม่จะรู้สึกเจ็บ พ่อคงไม่อยากให้แม่เจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว เมื่อนั่งมองดูพ่อเฝ้าแม่ทั้งวัน จึงได้คำตอบของทุกคำถามบนโลกใบนี้ และหนึ่งในนั้นคือ แม่…เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งจริง ๆ

    “พ่อว่าแม่มันท่าจะเจ็บขนาด…แต่มันเป๋นเอี๊ย…มันเข้มแข็งมาตั้งแต่เป๋นสาว ๆ ละ” วันนี้ได้เห็นความรักความห่วงใยที่พ่อมีต่อแม่มันช่างมากมายมหาศาลเสียจริง ตอนดี ๆ แข็งแรงกันทั้งคู่ ก็ทะเลาะกันไม่เว้นวัน คนที่โทรมาฟ้องบ่อยสุดเห็นจะเป็นพ่อนี่แหละ… ห้ามทัพบ้างแกล้งขำบ้างไปตามประสา แม่เองก็ใช่ย่อยยอมพ่อที่ไหน บางทีก็ฟ้องกลับเหมือนกัน ลูกอย่างเราฟังจนหูชา ไม่รู้จะตัดสินยังไงได้ แต่เห็นเป็นเรื่องขำ ๆ ประจำวันไป จนเมื่อวานบอกพ่อว่าถึงเวลากลับบ้านแล้ว พ่อลุกจากที่นั่งเดินช้า ๆ เข้าไปจับมือแม่ที่พยายามยกขึ้นรออยู่ แล้วบอกว่า “แม่…ป๋อปิ๊กก่อนเน้อ…นอนเหี๋ย…นอนนัก ๆ จะได้มีแฮง” แม่ได้แต่นอนทำตาปริบ ๆ มองพ่อ..สายตาแม่นั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและความขอบคุณที่เชื่อว่าทั้งพ่อและแม่ต่างก็สัมผัสได้ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นภาพนี้ อยู่ด้วยกันอย่าอยู่อย่างอาย ๆ แสดงความรักต่อกันทุกวันนะคะ ความรักเป็นพลังมีอานุภาพมหาศาลกว่าทีเรารู้ค่ะ”

     เช้านี้เรารีบมาหาแม่แต่เช้า….พ่อแต่งตัวหล่อเชียว…ตามกำหนดเราคิดว่าแม่จะตื่นและรู้สึกตัวพ่อคงต้องการให้แม่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเจอเราเป็นคนแรก ๆ แต่เมื่อคืนหมอตัดสินใจให้ยานอนหลับแม่ต่อไปอีกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เครื่องช่วยหายใจทำร้ายปอดและเพื่อผลทางการรักษา…พ่อ…ซึ่งเฝ้านับวันรอแม่ตื่นถึงกับก้มหน้าคอตก…ความหวังที่จะได้พบหน้าแม่ ได้พูดคุยกับแม่พังทลายลงต่อหน้า ละล่ำละลักถามหมอแต่ประโยคเดิม ๆ ว่า “หมอครับ ๆ…ถ้าเค้าตื่นเค้าจะจำได้เหมือนเดิมมั๊ย ?” พ่อกลัวว่าแม่จะไม่เหมือนเดิม กลัวว่าระหว่างนี้แม่จะเหงา หว้าเหว่ และคิดว่าต้องนอนอยู่ตัวคนเดียว แล้วก็ได้เห็นพ่อ…ลุกจากที่นั่งเดินช้า ๆ ราวกับหมดแรงไปหาแม่ที่นอนหลับตาอยู่ พร่ำพูดแต่ว่า “แม่…บ่ต้องกั๋วเน่อ…พ่อบ่ทิ้งแม่…พ่อจะมาตึงวัน…มาอู้กับแม่…ขอหื้อแม่เข้มแข็ง…ต้องสู้กับโรคหนา…หายแล้วเฮาไปกรุงเทพตวยกั๋น…พ่อฮักแม่เน่อ”

“แม่เคยป้อนข้าวหนู…วันนี้หนูขอเป็นคนป้อนข้าวแม่บ้าง”

     พ่อเป็นคนถ่ายรูปนี้ คือจริงๆแล้วคงอยากแอบถ่าย แต่ก็ใช้เวลานานมากในการหามุมภาพและกดชัตเตอร์จนคนถูกถ่ายรู้ตัว พ่อเป็นคนชอบเทคโนโลยี หลายปีก่อนพ่ออยากได้คอมพิวเตอร์ บอกเอาไว้ท่องเวป จริงจังขนาดที่ว่าไปหาซื้อหนังสือ Microsoft word excel window7 มานั่งอ่านนั่งศึกษาด้วยตัวเอง เจอกัน อีกทีพ่อบอกว่า “ต่อไปนี้มีอ่ะหยั๋งหื้อติดต่อป้อทางเมล์เน้อ” ลองส่งไปหาก็ไม่เห็นเคยตอบ เลยโทรไปถามได้ความว่า”จะตอบได้จะไดป๋อลืม พาสเวิร์ดน่ะกะ …ปุ้ยช่วยป้อกำ” จนถึงวันนี้พ่อมี Facebook และรับข่าวสารทาง โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค พ่ออาจจะทำอะไรช้าบ้างตามอายุ แต่ความจำและความรู้รอบตัวของพ่อดีมากๆ ทุกๆคืนจะเห็นภาพพ่อนั่งเช็คไอแพดอยู่จนดึกดื่น แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องไอทีกับหลาน บางทีก็ส่งรูปรถจักรยานคันโปรดบ้าง รูปแม่นั่งหลับบ้างมาให้ดู ซึ่งล่าสุดพ่อส่งรูปนี้มาให้ พร้อมกับข้อความว่า “ลูกกำลังทาครีมให้แม่…”


ก่อนหน้านี้แม่เป็นผู้หญิงเก่งแกร่ง แข็งแรงและคล่องแคล่วมาก พอบอกใครต่อใครว่าแม่อยู่ ICU มีแต่คนทำหน้าฉงน แต่ร่างกายคนเราก็เหมือนเครื่องจักร วันหนึ่งก็เสื่อมก็สึกหรอได้ แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจ แต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องยอมรับ เพราะมันไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ เย็นนี้นึกเอะใจถามแม่ว่า “กังวลใจอะไรหรือเปล่า” แม่ส่ายหัวแล้วตอบว่า”ไม่หรอก เราทำดีที่สุดแล้วลูก”  ขอบคุณที่สอนให้หนูรู้จักคำว่า เข้มแข็งนะคะ…แม่

    วันนี้ยายพูดไม่ได้เพราะใส่เครื่องช่วยหายใจแต่ก็ขอกระดาษปากกาเขียนข้อความให้ภูมิ ว่า “โรงเรียนที่นิวซีแลนด์ ให้ดูแลตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียน พ่อแม่เป็นห่วง ยายให้กำลังใจนะ แล้วยายจะหายเร็วๆ” ยายรักภูมิมากเพราะเป็นหลานชายคนเดียวและเลี้ยงดูมาแต่แรกเกิด ภูมิเป็นเด็กร้องไห้ทุก5โมงเย็นยายก็อุ้มขึ้นรถขับวนทั่วจนหลานหลับ ตื่นมาหิวก็พากันหาข้าวกินกินซึ่งตอนหลังภูมิโตหน่อยมาฟ้องแม่ว่ายายเอาแต่กินก๋วยเตี๋ยว ทั้งเช้ากลางวันเย็น ตั้งแต่ยายเข้ารพ.พยายามให้ Face time กันยายบอกภูมิทุกวันว่า”เดี๋ยวยายก็หาย” จนกระทั่งเมื่อวานเครื่องดีเลย์ภูมิมาไม่ทันส่งยายเข้าห้องผ่าตัดส่องกล้อง เลยถามว่า “หลานว่าไงแม่” “ภูมิบอกแม่ว่า…สู้สู้นะครับคุณยาย” แล้วเราเห็นน้ำตาไหลอาบแก้มของ…แม่ ผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดในโลก

    วันนี้แม่ไม่อยู่แล้ว…แต่เรื่องราวของแม่ยังอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ…แม่เป็นผู้หญิงเก่งมาแต่ไหนแต่ไร…หาเงินเก่งชนิดเรียกว่ามัคคุเทศน์สมัยเกือบ 40ปีก่อนไม่มีใครไม่รู้จัก…แม่ทำเงินให้ร้านรวงต่างๆในเชียงใหม่มาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แม้ค่าตอบแทนอันน้อยนิดของอาชีพไกด์นำเที่ยว แต่แม่สามารถเก็บหอมรอมริบมาส่งลูกเรียนคอนแวนต์มีชื่อในเชียงใหม่ให้ทัดหน้าเทียมตาลูกคนอื่น จวบจนมีวิชาเลือกเปียโนเอยบัลเล่ย์เอยด้วยความเป็นเด็กลูกก็ไปเข้าแถวเรียนกับเขาด้วย คุณครูบอกว่า “พิมลวรรณ เธอไม่มีชื่อเข้าเรียนนะจ๊ะ” หลายต่อหลายครั้งเข้า ปุ้ยจึงรู้สถานะของตัวเองและได้เข้าใจว่า
แม่….ของลูกต้องเหนื่อยมากเพียงไหนกว่าจะได้เงินสักบาทมาจ่ายค่าเล่าเรียนซึ่งแน่ละต้องแพงโข ทำให้สงสารและรักแม่มากสุดหัวใจ จนตัวเองกลายเป็นคนมัธยัสถ์ไปโดยปริยาย พ่อเล่าว่าครั้งล่าสุดที่ขับรถผ่านโรงเรียนเก่าแห่งนั้น…แม่….พูดขึ้นมาว่า “เอ็นดูปุ้ยมันเนาะ นั่งเล่นรอแม่มาฮับปิ๊ก บ้านอยู่คนเดียวจนค่ำ” อยากบอกว่า “ปุ้ยต่างหากที่สงสารแม่…. ออกจากบ้านไปทัวร์ดอยสุเทพ ต่อด้วยปางช้าง บางทีไปบ่อสร้างสันกำแพง ไปเชีบงราย ไปสามเหลี่ยมทองคำ กว่าจะส่งแขกเข้าโรงแรม กว่าจะเสร็จงานแล้ววิ่งมารับปุ้ยที่โรงเรียนจนค่ำมืด เป็นอย่างนี้

ทุกวันตั้งเกือบ10ปี จะไม่ให้ปุ้ยเฝ้าคิดถึงความลำบากของแม่…ได้ยังไง” ตอนนี้แม่ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว ปุ้ยอยากให้แม่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ลูกคนนี้ทำแทนแม่ได้ทุกอย่าง ปุ้ยรักและสงสารแม่เหลือเกิน ถ้าชาติหน้ามีจริงปุ้ยขอโอกาสกลับมาเป็นลูกของแม่อีกนะจ๊ะ

    ขอบใจลูกที่เข้าใจสถานการณ์ ขณะที่แม่กับคุณตาอยู่ทำงานสุดท้ายของคุณยายให้เสร็จสมบูรณ์อย่างสวยงาม ภูมิต้องเดินทางไปเรียนตามกำหนด บ่ายวานนี้ 2 หนุ่ม จึงกอดลากันด้วยอาการเคอะๆเขินๆ แม้ต้องเดินทางคนเดียวภูมิก็อาสาและเต็มใจ ภูมิไม่เคยได้ทำให้แม่กังวลเลย ขอบคุณนะที่ช่วยยกร่างคุณยาย รับหน้าที่หาข้าวและเคาะโลง จนสุดท้ายที่ภูมิบอกยายไม่ต้องเป็นห่วง ภูมิจะตั้งใจเรียนและไม่เกเร ไม่เคยคิดว่าภูมิในวัย 12 ย่าง 13 ขวบจะดูแลหัวใจของแม่ของคุณตาได้ดีถึงเพียงนี้ ขอบคุณอ้อมกอดของลูก ขอบคุณที่กุมมือแม่ตลอดเวลา สุดท้ายขอบใจนะที่เกิดมาเป็นหลานคุณยาย

    จากเรื่อง ของ ปุ้ย พิมลวรรณ  เราไม่เพียงแต่เห็นภาพความรักของ คุณพ่อ ที่มีต่อแม่ที่จากไป ภาพความรักของลูกที่ต่อแม่ ความรักของหลานที่มีต่อยาย เท่านั้น แต่สิ่งที่เราได้รับและรู้สึกได้ก็คือ กระจกสะท้อนกลับมาถามตัวเองว่า “ทุกวันนี้เราดูแลคนที่เรารักได้ดีหรือยัง ?”  “เราทำหน้าที่ของลุกที่ดี หรือ คนรักที่ดีหรือยัง มีจุดไหนขาดตกบกพร่องไปไหม” และ ” เราดูแลแต่แฟนมากไป จนลืมทำหน้าที่ลูกตัญญูหรือเปล่า” ????

เราเชื่อว่าการดูแลคนที่เรารักเป็นอย่างดีในทุกๆวัน ไม่ว่าจะยามทุกข์ หรือยามสุข “ความรักและอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น” นั้นเป็นยิ่งกว่าทิพยโอสถใดๆ เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตขับเคลื่อนต่อไปได้ และสามารรักษาเยียวยาเหตุการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี

    Women Mthai  หวังว่าทุกคนจะเริ่มต้นเดือนแห่งความรัก ด้วยรักจาก ครอบครัว สถาบันที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุด สถานที่แรกที่สอนให้เรารู้จัก ความรักที่แท้จริง ความรักที่บริสุทธิ์ และไม่มีเงื่อนไข หากเราเข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดีแล้ว เราก็จะสามารถ รัก คนอื่นได้ดีที่สุดเช่นกันค่ะ จงดูแลคนที่คุณรักตั้งแต่วันที่เขายังมีชีวิตอยู่เถอะค่ะ ก่อนที่คุณจะไม่ไมีโอกาสดูแลเขาอีกต่อไป :) 

ความรักที่แท้จริง ยิ่งใหญ่ สวยงาม และบริสุทธิ์ คือความรักของ “ครอบครัว”

Credit: http://women.mthai.com/scoop/162378.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...