“หนังผี” เรื่องราวเขย่าขวัญสั่นประสาท ที่เมื่อเข้าฉายทีไรก็เรียกรายได้ถล่มถลายมาแล้วเกือบทุกครั้ง แต่คุณๆ รู้หรือไม่ว่า“หนังผี” ที่สร้างปรากฎการณ์ “หลอน” อยู่นั้น บางเรื่องสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง!!!
1. จะทำอย่างไรเมื่อบ้านที่เราอยากได้มาตลอดชีวิต มีผีเป็นเจ้าของ : My House บ้านขังวิญญาณ
ครอบครัวหนึ่งได้ซื้อบ้านโดยไม่ได้ตรวจสอบประวัติว่าบ้านหลังที่ซื้อ มีประวัติอะไรบ้าง เมื่อเข้าไปอยู่ในบ้านก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมากมายกับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ลูกสาวที่มักจะละเมอเดินไปเล่นในห้องน้ำ , เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินขึ้นลงบันไดบ้านในยามค่ำคืน , เงาดำของชายร่างสูงใหญ่เดินไปมาในบ้าน , เสียงเด็กวิ่งเล่นในบ้าน , เสียงหัวเราะยามค่ำคืนของหญิงสาวปริศนา , อาหารและน้ำดื่มที่เน่าเสียและบูดเร็วผิดปกติ เวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณก็ได้ยินเสียงตะโกนลั่นว่า กูไม่เอา! , การตกงานพร้อมกันของสามีและภรรยา ไปจนถึง การเสียชีวิตแบบปริศนาภายในบ้านของคุณยาย ฯลฯ เมื่อเกิดเหตุการณ์แปลกๆมากขึ้นจึงได้ลองตรวจสอบประวัติของบ้านทำให้รู้ว่า บ้านหลังนี้เมื่อประมาณ 20 ปีก่อนหน้า มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น สามีเป็นคนฆ่าภรรยาและลูกด้วยเหตุหึงหวงและโกรธแค้นที่ภรรยาคบชู้ โดยเริ่มจากฆ่าลูกชายก่อนด้วยการกดน้ำในอ่างอาบน้ำ และเมื่อภรรยากลับมาพบก็จัดการฆ่าปาดคอภรรยา เจาะลูกตาสองข้าง ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม หลังจากนั้น ไม่ว่าจะมีครอบครัวไหนมาซื้อบ้านหลังนี้ต่อ ก็ล้วนแล้วแต่เกิดเหตุการณ์ ร้ายๆ ฆ่ากันตายในบ้านทั้งสิ้น
ด้วยความกลัว เจ้าของบ้านจึงได้ไปหาพระและหมอผี ให้มาทำพิธีช่วยเหลือ แต่ทุกคนที่เข้ามาดูบ้านก็พร้อมใจกันปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า “เฮี้ยน” เกินไป ให้ย้ายออก วิญญาณทุกตนที่สิงสถิตย์อยู่ที่นี่ ไม่ต้องการบุญ สิ่งที่ต้องการคือบ้านเท่านั้น นอกจากนั้น หมอผีหรืออาจารย์ทุกคนที่เข้ามาดูบ้านให้ก็ต้องพบกับเรื่องประหลาด พากันป่วยหนักทุกคนโดยไม่มีสาเหตุ สุดท้ายครอบครัวนี้ทนความเฮี้ยนและเหตุการณ์ประหลาดต่อไปไม่ไหวจึงได้ย้ายออกมาและประกาศขายบ้าน แต่ด้วยประวัติของบ้านที่น่ากลัว ทำให้จนถึงปัจจุบันบ้านหลังนั้นก็ยังคงเป็นบ้านร้าง ไม่มีใครกล้ามาซื้ออีกเลย
จากข้อมูล Pantip.com
2.จากข่าวหน้าหนึ่งสู่แผ่นฟิล์ม “สยองห้องขังเฮี้ยน ผีโผล่กลางคุก”: ตายโหง (ผีคุกกองปราบ)
จากเรื่องจริงสุดสยอง
ณ คุกกองปราบ ในปี พ.ศ. 2552 ในค่ำคืนหนึ่งเวลาประมาณ ตี 3 จู่ๆ นายสมบูรณ์ ทองคำ ผู้ต้องหาคดีกรรโชก ปล่อยเงินกู้สาวใหญ่เรียกดอกเบี้ยสุดโหด แถมอ้างตัวเป็นนายดาบกองปราบ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในห้องขังก็ร้องโวยวายขึ้นมาว่า ถูกผีชายชุดแดงหลอก โดยผีชายชุดแดงมาชวนไปอยู่ด้วย ใช้ให้ผูกคอตายกับซี่กรงห้องขัง เมื่อตนไม่ยอมก้พยายามเข้าสิงเพื่อให้ผูกคอตาย โชคดีที่ยังพอมีสติอยู่บ้าง จึงได้ร้องให้คนช่วย ซึ่งห้องขังดังกล่าวแต่เดิมนั้น เคยมีผู้ต้องหาผูกคอตายมาแล้ว 3 ราย รายแรกและรายที่ 3 สิบเวรห้องขังช่วยไว้ได้ทัน แต่รายที่สอง คือ นายฉลาด เสนารัตน์ วัย 40 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ต้องหาข่มขืนหลานสาว วัย 11 ขวบ จนตั้งท้องและคลอดลูก ได้ผูกคอตายสำเร็จ โดยใช้เสื้อสีแดงที่สวมใส่อยู่มาผูกคอตายกับลูกกรงหน้าต่างห้องขัง เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 12 กรกฎาคม 2550
นอกจากกรณีนายสมบูรณ์ที่ร้องโวยวายว่าผีหลอก ชวนไปอยู่ด้วยและพยายามให้ผูกคอตายแล้วนั้น ในห้องขังคุกกองปราบแห่งนี้ยังมีเหตุการณ์ขนหัวลุกอื่นๆ เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง เช่น กรณีนายพิพัฒน์ แนบเนียน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงบัตรเครดิต อยู่ดีดีก็มีอาการคล้ายถูกผีเข้า ลุกขึ้นนั่งทำตาขวาง ตัวสั่น พร้อมกับพูดว่า “กูอยากกลับบ้าน อยากออกไป แต่กูออกไปไม่ได้ เพราะโดนอาญาแผ่นดินอยู่” เพื่อนผู้ต้องขังต้องช่วยกันปฐมพยาบาลและเรียกสิบเวรห้องขังมาช่วย จนอาการดีขึ้น โดยก่อนเกิดเหตุการณ์ผีเข้านี้ มีผู้ต้องขังคนหนึ่งเห็นชายใส่เสื้อกล้ามสีแดงนั่งอยู่บนลังใส่ของกลาง จึงสงสัยว่าอาจจะเป็นวิญญาณของนายฉลาด เสนารัตน์ ผู้ต้องหาคดีข่มขืนหลานสาวตัวเอง ที่ผูกคอตายในคุกแห่งนี้นั่นเอง ทั้งนี้แม้ทางกองปรามจะได้นิมนต์พระสงฆ์มาช่วยรดน้ำมนต์ และปัดรังควาญแล้วก็ตาม แต่ความเฮี้ยนของผีชายเสื้อแดง ที่มักจะมาชวนให้ผูกคอตาย ก็ยังคงเกิดขึ้นบ่อย ๆ จนค่ำคืนในห้องขังภายในคุกกองปราบเป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดเฮี้ยนที่ไม่ว่าใคร ก็ไม่อยากโดยคุมขังไว้คนเดียว !!!
3. จะรู้สึกอย่างไร...เมื่อต้องไปเข้าห้องน้ำที่มีศาลตั้งอยู่ในห้องน้ำ : มหาลัยสยองขวัญ (รวม 4 เรื่องเล่าสุดเฮี้ยน จาก 4 มหาวิทยาลัย)จากเรื่องเล่าถึงอดีตอันยาวนานที่เคยเกิดขึ้น ณ ห้องน้ำ ชั้น 5 ตึก A คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่ากันว่า มีชายหนุ่มคณะวิศวะ และ หญิงสาวคณะสถาปัตย์คู่หนึ่ง ได้ตกลงคบหาเป็นแฟนกัน ทั้ง 2 รักกันมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฝ่ายชายได้ขอเลิก ทำให้ฝ่ายหญิงเสียใจมาก พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะขอคืนดี แต่ฝ่ายชายก็ปฏิเสธ สุดท้ายฝ่ายหญิงเลยคิดสั้น ตัดสินใจผูกคอตายในห้องน้ำหญิงของตึกนี้ ตั้งแต่นั้นมาที่ตึกนี้ก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะที่ชั้น 5 มักจะได้ยินเสียงแปลกๆ หรือเห็นเงาคนเดิน แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ไม่พบอะไร บ้างก็เล่าว่าหากใครไปเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ จะได้ยินเสียงเหมือนมีคนเข้าห้องน้ำห้องข้างๆ หรือหากส่องกระจกก็จะเห็นผู้หญิงยืนอยู่ด้านหลัง สร้างความหวาดผวาให้กับบรรดานักศึกษาที่ต้องทำงานในตึกนี้เป็นอันมาก ทางคณะจึงได้มีการตั้งศาลเพียงตาขึ้นในห้องน้ำ เพื่อให้ดวงวิญญาณได้มีที่อยู่
ต่อมาเมื่อทางคณะได้จัดให้มีการปรับปรุงสถานที่จึงได้เชิญพราหมณ์มาทำพิธีเคลื่อนย้ายศาล ซึ่งใช้เวลานานมากในการดำเนินการ ต้องทำกันหลายครั้ง กว่าจะอัญเชิญดวงวิญญาณให้เปลี่ยนที่อยู่สำเร็จได้ แต่ถึงแม้ว่าศาลดังกล่าวจะย้ายไปอยู่ที่ชั้นล่างด้านหลังตึก A แล้วก็ตาม แต่เรื่องราวเล่าขานถึงเหตุการณ์ความเฮี้ยนยังคงอยู่ ทำให้ในเวลากลางคืน ก็ยังไม่มีนักศึกษาคนใดกล้าไปเดินผ่านบริเวณนั้นอีกเลย
4. หากอยากสมหวังในรักก็ต้องกล้าที่จะขอพร และ แก้บน ตอนตี 3 คนเดียว : ตีสามคืน 3 ตอน คอนแวนต์
เรื่องราวสยองขวัญเริ่มต้น ณ โบสถ์ที่ปิดตายข้างโรงเรียนคอนแวนต์ เล่ากันว่ามีแม่ชีคนหนึ่งบวชอยู่ที่โบสถ์แห่งนี้ มีความสามารถในการเล่นเปียโนเป็นเลิศ ขณะยังมีชีวิตอยู่แม่ชีจะเคร่งครัดในศาสนาเป็นอย่างมาก ถึงขั้นยอมอุทิศตัวอยู่แต่ในโบสถ์ สละเรื่องทางโลก สวดมนต์ภาวนาพลีกรรมอย่างไม่หยุดหย่อน แต่แล้ววันหนึ่ง แม่ชีก็เกิดพบรักกับชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้นมา เธอรู้สึกผิดกับตัวเองและรู้สึกผิดต่อพระเจ้าเป็นอย่างมาก จึงได้บรรเลงเปียโนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อส่งความรักออกไปให้แก่ชายคนรัก ก่อนที่จะตัดสินใจยิงระเบิดหัวตนเอง เพื่อยุติความผิดบาปในใจ หลังจากนั้นในช่วงค่ำคืนก็จะมีคนได้ยินเสียงเปียโนดังจากโบสถ์อยู่เสมอๆ แต่เมื่อไปดูก็ไม่พบใครนอกจากเปียโนหลังนั้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าต่ออีกว่า หากใครมีปัญหาความรัก อยากจะสมหวังในรัก ให้ไปขอพร ณ เปียโนแห่งนี้ โดยวิธีการขอพรต้องไปคนเดียว แล้วกรีดเลือดจากฝ่ามือ พร้อมวางกุหลาบสีแดงไว้ที่เปียโน และเมื่อสมหวังในความรักแล้ว ต้องกลับไปแก้บนที่โบสถ์แห่งนี้อีกครั้ง โดยต้องไปตอน ตี 3 คนเดียว พร้อมทั้งเล่นเปียโนหลังนี้ 1 เพลง เพลงอะไรก็ได้ ระหว่างที่เล่นหากเจอหรือเห็นอะไร ห้ามหยุดเล่นเป็นอันขาด เล่ากันว่าบางครั้ง แม่ชีจะมายืนฟังอยู่ข้างหลัง หรือหากใครโชคดี อาจจะปรากฎตัวให้เห็นเลยก็ได้
5. เพราะถูกฆ่าอย่างทารุณ พร้อมนำส่วนหัวไปซ่อนในช่องแอร์ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่ที่นั่นตลอดไป : ผีช่องแอร์
เรื่องจริงสุดสยองเรื่องสุดท้าย ที่นำมาเล่าในวันนี้ เกิดขึ้นในราวปี 2534 โดยนักดนตรีกลุ่มหนึ่ง จำนวน 6 คน ได้เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อทั้ง 6 เข้าไปพักในห้องดังกล่าวก็ได้เล่นไพ่ฆ่าเวลา ทันใดนั้นเอง มีสมาชิกหนึ่งคนเห็นเศษผ้าสีขาวห้อยลงมาจากช่องแอร์ เกิดสงสัยจึงเดินไปดู ลองพยายามดึงเศษผ้าลงมาก็ดึงไม่หมด จึงตัดสินใจถอดแผ่นตะแกรงช่องแอร์ออก และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปดู ก็มีอาการผงะ แล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที โดยไม่บอกอะไรเพื่อนๆ เวลาผ่านไป เพื่อนที่เหลือก็ค่อยๆ ลุกไปปิดฝาตะแกรง แต่แล้วเมื่อมองขึ้นไปในช่องแอร์ ทุกคนก็เกิดอาการเดียวกันคือ ไม่พูดไม่จา แล้วรีบเดินออกจากห้องไป จนเหลือ 2 คนสุดท้าย ที่เล่นไพ่กันอยู่ เกิดสงสัยว่าเพื่อนเป็นอะไร จะเดินออกไปตาม แต่เห็นฝาตะแกรงยังไม่ปิด จึงเดินไปปิดฝาตะแกรง โดยให้ 1 คน เป็นคนจับเก้าอี้ อีกคนเป็นคนปีนไปปิดฝา เมื่อทั้ง 2 คนเงยหน้าขึ้นไปมองในช่องแอร์ ก็พบกับภาพสุดสยอง เป็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ๆ เงา ๆ อยู่ในช่องแอร์ในสภาพที่น่ากลัวมาก ทั้ง 2 จึงรีบวิ่งออกมาจากห้องโดยเร็ว
เมื่อลงมาถึงข้างล่างพบเพื่อน 4 คนก่อนหน้ารออยู่ก่อนแล้ว เมื่อคุยกันทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจออะไรมาบ้าง จึงลองสอบถามแม่บ้านของทางโรงแรมได้ความว่า เคยมีการฆาตกรรมหญิงสาวในห้องนี้ โดยฆ่าตัดคอ ซ่อนศพใต้เตียง ส่วนหัวเอาไปซ่อนในช่องแอร์ กว่าทางตำรวจจะเจอศพก็ผ่านไปหลายวัน ปกติห้องนี้จะปิดไม่ให้คนเข้าพัก แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเปิดห้องให้นักดนตรีกลุ่มนี้เข้าพักได้
หลังจากเหตุการณ์สยองไม่นาน นักดนตรีในกลุ่มนี้ก็พากันเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ บ้างเกิดอุบัติเหตุ บ้างฆ่าตัวตาย จนเหลือเพียง 2 คนสุดท้าย ทั้ง 2 กลัวจะเสียชีวิตตามเพื่อนๆ จึงพยายามทำบุญสะเดาะเคราะห์ ทุกวิถีทาง จึงรอดชีวิตในที่สุด ซึ่งนี้ถือเป็นเรื่องสุดสยองในตำนานอีกเรื่อง ที่ยังมีการเล่าขานจวบจนปัจจุบัน
Credit http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001528/lang/th/