นพ. แมด์ส กิลเบิร์ต เป็นนายแพทย์อาสาชาวนอร์เวย์ ประจำโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ในฉนวนกาซา สถานที่ซึ่งกำลังเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือดตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. ระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แม้การเห็นคนเจ็บ-ตายจะเป็นภาพที่ “ปกติ” และชินตาสำหรับคนเป็นแพทย์ แต่นพ.กิลเบิร์ตยอมรับว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลครั้งนี้สร้างความเสียหายและความสูญเสียมากกว่าในอดีตหลายเท่า นอกจากบ้านเรือนที่เสียหายราบเป็นหน้ากลอง ผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนชรา

อย่างไรก็ตาม นพ.กิลเบิร์ตและทีมงานชาวปาเลสไตน์ยังคงให้ความช่วยเหลือทุกคนอย่างไม่ย่อท้อ แม้ในแต่ละวันจะมีการนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บมาส่งมากกว่า 100 คน เกินกว่าที่ทีมแพทย์จะรับมือไหว ไฟฟ้า น้ำประปา และอุปกรณ์การแพทย์เริ่มขาดแคลน แต่นพ.กิลเบิร์ตย้ำกับตัวเองและทีมงานเสมอ ว่าจะยอมแพ้ในช่วงเวลาแบบนี้ไม่ได้

แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์เผยว่า นพ.กิลเบิร์ตเคยได้รับคำขู่เอาชีวิตหลายครั้งจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม สร้างความเป็นห่วงอย่างหนักให้กับชาวบ้านในฉนวนกาซา จึงผลัดเปลี่ยนเวรกันมาคอยดูแลนพ.กิลเบิร์ตไม่ให้คลาดสายตา ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ตลอดชีวิตนี้คงไม่สามารถทดแทนบุญคุณของนพ.กิลเบิร์ตได้หมด

นอกจากเห็นความเป็นความตายตลอดเวลาแล้ว ในช่วงเวลาแบบนี้นพ.กิลเบิร์ตและทีมงานยังได้พบเห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงด้วย นพ.โมฮัมหมัด อาบู อาหรับ ซึ่งคอยช่วยนพ.กิลเบิร์ตไม่ห่าง กล่าวว่าเครื่องบินรบของอิสราเอลทิ้งระเบิดแบบเรื่อยเปื่อยไม่มีเป้าหมายตามที่อ้าง เป็นเหตุผลที่เพราะเหตุใดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเกือบทั้งหมดจะเป็นพลเรือน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงประชาคมโลกบ้างในเรื่องปาเลสไตน์ นพ.กิลเบิร์ตกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่าต้องการถามประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ว่า “เมื่อไหร่จะยอมจบ” หากเป็นไปได้ประธานาธิบดีสหรัฐควรจะมาที่นี่สักครั้ง มาเห็นภาพทุกอย่างด้วยตาตัวเอง ซึ่งหากมาจริง นพ.กิลเบิร์ตมั่นใจว่า เรื่องราวหลังจากนี้จะ “ไม่เหมือนเดิม” อีกต่อไป

ประวัติโดยสังเขป

นพ.กิลเบิร์ตเกิดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2490 ที่เมืองปอร์สกรันน์ ในนอร์เวย์ เริ่มทำงานการกุศลด้านการแพทย์ให้กับปาเลสไตน์มาตั้งแต่ปี 2513 การอุทิศตนของนพ.กิลเบิร์ตสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดโครงการแพทย์อาสาชาวนอร์เวย์ จากเมืองทรอมโซ และปัจจุบันนอร์เวย์ส่งแพทย์อาสามายังปาเลสไตน์มากกว่าที่ใดในโลก