สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
ระเบิดเบตง รุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี กอ.รมน. ยอมรับ ไม่คิดคนร้ายจะก่อเหตุระเบิดที่เบตง ตรึงกำลังเข้ม 3 วันสุดท้ายช่วงเดือนรอมฎอน ขณะที่มาเลเซียเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางเข้าไทยแล้ว
สืบเนื่องจากเกิดเหตุระเบิดกลางเมืองเบตง จังหวัดยะลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 40 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 นั้น
ในช่วงค่ำวันเดียวกัน มีความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้ โดย พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า คนร้ายได้ซุกซ่อนวัตถุระเบิดไว้ภายในรถยนต์ โดยอาศัยช่วงจังหวะเวลาที่ชุดรักษาความปลอดภัยของเทศบาลเมืองเบตงเปลี่ยนเวรทำหน้าที่ ซึ่งชุดรักษาความปลอดภัยเป็นประชาชนอาสาที่มีความเข้มแข็ง แต่ช่วงเวลาดังกล่าวมีประชาชนพลุกพล่าน รวมทั้งพื้นที่เป็นซอยคับแคบ เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บหลายสิบราย ส่วนใหญ่เป็นประชาชนในพื้นที่ โดยได้สั่งการให้เพิ่มความระมัดระวังคาร์บอมบ์ในทุกพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลาด้วย
"พื้นที่เบตงเป็นพื้นที่ที่คาดไม่ถึง และเหนือความคาดหมายว่าคนร้ายจะก่อเหตุสร้างสถานการณ์จนเกิดความเสียหายได้มากขนาดนี้ โดยอาศัยช่วงเวลาการเปลี่ยนกะของเจ้าหน้าที่ เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์ในพื้นที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ ยังเหลือเวลาอีก 3 วันสุดท้ายของช่วงเดือนรอมฎอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงได้สั่งให้มีการจับตาเฝ้าระวังสถานการณ์เป็นพิเศษ" โฆษก กอ.รมน. กล่าว
ด้าน นายคุณวุฒิ มงคลประจักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเบตง และที่ปรึกษาหอการค้า จ.ยะลา ยอมรับว่า เหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดธนาคารในพื้นที่ อ.เบตง พร้อมกัน 6 แห่งเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ค่อนข้างเบาบางลงเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวมาเลเซียทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวและจัดทริปทัวร์เพื่อรับประทานทุเรียน ซึ่งต่อไปอาจต้องหารือร่วมกันอย่างจริงจังเพื่อวางมาตรการดูแลความปลอดภัยอีกครั้ง เนื่องจากผลกระทบที่ตามมามีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นและระบบเศรษฐกิจในพื้นที่
ขณะที่ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ได้ร่วมบูรณาการในการคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด และให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสอง และในวันที่ 26 กรกฎาคม จะลงพื้นที่ อ.เบตง เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุและร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า ทั้งพยานหลักฐาน กล้องวงจรปิด
อย่างไรก็ตาม นายเดชรัฐ ระบุด้วยว่า นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.เบตง ในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่ายได้มีการปฏิบัติในการป้องกันเหตุในพื้นที่ อ.เบตง มาโดยตลอด และรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้น เป็นรถยนต์ยี่ห้อ มาสด้า ทะเบียนปลอม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่ารถคาร์บอมบ์ผ่านเข้าไปยัง อ.เบตง ได้อย่างไร เพราะหากมองตามเส้นทางแล้ว มีทั้งจุดตรวจจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หลายจุดตรวจ
สำหรับพื้นที่ อ.เบตง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางชายแดน ที่นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาท่องเที่ยวเป็นประจำ ซึ่งในช่วงเวลานี้เป็นช่วงถือศีลอดของพี่น้องชาวไทยมุสลิม และอีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงตรุษอีดิลฟิตรี (รายอของพี่น้องมุสลิม) ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมีการจองห้องพักเต็มหมด เพื่อร่วมเฉลิมฉลองตรุษอีดิลฟิตรี แต่เมื่อมาเกิดเหตุเช่นนี้ ทุกฝ่ายต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งเร่งเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ทางการมาเลเซียได้ออกประกาศเตือนชาวมาเลเซียไม่ให้เดินทางเข้าไทยแล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้
ติดตามข่าวระเบิดเบตง แบบอัพเดททั้งหมดคลิกเลย