ทอมสัน รอยเตอร์ส เผย 10 คำทำนายนวัตกรรมโลกปี 2025

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก diginomica.com
ทอมสัน รอยเตอร์ เผยถึงนวัตกรรมและวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโลกภายในหนึ่งทศวรรษข้างหน้า ใน 10 คำทำนายนวัตกรรมโลกปี 2025 (The World in 2025: 10 Predictions of Innovation) มีทั้งการเคลื่อนย้ายมวลสสาร แผนที่ดีเอ็นเอ พลังงานโซลาร์เซลล์จะกลายเป็นพลังงานหลักของโลก ฯลฯ 

          เว็บไซต์เดลี่เมล เผยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ว่า ทอมสัน รอยเตอร์ หนึ่งในผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงินและข่าวต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เผยถึงคำทำนายโลกในปี 2025 อันให้รายละเอียดถึง 10 นวัตกรรมสุดล้ำที่ฟังดูแล้วช่างน่าเหลือเชื่อในปัจจุบัน แต่คาดว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นจริงภายในทศวรรษหน้านี้ 

          การ เลือกเฟ้น 10 เรื่องราวเหล่านี้ ได้มาจากประมวลข้อมูลด้านสิทธิบัตรโลกร่วมกับบทความทางวิทยาศาสตร์ โดยทางฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญาและธุรกิจวิทยาศาตร์ (Intellectual & Science Business) ของทอมสัน รอยเตอร์ส ได้สืบค้นจากดัชนีสิทธิบัตรโลกเดอร์เวนท์ อันแสดงข้อมูลการจดสิทธิบัตรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อหา 10 หมวดหมู่ของนวัตกรรมที่มีคนจดสิทธิบัตรมากที่สุด จากนั้นผนวกด้วยการวิจัยต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์และการต่อยอดลงทุนในงานวิจัยนั้น จนกลั่นออกมาเป็น 10 นวัตกรรมที่จะนำไปสู่โลกอนาคต 

          นายบาซิล มอฟทาห์ ประธานฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญาและธุรกิจวิทยาศาตร์ เผยว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการจดสิทธิบัตร ร่วมกับงานวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันและการให้ความสนับสนุนด้านเงิน ทุนและการต่อยอด จึงทำการคัดเลือกนวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดออกมาได้ แม้ว่าการคัดเลือกให้เหลือเพียง 10 อย่างนั้นเป็นเรื่องที่ตัดสินใจลำบากมากก็ตาม 

          โดยโลกในปี 2025 กับนวัตกรรมสุดล้ำหน้าทั้ง 10 อย่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ตามการคาดการณ์ของทอมสัน รอยเตอร์ส มีดังนี้ 

           1. การลดลงของโรคความจำเสื่อม 
          เนื่องจากคนในยุค "เบเบี้บูมเมอร์" กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัย 80 ฉะนั้นการให้ทุนค้นคว้าการวิจัยเพื่อป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อมจะต้องมี มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยและจะต้องค้นพบวิธีรับมือกับโรคนี้ได้ดีขึ้นแน่ ๆ

           2. พลังงานแสงอาทิตย์จะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก
          กระบวนการสรรหาและกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและนำ มาใช้ได้จริง จนทำให้พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกไป

           3. โรคเบาหวานประเภทที่ 1 สามารถป้องกันได้ 
          การแกะรอยการทำงานของ จีโนม (genome) จะทำได้จริงในไม่ช้า ฉะนั้นการป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 1 ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนที่ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินให้เพียง พอ จึงเป็นเรื่องไม่ไกลเกินเอื้อม

           4. หมดปัญหาขาดแคลนอาหาร 
          จากเทคโนโลยีด้านการให้แสงสว่างที่จะพัฒนาขึ้นเป็นอันมาก พร้อมกับการตัดแต่งทางพันธุกรรมก็รุดหน้า ปัญหาขาดแคลนอาหารจะหมดไป พร้อมกันนี้ความผันแปรในราคาอาหารจากเรื่องสินค้าขาดตลาดหรือล้นตลาดจะกลาย เป็นเพียงเรื่องของอดีต




 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก blogs.discovermagazine.com
 

          
           5. มีเครื่องบินไฟฟ้า 
          วิศวกรรมจะพัฒนาจนสามารถสร้างเครื่องบินน้ำหนักเบาที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงาน ไฟฟ้าได้ อีกทั้งยังใช้พื้นที่ในการขึ้นหรือลงอย่างจำกัด จึงให้ความสะดวกสบาย ไม่แน่ว่าใบอนุญาตขับเครื่องบินจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนในศตวรรษที่ 21 ต้องมี 

           6. ทุกสิ่งจะควบคุมด้วยระบบดิจิตอล 
          ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกควบคุมด้วยระบบดิจิตอล ตั้งแต่รถไปจนถึงบ้านที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของคุณได้ นอกจากนี้ทุกจุดทั่วโลกจะเชื่อมต่อถึงกันได้โดยตรงผ่านระบบดิจิตอลด้วย  

           7. บรรจุภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมถูกแทนที่ด้วยเซลลูโลส 
          หมดยุคของบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาจากปิโตรเลียมเสียที มันจะถูกแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสกัดเซลลูโลส ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและย่อยสลายได้ 100% 

           8. ผลกระทบจากการรักษาโรคมะเร็งจะเหลือเพียงนิด
          การรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันต้องยอมรับความเสี่ยงที่ว่า การทำลายเซลล์มะเร็งอาจส่งผลกระทบต่อเซลล์ดีที่อยู่ข้างเคียงด้วย แต่สิ่งเหล่านี้จะลดลงหรืออาจหายไปอย่างเด็ดขาดในอนาคตที่กำลังมาถึงนี้ 

           9. การทำแผนที่ดีเอ็นเอแก่เด็กแรกเกิดจะกลายเป็นเรื่องปกติ 
          จากนวัตกรรมด้านนาโนเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวไกล เด็กแรกเกิดทุกคนจะถูกติดตามข้อมูลทางชีวภาพด้วยการทำแผนที่ดีเอ็นเอหรือดี เอ็นเอแม็ปปิ้ง อันจะกลายเป็นฐานข้อมูลทางชีวภาพและสุขภาพที่สำคัญของประชากร ที่สำคัญยังสามารถระบุและติดตามความเจ็บป่วยของแต่ละคนได้ด้วย 

           10. การเคลื่อนย้ายมวลสารจะกลายเป็นเรื่องปกติ 
          การเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือคนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือ เทเลพอเทชัน (Telepotation) จะไม่ใช่สิ่งที่เห็นแต่ในหนังอีกต่อไป แต่มันจะเกิดขึ้นจริงและใช้กันโดยทั่วไปในอนาคตอันใกล้นี้ 

Credit: http://board.postjung.com/786760.html
12 ก.ค. 57 เวลา 10:58 1,851 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...