ใครที่กำลังสนใจอยากลดน้ำหนักหรือฟิตเฟิร์มสุขภาพให้แข็งแรง ตอนนี้การออกกำลังกาย T25 นั้นนิยมกันมากในเหล่าดาราชื่อดังและคลับคนรักสุขภาพ แล้วการออกกำลังกายที่ว่าคืออะไร เห็นผลแบบสุดยอดขนาดไหน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน

การออกกำลังกายแบบ T25 มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า ‘Focus T25’ คิดค้นโดย ‘Shaun T’ เทรนเนอร์มากประสบการณ์ผู้เป็นเจ้าของโปรแกรมออกกำลังกายแบบอินแซนนิตี (Insanity) หรือการออกกำลังกายแบบเต้นไปเต้นมา เน้นการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อทุกส่วนต่อเนื่องนาน 25 นาทีโดยไม่หยุดพัก และออกกำลังกายแค่ 5 วันต่อสัปดาห์ ก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนเราออกกำลังกายนานถึง 1 ชั่วโมงเต็ม

 

การออกกำลังกายแบบ T25 ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ เพราะ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายหลายชิ้น เพียงแค่ดัมเบลขนาดพอเหมาะกับยางยืดก็พอ ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ สามารถออกกำลังกายได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปฟิตเนสที่ไหน อาศัยแค่รองเท้าผ้าใบที่ถูกต้องกับใจที่มุ่งมั่นเท่านั้นพอ

แต่สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวอย่างเช่นโรคหัวใจ โรคข้อเข่า อาจจะต้องเลี่ยงการออกกำลังกายในบางท่า เพราะท่าออกกำลังกายบางคอร์สจะเน้นการกระโดด การเคลื่อนไหวร่างกายแบบเร็ว ๆ ซึ่งอาจกระทบกับโรคประจำตัวของคุณได้

 

T25 คืออะไร 

T25 เป็นโปรแกรมการออกกำลังกายที่ใช้เวลาเพียง 25 นาทีต่อวันแต่ให้ผลลัพธ์เสมือนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง ออกแบบโดย เทรนเนอร์ชื่อ Shaun T โปรแกรมนี้จะทำให้ 25 นาทีของคุณเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเข้มข้นสุด ๆ เพราะคุณจะได้เกร็ง ได้ยืด ได้เคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องอดอาหาร ทั้งยังเป็นการสร้างกล้ามเนื้อ ให้หุ่นกระชับ และที่สำคัญคือ รู้สึกได้เลยว่าสุขภาพดีขึ้น

ตารางการฝึกเป็นอย่างไร

การออกกำลังกายตามโปรแกรม T25 จะแบ่งเป็น 2 เฟส เริ่มจาก alpha ซึ่งเป็นขั้นพื้นฐาน และตามด้วย beta หรือขั้นสูง ฝึกตามตารางที่กำหนด วันละ 25 นาทีเท่านั้นไม่เสียเวลาเลย เพียงตื่นเร็วขึ้นครึ่งชั่วโมง คุณก็จะได้ร่างกายที่สดใสมีพลังในการทำงาน ไปตลอดทั้งวัน ฝึกทั้งหมด 5 วันต่อสัปดาห์ พัก 1 วัน วันถัดมาจะเป็นการยืดกล้ามเนื้อ หรือ stretch หลังจากที่ออกกำลังกายมาทั้งอาทิตย์

 

ในเฟส Alpha เน้นลดน้ำหนักโดยรวมและช่วงล่าง ประกอบด้วย

Cardio เน้นการเต้นของหัวใจ และเน้นการเผาผลาญ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเราแข็งแรงขึ้น ออกกำลังกายได้มากขึ้น เผาผลาญมากขึ้น Speed 1.0 เน้นท่าที่ต้องเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ เร็ว ๆ ซึ่งจะช่วยเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี Total Body Circuit เน้นความแข็งแรง ความอดทน ความต้านทาน ช่วยให้กล้ามเนื้อเราแข็งแรงขึ้น Ab Intervals เน้นการเต้นของหัวใจที่เร็วแรง ในขณะเดียวกันช่วยเผาผลาญไขมันบริเวณหน้าท้องด้วย Lower Focus เน้นกล้ามเนื้อขา เผาผลาญไขมัน และช่วยในเรื่องของเมตาบอลิซึม Stretch เน้นท่ายืดกล้ามเนื้อล้วน ๆ ดีมาก ๆ สำหรับคนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งหน้าคอมนาน ๆ  

ส่วนเฟส Beta เน้นยกระดับความฟิตและกล้ามเนื้อหลัก ประกอบด้วย

Core Cardio นอกจากจะเน้นอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว ยังบริหารส่วนลำตัว หรือ core อย่างดี ช่วยการเผาผลาญอย่างรวดเร็ว Speed 2.0 เน้นความเร็ว มีท่าเป็นเซ็ท ๆ จบแล้วก็เริ่มใหม่ เหมือนเต้น แต่ได้เผาผลาญไขมันไปในตัว Rip’T Circuit เน้นท่าออกกำลังกายตามลำดับดังนี้ cardio ต่อด้วย ร่างกายช่วงบน ขา แล้วก็หน้าท้อง แล้วก็กลับไปเริ่มที่ cardio อีกครั้งเวียนไปจนครบ 25 นาที Dynamic Core เน้นท่าที่ใช้พลังเป็นหลัก เสริมสร้างความแข็งแกร่ง และเน้นบริเวณ core หรือ แกนกลางของลำตัว ทั้งหน้าและหลัง Upper Focus เน้นออกกำลังกายส่วนบนเป็นหลัก ช่วยให้แขนสวย ไหล่สวย Stretch ยืดกล้ามเนื้อทุกวันอาทิตย์ หลังจากออกกำลังมาทั้งอาทิตย์

ออกกำลังกายแล้วควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้การออกกำลังกายของเราเห็นผลอย่างแท้จริง เน้นโปรตีน ลดแป้งลง ลดขนมขบเคี้ยว ของทอด ชานมไข่มุก หันมาดื่มนมแทน ที่สำคัญจะฝึกประเดี๋ยวประด๋าวให้เห็นผลทันตานั้นไม่ได้ ต้องมีวินัย ฝึกอย่างสม่ำเสมอ ครบ 10 สัปดาห์ คุณจะพบว่าตัวเองกลายเป็นคนใหม่ที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม และมีสุขภาพดีขึ้น

เมื่อสุขภาพดีก็จะส่งผลถึง หน้าตา ผิวพรรณสดใส สมองแล่น คิดงานไว เกิดไอเดียใหม่ ๆ มีความสุขในการทำงาน และทำงานดีขึ้นด้วย วันนี้เรา “เลิกอ้าง” ว่าไม่มีเวลา แล้วมา “ลงมือทำ” อย่างจริงจังกันเลยดีกว่า แค่ 25 นาทีต่อวันเท่านั้น สู้ ๆ จ้าาา