เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เอเอฟพี
ศัลยแพทย์ออสเตรเลีย ร่วมกันผ่าตัดนำเนื้องอกยักษ์ออกจากหน้าของเด็กชายฟิลิปปินส์ผู้ป่วยโรคงวงช้าง พบเป็นโรคหายากเกิดขึ้นกับทารกเพียง 1 ในหมื่น วันที่ 3 กรกฎาคม 2557 สำนักข่าวมีรายงานว่า ศัลยแพทย์ออสเตรเลียได้ร่วมกันผ่าตัดนำเนื้องอกขนาดยักษ์ ออกจากใบหน้าของเด็กชายชาวฟิลิปปินส์ที่ป่วยเป็นโรคงวงช้าง (Encephalocele) บริเวณหน้าผากต่อกับจมูก หลังเด็กชายถูกพบโดยอาสาสมัครของกลุ่มเอ็นจีโอขณะเดินทางไปเยือนประเทศฟิลิปปินส์ รายงานระบุว่า เจมส์ ลีออง ศัลยแพทย์พลาสติกของโรงพยาบาลเด็กในเมลเบิร์นออสเตรเลีย ได้ตอบรับที่จะช่วยเหลือ เด็กชายจอห์นนี่ ลาเมียน วัย 7 ขวบ ในทันที หลังได้เห็นภาพที่อาสาสมัครเอ็นจีโอส่งอีเมลมาให้เขา และจากนั้นทางกลุ่มก็ได้ประสานกับกองทุนชิลเดรน เฟิร์ส เพื่อพาตัวเด็กชายมาเข้ารับการรักษาที่ออสเตรเลีย เนื่องจากการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคนี้ยังไม่สามารถทำได้ให้ฟิลิปปินส์ อีกทั้งครอบครัวของจอห์นนี่ก็ยังอยู่ในสถานะยากจนอีกด้วย ด้วยความร่วมมือระหว่างศัลยแพทย์อาสาทั้ง 4 ราย ในที่สุดการผ่าตัดที่ซับซ้อนนาน 8 ชั่วโมง เพื่อการนำเนื้องอกขนาดยักษ์ออกจากใบหน้าของเด็กชาย และการสร้างโครงหน้าใหม่ให้แก่เขาก็เริ่มต้นขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ทางโรงพยาบาลก็ได้เผยความคืบหน้าว่า การผ่าตัดที่ยากและซับซ้อนนั้นประสบความสำเร็จด้วยดี โดยหลังจากที่นำเนื้องอกออกจากหน้าของจอห์นนี่แล้ว แพทย์ยังได้สร้างโครงหน้าใหม่แก่เด็กชายด้วยการนำกระดูกซี่โครงมาปลูกถ่ายเป็นจมูกให้แก่เขา ด้าน เจมส์ ลีออง ศัลยแพทย์ผู้ทำการรักษาเปิดเผยว่า โรคงวงช้าง เป็นโรคโดยกำเนิดที่หาได้ยากซึ่งจะพบได้ในทารก 1 ใน 10,000 รายเท่านั้น และในประเทศที่พัฒนากว่านี้ อาการดังกล่าวมักจะถูกพบและได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ สำหรับกรณีของจอห์นนี่นั้นมันค่อนข้างที่จะร้าย ทั้งยังส่งผลต่อชีวิตของเด็กชายทำให้เขาถูกล้อเลียนและไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย แม้เขาต้องการจะวิ่งหรือไปเล่นก้อนเนื้อนี้ก็ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถทำอะไรได้ และเด็กชายก็ต้องใช้มือยกมันขึ้นเพื่อจะกินหรือดื่ม อย่างไรก็ดี หลังจากการผ่าตัดนี้ จอห์นนี่ที่ยังพักฟื้นอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพทางตอนเหนือของเมลเบิร์น ก็สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กชายคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันได้แล้ว ซึ่งเจมส์เผยว่าพวกเขารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มอบโอกาสเปลี่ยนชีวิตให้แก่เด็กชาย และหวังว่าคุณภาพชีวิตของจอห์นนี่จะได้รับการพัฒนาขึ้นมาก