อ.จุฬาฯ เตือนอย่าเชื่อข่าวกินสับปะรดเปื้อนเลือดแล้วติดเอดส์



 

อ.จุฬาฯ เตือนอย่าเชื่อข่าวกินสับปะรดเปื้อนเลือดแล้วติดเอดส์

 

 

 

 

 

  อ.จุฬาฯ เตือนอย่าเชื่อข่าวกินสับปะรดเปื้อนเลือดแล้วติดเอดส์ ชี้เป็นฟอร์เวิร์ดเมลลวงโลก ที่มีมานาน 10 ปีแล้ว ระบุ เชื้อ HIV ไม่สามารถอยู่รอดได้นอกร่างกายมนุษย์



            กลาย เป็นฟอร์เวิร์ดเมลที่ถูกแชร์ส่งต่อทั่วโลกออนไลน์เลยทีเดียว เกี่ยวกับเรื่องราวที่เด็กคนหนึ่งรับประทานสับปะรด ซึ่งสับปะรดนั้นเปื้อนเลือดของคนขายตอนโดนมีดบาด ทำให้เด็กคนดังกล่าวต้องพลอยติดโรคเอดส์ไปด้วย พร้อมให้ทุกคนแชร์ต่อเผื่อจะได้ระมัดระวังการกินอาหารข้างถนน

            อย่างไรก็ตาม จากฟอร์เวิร์ดเมลดังกล่าว ด้าน ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก jessada Denduangboripant ระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และฟอร์เวิร์ดเมลนี้ก็มีมานานถึง 10 ปีแล้ว..


 

"ฉลอง 10 ปี FWmail ลวงโลก - กินสับปะรด แล้วติดเอดส์"

            กลับมาแชร์กันอีกครั้งกับภาพข่าวลือ ว่ามีเด็กติดเอดส์จากการกินสับปะรด ที่เปื้อนเลือดจากแผลที่มือของพ่อค้าสับปะรดที่เป็นโรคเอดส์

            ข่าวนี้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อนโน้นกับกระแสความกลัวเชื้อเอดส์ พร้อมข่าวลืออื่น เช่น มีเข็มเปื้อนเลือดเอดส์ปักที่เก้าอี้ ฯลฯ

            คำตอบคือ ... มันเป็นเรื่องหลอกลวงอีกแล้วครับท่าน

            ไว รัสเอชไอวี ของโรคเอดส์ ไม่สามารถอยู่รอดและเพิ่มจำนวนได้นอกร่างกายมนุษย์โดยไม่อยู่ในน้ำคัดหลั่ง ถ้าน้ำคัดหลั่งนั้นแห้งแล้ว หรือไปเปื้อนบนสับปะรดอย่างที่แชร์ เชื้อก็ไม่สามารถรอดได้ครับ

 

 

 


ส่วนฟอร์เวิร์ดเมลดังกล่าว มีข้อความว่า..

            "มันเกิดขึ้นที่สิงคโปร์ ถนนวอเรตอร์ลู เด็กชายวัย 10 ขวบ ได้รับประทานสับปะรด 15 วันก่อนหน้าที่จะไม่สบาย หลังจากนั้นเมื่อเขาได้ไปตรวจสุขภาพ หมอวินิจฉัยว่า..  เขาเป็นเอดส์ พ่อแม่ของเด็กไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงตรวจสุขภาพด้วย ไม่มีใครในครอบครัวที่ติดเอดส์ ดังนั้นหมอจึงตรวจอีกครั้งและได้ถามว่าได้กินอะไรเข้าไปหรือเปล่า เด็กตอบว่า "ใช่ฮะ" วันนั้นเด็กได้กินสับปะรดในตอนเย็น ทันใดนั้นมีกลุ่มหนึ่งจากโรงพยาบาลได้ไปหาคนขายสับปะรด และตรวจสอบพบว่าคนขายสับปะรดมีมีดบาดนิ้วตอนหั่นสับปะรดและเลือดเขาได้ตกลง ไปที่ผลไม้ เมื่อตรวจเลือดของคนขายแล้ว ก็พบว่าเขาเป็นเอดส์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ โชคร้ายที่เด็กต้องมาติดเชื้อไปด้วยอีกคน

            กรุณาใส่ใจขณะคุณกินอาหารริมถนนและช่วยส่งต่อให้คนที่คุณรัก เผื่อว่าข้อความของคุณจะช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้"

 

Credit: http://health.kapook.com/view92442.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...