เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
แม่ชีเชอรี่ แถลงทั้งน้ำตา ยัน ขับรถปอร์เช่ เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์มาถวายให้ใช้ตามความเชื่อ พร้อมทำพิธีขอขมา ไม่ให้เกิดเรื่องซ้ำอีก หลังจากที่ถูกพระผู้ใหญ่ตักเตือนแล้ว
วันนี้ (3 กรกฎาคม 2557) นายวรเดช กาญจนอโนทัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงกรณีแม่ชีเชอรี่ว่า ภาพที่ปรากฏออกมาว่า แม่ชีกำลังขับรถสปอร์ตปอร์เช่ และใช้กระเป๋า เครื่องประดับราคาแพง อีกทั้งยังมีภาพถ่ายคู่กับกองเงินจำนวนมากนั้น ความจริงคือ วันนั้นเป็นวันทำบุญ มีศิษยานุศิษย์นำเงินมาเป็นจำนวนมาก โดยภายหลังจากนับเงินเสร็จสิ้น ก็ต้องนำเข้าบัญชีธนาคาร อย่างไรก็ตาม วันนั้นไม่มีคนขับรถ และทางวัดกำลังยุ่ง แม่ชีเชอรี่จึงได้ขับรถคันดังกล่าวนำเงินไปฝากที่ธนาคารด้วยตัวเอง แล้วก็กลับมาอยู่ที่วัดตามเดิม ส่วนภาพที่หลุดออกไปนั้น คาดว่ามีลูกศิษย์วัดต้องการทำลายชื่อเสียงของแม่ชีเชอรี่ จึงนำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่
นอกจากนี้ นายวรเดช กล่าวต่ออีกว่า ส่วนรถปอร์เช่ที่เห็นในภาพข่าว เป็นรถยนต์ของลูกศิษย์ที่นั่งวิปัสนาภายในวัด ในการวิปัสนาแต่ละครั้งจะใช้เวลาทั้งหมด 7 วัน ทุกคนจะต้องฝากกุญแจรถและอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดแก่แม่ชีในวัด และทางลูกศิษย์ก็มีความไว้วางใจ ได้ถวายรถแก่แม่ชีนำไปใช้ เนื่องจากเชื่อว่าหากถวายรถให้จะทำให้กิจการหรือธุรกิจที่ทำอยู่ เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งในปกตินั้นจะมีลูกศิษย์เป็นคนขับให้เมื่อยามเดินทาง จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ขณะเดียวกัน ฐานะทางบ้านของแม่ชีแชอรี่ ทำกิจการขายเครื่องไฟฟ้า ญาติพี่น้องมีสถานะการเงินมั่นคงทุกคน แต่ไม่ได้รวยเป็นร้อยล้านตามที่ปรากฏในข่าวแน่นอน
ต่อมา พระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง อ.สวี จ.ชุมพร แถลงว่า ตามภาพที่ปรากฏออกไปนั้น อาตมาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะรายละเอียดทำให้วัดเสือมเสีย ส่วนประเด็นรถสปอร์ต ยืนยันว่าไม่ใช่รถยนต์ของวัดและแม่ชีเชอรี่ แต่เป็นรถของลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรมในวัด ได้ให้แม่ชีทดลองขับเพราะศรัทธา ซึ่งในวันนี้ เจ้าของรถยนต์คันนี้ก็ได้มาร่วมแถลงข่าวกับเราด้วย
ขณะที่ประเด็นข้อสงสัยเรื่องแม่ชีนำเงินวัดไปซื้อกระเป๋าหรือของแบรนด์เนมหรือไม่ อาตมาได้รับรายงานว่า ของเหล่านี้เป็นของที่ลูกศิษย์นำมาถวายส่วนตัว ส่วนเรื่องเงินของวัด จะนำเงินที่ได้รับการบริจาค มาฝากไว้ตามสถาบันการเงินที่ผู้บริจาคประสงค์ทำบุญ และการเบิกจ่ายจะต้องมีผู้ลงนาม 2 ใน 3 ร่วมกับเจ้าอาวาสเสมอ และทางเราก็ได้ส่งงบการเงินให้สำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดชุมพรตรวจสอบเสมอ
อย่างไรก็ตาม การกระทำของแม่ชีเชอรี่ แม้จะไม่ผิดศีล แต่ก็ถือว่าไม่เหมาะสมกับสถานภาพนักบวช ตนก็ได้ตักเตือนไปแล้ว และแม่ชีเชอรี่ก็รับปากว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องนี้ซ้ำ
ด้านนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกุล (แม่ชีเชอรี่) วัย 42 ปี ได้แถลงพร้อมน้ำตาว่า ของกราบประทานอภัยต่อเจ้าคุณพระสังฆาธิการทุกระดับ, พระครูสุธรรมวีราจารย์, ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาทุกจังหวัด ประธานสภาแม่ชีไทย และแม่ชีทุกท่านที่ก่อเหตุการณ์ไม่เหมาะสมขึ้น ส่วนความจริงคือ ไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเสื่อมเสียทางพุทธศาสนาหรือสถาบันแม่ชีไทยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในเบื้องตนฉันได้รับการตักเตือนจากเจ้าอาวาสและพระผู้ใหญ่แล้ว และหลังจากนี้จะใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ไม่ก่อเรื่องซ้ำอีก
ต่อมา แม่ชีเชอรี่ได้ทำพิธีกราบไหว้ขอขมา พร้อมถวายพานพุ่ม โดยมีบรรดาศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีอย่างสงบ
ส่วนนางสาวนวลวิรัช เครือบัว วัย 33 ปี เจ้าของรถปอร์เช่คันดังกล่าว ได้แถลงว่า รถคันนี้เป็นของแฟนตนซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ต่างประเทศ โดยก่อนที่จะเกิดเรื่องนั้น ตนก็ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรม พร้อมกับทำตามความศรัทธาส่วนตัวที่ว่า หากนำรถมาให้ทางวัดใช้ จะได้บุญมากขึ้น ซึ่งทางวัดนำไปใช้ 1 เดือน ตนก็จะนำกลับมาใช้ตามปกติ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก