ตอนรับศุกร์หรรษา เรามาผ่อนคลายสมอง อ่านเรื่องน่ารู้กันดีกว่าคะ วันนี้ทีนเอ็มไทยมี 10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก มาฝากเพื่อนๆ กัน ซึ่งแต่ละเล่มนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปีทีเดียว หนังสือที่นำมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนี้ บางเล่มเป็นจุดกำเนิดของวิวัฒนาการ พัฒนาการ วิชาการเรียนรู้ต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์โลก หรือคนที่ค้นพบได้ทำการศึกษามา ที่บอกว่าเป็นหนังสือเปลี่ยนโลก แค่หนังสือเพียงไม่กี่เล่มจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ บนโลกของเราได้จริงหรือ? ถ้าอยากรู้ตามทีนเอ็มไทยไปอ่านกันเลย ^^
10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก10. Principia Mathematica : ได้รับการยกย่องเป็นผลงานที่สำคัญมากที่สุดชิ้นหนึ่งของวงการฟิสิกส์
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 10. เป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษนาม เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)
จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นในปี 1665 ในช่วงเกิดกาฬโรคระบาดในประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัย ต่างๆ ต้องปิดการเรียนการสอน นิวตันจึงต้องกลับไปพักอยู่กับมารดา ช่วงเวลา 18 เดือน ที่นั่นเป็นระยะเวลาที่สำคัญมากที่สุดระยะหนึ่งของมนุษยชาติ เพราะในช่วงเวลานั้นนิวตันได้พบ สาเหตุที่ทำให้สรรพสิ่งต่างๆ ในจักรวาลเคลื่อนที่ได้
เซอร์ไอแซคนิวตันจึงลงมือเขียนในสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ใน หนังสือชื่อ Philosophie Naturalis Principia Mathematica หนังสือเล่มนี้เป็นที่รู้จักกันในนามสั้นๆ ว่า Principia และหนังสือเล่มนี้ถูกพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรกในปี 1687 มีจำนวนพิมพ์ 500 เล่ม คนที่ได้อ่าน Principia ในสมัยนั้นมีเพียงไม่กี่คน ที่เข้าใจ แม้กระทั่ง นักวิทยาศาสตร์บางคนที่อ่านมัน ก็ยังกล่าวถึง Principia ว่าอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
แต่ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ยอมรับว่า Principia คือสิ่งมหัศจรรย์ ทางปัญญาได้รับการยกย่องว่า เป็นผลงานที่สำคัญมากที่สุดชิ้นหนึ่งของวงการฟิสิกส์ และเป็นผลงานที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงแนวคิดโดยสิ้นเชิง เพราะสมัยก่อนนั้นความเข้าใจเกี่ยวกับโลกของเรานั้นยังผิดกับความจริงมาก เพราะหลายคนคิดว่าโลกแบน แต่หนังสือPrincipia ได้ให้คำอธิบายที่ ชัดเจนเกี่ยวกับดวงดาว, แรงดึงดูดโลก, ดวงจันทร์โคจรรอบโลก สามารถอธิบายได้ด้วยกฎๆ เดียวกัน
เขายังแสดงให้เห็นอีกว่าดวงจันทร์ทำให้ เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และดาวหางเป็นเพียงดาวดวงหนึ่ง ของสุริยจักรวาล รวมไปถึงโลกไปแบน สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้แบบจำลองจักรวาลของอริสโตเติลและปโตเลมี อีกทั้งความเชื่อเรื่องเทหวัตถุที่สืบทอดมาอย่างยาวนานต้องพบกับจุดจบ และก่อให้เกิดวิชาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ยุคใหม่ขึ้นมาแทน(ก่อให้เกิดวิชา Calculus) และส่งผลให้ คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้ประกาศยอมรับอย่างเป็นทางการว่า แนวคิดเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลของกาลิเลโอนั้นถูกต้อง ทำให้กาลิเลโอถูกล้างมลทิฐแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
ขอบคุณข้อมูล www.school.net.th
9. The Analects : คำสอนของขงจื๊อ
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 9. The Analects หรือ คำสอนของขงจื๊อ หรือ คัมภีร์หลุนอวี่เป็นหนังสือที่บันทึกคำสอน บทสนทนาและการปฎิบัติตนของขงจื๊อ ปรัชญาเมธีชาวจีน ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วง 551-479 ปี ก่อนคริสตกาล
เนื้อหาเป็นบทประพันธ์ของบทสนทนา คำสอน และวาทะของขงจื๊อ ขณะที่ตอบคำถามของลูกศิษย์(ชั่วชีวิตของขงจื๊อมีลูก ศิษย์ทั้งสิ้นกว่าสามพันคน ในจำนวนนั้นมีศิษย์เอก 72 คน) ตอนนั้น เหล่าศิษยานุศิษย์ของขงจี๊อต่างมีบันทึกของตน เมื่อขงจื๊อถึงแก่กรรมแล้ว ศิษย์ขงจื๊อเหล่านี้ก็นำบันทึกของตนมารวบรวมกัน ซึ่งก็คือคัมภีร์หลุนอวี่ ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์หลุนอวี่จึงมิใช่บทประพันธ์ของขงจื๊อเอง แต่เป็นการรวบรวมบันทึกของลูกศิษย์ขงจื๊อหลังจากขงจื๊อถึงแก่กรรม ส่วนตัวขงจื๊อเองนั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านได้สร้างงานเขียนใดไว้หรือไม่
The Analects เป็น คัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนของขงจื่อได้สมบูรณ์ที่สุด เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลในความคิดและวัฒนธรรม การก่อตัวของความคิดทางการเมืองในสังคมศักดินาของจีน เป็นคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหลังความเจริญของจีนมากกว่า 2,500 ปี มีตำนานเล่าว่ามีผู้นำยิ่งใหญ่หลายคนปกครองแผ่นดินจีนโดยทั้งชีวิตเขาอ่าน
แต่หนังสือ The Analects เพียงครึ่งเล่มเท่านั้น แนวความคิดของขงจื่อได้ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็น เวลาถึง 20 ศตวรรษ โดยหลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม และ ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจ ปัจจุบันจีนได้นำแนวคิดในหนังสือเรื่องนี้นำมาใช้จนทำให้ประเทศจีนเป็นมหา อำนาจยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูล bangkokbookclub.com
8. The Interpretation of Dreams : เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลอย่างมากที่ก่อให้เกิดวิชาจิตวิเคราะห์ หรือจิตวิทยายุคใหม่
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 8. The Interpretation of Dreams เป็นหนังสือเล่มแรกของผลงานของนักจิตวิทยานาม ซิกมันด์ ฟรอยด์ (ไม่นับ Studies in Hysterias ที่ เขียนร่วมกับโจเซฟ บรูเยอร์) เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลอย่างมากที่ก่อให้เกิดวิชาจิตวิเคราะห์ หรือจิตวิทยายุคใหม่ และภายหลังจากมันถูกตีพิมพ์ในปี 1899 มนุษยชาติจะมีความคิดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
The Interpretation of Dreams (วิเคราะห์ความฝัน) ซิกมันด์ ฟรอยด์เขียนขึ้น โดยใช้ประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ เอาความฝันของคนไข้มาวิเคราะห์ รวมไปถึงความฝันของตัวเองด้วย และคิดเป็นทฤษฎี จนเมื่อปี 1900 ฟรอยด์ได้ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกจำหน่าย ซึ่งจริงๆแล้วฟรอยด์เขียนหนังสือเล่มนี้เสร็จก่อนหลายปี แต่รอจังหวะขึ้นศตวรรษใหม่จึงได้ตีพิมพ์
โดยเนื้อหาหนังสือเล่มนี้มีกล่าวถึง การวิเคราะห์ความฝัน โดยใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับความฝันของฟรอยด์ ซึ่งอธิบาย วิเคราะห์ความฝันหลาย ๆ แบบ ตัวอย่างได้แก่ ความฝันเกี่ยวกับความตายของผู้เป็นที่รักหมายความว่าอย่างไร ความฝันที่เกิดจากความวิตกกังวลมีความสำคัญอย่างไร ความฝันเกี่ยวกับการว่ายน้ำ การตกลงมาจากที่สูง ความฝันที่มนุษย์ฝันถึงบ่อยที่สุดคืออะไรและเหตุใดเราจึงฝันเช่นนั้น
แน่นอน The Interpretation of Dreams มีอธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่าง มาก เพราะปกติเรื่องของความฝันสมัยก่อนถือว่าเป็นเรื่องงมงาย ไสยศาสตร์ เวทย์มนตร์ สิ่งลึกลับ ไม่มีการศึกษาอย่างจริงจัง เก็บข้อมูลเป็นระบบ เพราะในสมัยก่อนนั้นมนุษย์ชาติไม่เข้าใจในเรื่อง “จิตวิทยา” เสียเลย พวกเขาไม่รู้เรื่องทำงานของสมอง และจิตใจ พวกเขาใช้เรื่องศาสนามาอธิบายในเรื่องต่างๆ เช่นบางเรื่องเป็นฝีมือของภูตผี บางเรื่องเกิดจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติเป็นต้น แต่ฟรอยด์กลับรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ ศึกษามันอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ เมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ขึ้นมาส่งผลให้มนุษย์มีแนวคิดใหม่มากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยต้องมีเหตุและผล
ขอบคุณข้อมูล http://deltadrive.exteen.com อ่านเพิ่มเติม http://www.psywww.com/books/interp/toc.htm
7. Canon Of Medicine : อวิเซนนา บิดาของการแพทย์แผนใหม่
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 7. อวิเซนนา (Avicenna) (ค.ศ. 980-1037) เป็นนักปราชญ์ชาวเปอร์เซียที่ได้ชื่อว่า “บิดาของการแพทย์แผนใหม่” ที่มีบทบาทด้านสาธารณสุข เขายังเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของเจ้าชายต่าง ๆ
ในช่วงบั้นท้ายชีวิตเขาได้เป็นรัฐมนตรีของรัฐ เขายังเขียนหนังสือปทานุกรมคำศัพท์, สารานุกรมศัพท์ ในหัวข้อต่างๆ เช่นการแพทย์, ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ, ดนตรี, เศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ ยังเป็นกวี ที่มีผลงานได้รับความนิยมในโลกอาหรับ ผลงานที่สำคัญที่สุดคือ ชุด Canon of Medicine ที่นำรากฐานมาจากฮิปโปเครติส, อริสโตเติล,ไดออสครอไรด์, กาเลน และบุคคลสำคัญวงการแพทย์อื่น ที่มีแทรกทฤษฏีและการสังเกตของเขา
Canon of Medicine (ราวทศวรรษที่ 1020) มีเนื้อหาทางด้านเภสัชวิทยาต้นไม้สมุนไพร นอกจากนั้นยังมีเนื้อหา ว่าได้พบการติดต่อกันได้ของวัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการกระจายของโรคผ่านทางน้ำและดิน เขายังเสนอวิธีการกักกันแยกผู้ป่วยไม่ให้โรคติดต่อแพร่กระจาย และเขายังใช้วิธีการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง และเสนอแนวคิดของกลุ่มอาการในการวินิจฉัยโรคเฉพะ
Canon of Medicine ถือเป็นตำราพื้นฐานแพทย์ที่สำคัญของโลกมุสลิมและคริสเตียน ในการศึกษาเภสัชวิทยา และการวินิจฉัยโรคเฉพาะที่ใช้สอนในโรงเรียนแพทย์ยุโรปจนถึงปี 1650 แต่ทฤษฎีของเขาก็ดูด้อยความเชื่อถือลงเมื่อลีโอนาร์โด ดา วินชี ปฏิเสธตำรากายวิภาคของเขา, พาราเซลลัส เผาสำเนาตำรา Canon of Medicine ที่ใช้สอนกันในสวิสเซอร์แลนด์ และวิลเลียม ฮาร์วีย์ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ล้มทฤษฎีของเขาในเรื่องการค้นพบระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายคน
ขอบคุณข้อมูล http://th.wikipedia.org
6. The Histories : หนังสือของบุคคลแรกของยุโรป ที่บันทึกประวัติศาสตร์เป็นร้อยแก้ว
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 6. เฮ โรโดตุสจาก (Herodotus) เป็นนักประวัติ ศาสตร์ชาวกรีกซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 500 ปีก่อน ศริสต์กาล เขาได้รับสมญาว่า “บิดาแห่งประวัติศาสตร์”เขาได้เขียนหนังสือ “The Histories “ออกเป็นเก้าเล่ม โดยมีเนื้อหาสาระเน้นสงครามระหว่างกรีกกับเปอร์เซีย ในปีที่ 490 ก่อนคริสต์กาล ที่สมรภูมิมาราธอน นอกจากนี้ยังเขียนเขียนพรรณนาถึงสถานที่และบุคคลต่าง ๆ ที่เขาพบในขณะเดินทาง(เฮโรโดตุสได้เดินทางท่องเที่ยวศึกษาทั่วดินแดนในเอ เชียไมเนอร์และตะวันออกกลาง)
หนังสือ “The Histories ” ของเฮโรโดตุสได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือของบุคคลแรกของยุโรป ที่บันทึกประวัติศาสตร์เป็นร้อยแก้ว ในขณะที่คนอื่นในยุคนั้น เช่น โฮเมอร์บันทึกเรื่องราวเป็นกาพย์กลอน
งานของเฮโรโดตุสนอกจากเป็นการบันทึกอย่างมีศิลปะชั้นเยี่ยมแล้ว ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกบันทึกประวัติศาสตร์ ไม่เฉพาะแต่ประวัติศาสตร์ของกรีกแต่รวมถึงประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันตกและ อียิปต์ และในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหา ภูมิศาสตร์ และมนุษยวิทยาของประเทศที่เขาเดินทาง รวมทั้งการพรรณาถึงป่าแอฟริกาตอนใต้ที่ได้พบเห็นสัตว์นานาชนิด ทั้งสิงโตและช้าง ในระหว่างการเดินทางเฮโรโดตุสได้จดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบเห็นไว้ อย่างละเอียด จึงนับเป็นรายงานการสำรวจดินแดนชิ้นแรกของโลกได้ด้วย
ในทางกลับกัน มีการถกเถียงกันมากในภายหลังถึงวิธีการวางโครงบันทึกประวัติศาสตร์สงครามของ เฮโรโดตุส ว่าเขาเป็นนักหลอกลวง เนื่องเพราะเขาพรรณาที่มีการเสริมแต่งเกินจริงและการบันทึกรายละเอียดที่เขา พบเห็นสิ่งแปลกใหม่บ้างที่เหลือเชื่อเกินควร เช่น ความเป็นอยู่ที่แปลกประหลาดที่เห็นผู้หญิงทำงานนอกบ้าน ผู้ชายทำงานบ้านเย็บปักถักร้อย การอ่านหนังสือที่อ่านจากขวาไปซ้าย วัวเดินถอยหลังขณะก้มกินหญ้าเพื่อไม่ให้เขาของมันปักลงในดิน เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล http://th.wikipedia.org
5. On Liberty : มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวความคิดทางการเมืองสมัยใหม่และถูกใช้อ้างอิงมากที่สุดเล่มหนึ่ง
จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill, 1806-1873) เป็นนักปรัชญาการเมืองชาวสก็อต และเป็นนักเขียนคนหนึ่ง ที่เป็นเจ้าของผลงาน “ว่าด้วยเสรีภาพ (On Liberty)” ตีพิมพ์ออกมาในปี ค.ศ. 1859 เป็นหนังสือที่เชื่อว่า เป็นหนังสือสำคัญในชีวิตของเขาและของโลก
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 5 เนื่องจากเนื้อหานั้นเป็นงานวรรณกรรมทางปรัชญาทางกฎหมาย สิทธิเสรีภาพของพลเมือง ที่สนับสนุนเสรีนิยมของปัจเจกชน หนังสือนี้ได้แพร่หลายอยู่ทั่วไปในประเทศอังกฤษ มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวความคิดทางการเมืองสมัยใหม่และถูกใช้อ้างอิงมากที่สุดเล่มหนึ่ง นอกจากนี้เขายังสนับสนุนให้ตลาดทำงานเสรีโดยปราศจากการแทรกแซง เรียกร้องให้ทุกคนมองเห็น “ความจำเป็น” ในการมีเสรีภาพส่วนบุคคล คุณธรรมในคริสต์ศาสนาจะปราศจากคุณค่าต่อมนุษย์
4. The Republic : หนังสือสำคัญทั้งในด้านปรัชญา รัฐศาสตร์ กฎหมาย การศึกษา และวรรณคดี
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 4 เปลโต (Plato) เป็นลูกศิษย์ของโซคราตีส (Socrates) เป็นนักปรัชญากรีกที่มีแนวคิดโดดเด่นและซับซ้อน ส่งผลต่อปรัชญาตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน เขาได้เขียนหนังสือเรื่องชื่อภาษาไทยว่า “สังคมอุตมรัฐ” (The Republic) ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำให้โลกรู้จักเขาจนถึงปัจจุบัน ที่รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือสำคัญทั้งในด้านปรัชญา รัฐศาสตร์ กฎหมาย การศึกษา และวรรณคดี แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานกว่า 2,500 ปีแล้ว แต่หลักการปรัชญาของเพลโตก็ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวความคิดของการศึกษา ด้านต่าง ๆ ในปัจจุบัน
โดยเนื้อหา The Republic นั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ การเมืองในความคิดของเพลโต แนวความคิดภายในหนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นจากสภาพการเมือง ในกรุงเอเธนส์ที่วุ่นวายอย่างมากในขณะนั้น หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่ง ทั้งในขณะนั้นและต่อมาจนถึงปัจจุบัน คน ที่เรียนรัฐศาสตร์ทั่วโลก ต้องได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการศึกษาปรัชญาทางการเมืองในอดีต และหนังสือเล่มนี้ได้เป็นหนังสือเรียนในวิชารัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง หลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล http://www.horhook.com
3. Lady Chatterley’s Lover : เป็นสุดยอดสุดยอดวรรณกรรมของดีที่ถูกแบน 30 ปี และเป็นจุดกำเนิดการเซ็นเซอร์จนถึงปัจจุบัน
ดี.เอช. ลอว์เรนซ์ (D.H. Lawrence) (ค.ศ. 1885 –ค.ศ. 1930) เป็นนักประพันธ์, กวี, นักเขียนบทละคร, นักเขียนบทความ และนักวิพากษ์วรรณกรรมชาวอังกฤษ
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 3 โดยผลงานที่ขึ้นชื่อของเขาคือเรื่อง Lady Chatterley’s Lover (ชู้รักเลดี้แชตเตอร์เลย์) เป็นสุดยอดสุดยอดวรรณกรรมของดีที่ถูกแบน 30 ปี (เขียนเสร็จในปี 1928 แต่กว่าจะจำหน่ายก็ 1960) และเป็นจุดกำเนิดการเซ็นเซอร์จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีเนื้อหาทางเพศโจ๋งแจ้งมากไปเป็น นิยายอีโรติก ความรักความใคร่ระหว่างนายสาวกับคนเฝ้าสวนที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ศีลธรรมจรรยา
นอกจากนี้ LadyChatterley’s Lover เป็นสาเหตุที่ทำให้ลอว์เรนซ์มีศัตรูหลายคนและการเผชิญหน้ากับการถูกกล่าวหา, การถูกเซ็นเซอร์และการถูกตีความหมายอย่างผิดๆ เมื่อลอว์เรนซ์เสียชีวิตผู้คนถึงเริ่มสรรเสริญคุณค่าของงานของลอว์เรนซ์ใน ด้านความมีศิลปะและความจริงจังทางจริยธรรรมและถือว่าระดับงานเขียนเทียมเท่า
งานเขียนระดับคลาสสิคของนวนิยายอังกฤษในปัจจุบันงานเขียนของลอว์เรนซ์โดยทั่วไปเห็นกันว่า เป็นงานเขียนของผู้เห็นการณ์ไกล และเป็นงานตัวอย่างของการเขียนแบบสมัยใหม่นิยม แม้ว่าผู้สนับสนุนสิทธิสตรีบางคนจะประท้วงทัศนคติของ ลอว์เรนซ์เกี่ยวกับสตรีและเรื่องเพศในงานบางชิ้นก็ตาม ปัจจุบัน LadyChatterley’s Lover ห้ามชั่วคราวในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามกฎหมายว่า ด้วยการอนาจารและถูกห้ามชั่วคราวในออสเตรเลีย
2. The Canterbury Tales : เป็นงานที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อพัฒนาการทางวรรณกรรมของอังกฤษ
หนังสือเปลี่ยนโลก อันดับ 2 ตำนานแคนเตอร์บรี (The Canterbury Tales) เป็นวรรณกรรมที่เขียนโดยเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ (Geoffrey Chaucer) ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นเรื่องย่อยที่รวบรวมกันเป็นหนังสือ (สองเล่มเป็นร้อยแก้ว อีกยี่สิบสองเล่มเป็นร้อยกรอง) เป็นตำนานที่เล่าโดยนักแสวงบุญแต่ละคนจากซัทเธิร์ค (Southwark) ในลอนดอนที่เดินทางกันไปแสวงบุญที่ชาเปลของนักบุญทอมัส เบ็คเค็ทที่มหาวิหารแคนเตอร์บรี
“ตำนานแคนเตอร์บรี” เขียนเป็นภาษาอังกฤษกลาง เรื่องราวต่างถือกันว่าเป็นหนึ่งในมหาวรรณกรรม (magnum opus) ที่ได้รับอิทธิพลมาจาก “ตำนานสิบราตรี” (The Decameron) แต่บางคนก็เชื่อว่านิทานแคนเทอเบอ รีมีส่วนคล้ายคลึงกับเดคาเมรอน เนื่องจากชอเซอร์ยอมรับว่าเขาได้อ่านเรื่องเดคาเมรอนก่อนที่จะแต่งเรื่องนี้ ขึ้นมา
The Canterbury Tales มีเนื้อเรื่องว่า ในวันหนึ่งในเดือนเมษายน กลุ่มนักแสวงบุญ พบปะกันหน้าโรงแรมทาบาร์ดไม่ไกลจากลอนดอนพร้อมกับเจ้าของโรงแรม เพื่อจะเดินทางจากลอนดอนไปยังแคนเตอร์บรี เพื่อจะไปสักการะหลุมศพของนักบุญทอ มัส เบ็คเค็ทที่มหาวิหารแคนเตอร์บรี ชอเซอร์บรรยายสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มอย่างละเอียดที่มาจากชนชั้นต่างๆ ทั้งชนชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นต่ำ ที่มีอาชีพต่างๆ กันทั้งนักบวช แม่ชี คนเรือ คนสีข้าว ช่างไม้ เจ้าหน้าที่ ผู้ดีท้องถิ่น อัศวิน และอื่นๆ แฮรี เบลลีย์เจ้าของโรงแรมเสนอให้ทุกคนในกลุ่มเล่าเรื่องของตนเองระหว่างการเดิน ทางซึ่งก็เป็นที่ตกลงกันว่าแต่ละคนเล่าเรื่องคนละสี่เรื่องสองเรื่องขาไปและ อีกสองเรื่องขากลับ (ในหนังสือประกอบด้วยทั้งหมด 22 เรื่อง) ผู้ที่เล่าเรื่องที่น่าฟังที่สุดที่ตัดสินโดยเบลลีย์ก็จะได้กินอาหารฟรีโดย สมาชิกช่วยกันจ่ายให้ ผู้เล่าเรื่องคนแรกคือขุนนาง เรื่องแต่ละเรื่องก็สะท้อนให้เห็นถึงฐานะทางสังคมของผู้เล่า หรือบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เล่าขึ้นเพื่อเสียดสีผู้อื่นในเป็นต้น
The Canterbury Tales เป็นงานที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อพัฒนาการทางวรรณกรรมของอังกฤษ คนกลุ่มนี้จึงเป็นเสมือนภาพจำลองของสังคมอังกฤษในคริสตวรรษที่ 14 และได้ทำให้ภาษาอังกฤษโดดเด่นนิยมใช้ทั่วโลก และเหมาะสำหรับการนำมาใช้ในวรรณคดี(แทนที่จะใช้ภาษาละตินหรือฝรั่งเศส)
ขอบคุณข้อมูล http://th.wikipedia.org
1. The Greatest : ผลงานทางด้านดาราศาสตร์ที่มีอิทธิพลและเป็นที่ยอมรับมาเป็นเวลา นานร่วม 1,400 ปี
ทั้งหมดของ 10 อันดับหนังสือเปลี่ยนโลก นี้ไม่มีพระคัมภีร์ศาสนา ดังนั้นอันดับ 1 ไม่ใช้ไบเบิลแน่นอน แต่หนังสืออันดับหนึ่งนี้ได้ทำให้โลกเปลี่ยนโดยแท้จริง โดยเฉพาะผลงานทางด้านดาราศาสตร์ที่ได้มีอิทธิพลและเป็นที่ยอมรับมาเป็นเวลา นานร่วม 1,400 ปี จนกระทั่งนิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัสได้พิสูจน์ว่าระบบจักรวาลของปโตเลมีไม่ถูกต้อง
ปโตเลมี เป็นนักดาราศาสตร์และนักภูมิศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ ปโตเลมีเป็นชาวกรีกโดยกำเนิด แต่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ อัตชีวประวัติส่วนตัวของปโตเลมีมีการบันทึกไว้น้อยมากและไม่ชัดเจน
ผลงานของ ปโตเลมี นั้นมีประโยชน์ต่อโลกจริงๆ อย่างหนังสือชุด ทอเลมีเป็นผู้แต่งตำราที่สำคัญหลายเล่ม ที่ถือว่าเป็นคัมภีร์ทางวิชาการ ในจำนวนนี้มีสองเล่มที่ได้ใช้สืบต่อไปในวิทยาการของอาหรับและยุโ