กะเทย ตามความหมายทางแพทย์ หมายถึง คนที่มีอวัยวะของทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่ในคนๆเดียวกัน หรือมีอวัยวะะเพศแบบก้ำกึ่งบอกไม่ได้แน่ว่าเป็นหญิงหรือชาย หรือบางอวัยวะเป็นชาย บางอวัยวะเป็นหญิง
ถ้ามีทั้งอวัยวะเพศหญิงและอวัยวะเพศชายอยู่ในคนๆ เดียวกัน เรียกว่า กะเทยแท้ แต่ถ้าอวัยวะเพศเป็นแบบครึ่งหญิงครึ่งชาย หรือบางอวัยวะเป็นหญิงบางอวัยวะเป็นชาย เรียกว่า กะเทยเทียม
เมื่อเอ่ยถึงกะเทยในคนหรือในสัตว์ ก็รู้สึกกันว่าเป็นของแปลกที่จริงกะเทยมีอยู่ในธรรมชาติโดยรอบตัวเรา ก็ต้นไม้ไงล่ะครับ ต้นไม้แต่ละต้นมีทั้งเกษรตัวผู้และเกษรตัวเมีย อาจมีเกษรทั้งสองชนิดอยู่ในดอกเดียวกันด้วยซ้ำ การผสมพันธุ์ก็เกิดในต้นเดียวกันก็ได้ข้ามต้นก็ได้ นอกจากนั้นสัตว์ชั้นต่ำที่เป็นกะเทยก็ยังมี เช่น ไส้เดือน หอยทาก ปลาบางชนิด ไส้เดือนแต่ละตัวมีทั้งอวัยวะเพศตัวผู้และตัวเมีย เวลาผสมพันธุ์ต้องผสมกับอีกตัวหนึ่ง โดยที่แต่ละตัวเป็นทั้งผัวทั้งเมียพร้อมๆ กันไปเสมอภาคกันดีแท้ คำว่า ไส้เดือน ในที่นี้หมายถึง ไส้เดือนดิน ส่วนพยาธิไส้เดือนที่ปักหลักทำมาหากินอยู่ในลำไส้คนไม่เป็นกะเทย มีตัวผู้ตัวเมีย
เล่าถึงพยาธิในท้องคนแล้ว ยังมีพยาธิที่เป็นกะเทยอยู่อีกชนิดหนึ่ง คือ พยาธิตัวตืด ที่ตัวมันยาวตั้งหลายเมตร และปล้องสุกหลุดออกมาทีละปล้องสองปล้องนั่นแหละ บางทีก็หลุดออกมากับอุจจาระ บางทีก็ออกมาทางก้นเฉยๆ รู้สึกคันและมีอะไรกระตุบกระตับอยู่ เอามือไปเกาก็ได้เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นสั้นๆ ติดมือมาเส้นหนึ่ง ดูไปดูมา เอ๊ะ!! ทำไมมันถึงกระดุกกระดิกได้ นั่นแหละครับ ปล้องของพยาธิตัวตืดที่มันสุกแล้วหลุดออกมา แต่ละปล้องเป็นกะเทย คือมีอวัยวะเพศหญิงและอวัยวะเพศชายอยู่ในปล้องเดียวกัน แต่ละปล้องมีไข่อยู่เต็มและผสมพันธุ์กันเองภายในแต่ละปล้อง เห็นไหมครับในธรรมชาติกะเทยไม่ใช่ของแปลก แต่ในมนุษย์กะเทยเป็นของแปลก
หวนกลับมาเรื่องกะเทยในคน กะเทยในคนแบ่งเป็นชนิดใหญ่ๆ 2 ชนิด คือ กะเทยแท้ กับ กะเทยเทียม ดังกล่าวแล้ว แต่ละชนิดยังแบ่งแยกเป็นชนิดย่อยออกไปอีกมากมาย กะเทยส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ดังจะได้เล่าเรื่องของแต่ละชนิดต่อไปนี้
กะเทยแท้ (True Hermaphrodite)
กะเทยแท้ หาดูได้ยากมาก ก็ขอสารภาพไว้เสียเลยว่า ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นตัวจริงเหมือนกัน เคยแต่ได้ยินเขาเล่า หรืออ่านพบในหนังสือ ก็ทั่วโลกมีกล่าวถึงไว้เพียง 200 รายเท่านั้นเอง รายที่พิลึกพิลั่นที่สุดที่มีจารึกไว้เห็นจะเป็นทหารชาวอิตาลีชื่อ ดาเนียล เบิร์กแฮมเมอร์ คืนหนึ่งก่อนเข้านอน แกบ่นกับภรรยาว่าปวดท้องและมีอะไรก็ไม่รู้ดิ้นอยู่ในท้อง ต่อมาอีกหนึ่งชั่วโมง ก็คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง เด็กปกติและแข็งแรงดี ทหารคนนี้สารภาพว่า ตนเองได้ปกปิดเป็นความลับตลอดมาว่าร่างกายของเขาซีกหนึ่งเป็นชาย อีกซีกหนึ่งเป็นผู้หญิง เขาแต่งงานกับภรรยามา 7 ปี และมีชีวิตสมรสตามปกติแต่ไม่มีลูก อวัยวะเพศชายของเขาปกติ เขาสารภาพว่า เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายเพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ตั้งท้อง หลังจากคลอดลูกแล้ว เขาสามารถให้ลูกดูดนมได้จากเต้านมข้างขวา ซีกตัวข้างขวาของเขาเป็นผู้หญิง ซีกซ้ายเป็นผู้ชาย แต่อวัยวะเพศชายปกติ นี่ก็เป็นรายเดียวในโลกที่มีจารึกไว้เป็นหลักฐานถึงกะเทยแท้ที่มีลูกได้ และมันก็เกิดนานมาแล้วคือกว่า 300 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1601 โน่น ทหารคนนี้มีประวัติจารึกไว้ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในประเทศอิตาลีว่า หย่าขาดจากภรรยาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1601
กะเทยแท้ หาดูได้ยากมาก ก็ขอสารภาพไว้เสียเลยว่า ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นตัวจริงเหมือนกัน เคยแต่ได้ยินเขาเล่า หรืออ่านพบในหนังสือ ก็ทั่วโลกมีกล่าวถึงไว้เพียง 200 รายเท่านั้นเอง รายที่พิลึกพิลั่นที่สุดที่มีจารึกไว้เห็นจะเป็นทหารชาวอิตาลีชื่อ ดาเนียล เบิร์กแฮมเมอร์ คืนหนึ่งก่อนเข้านอน แกบ่นกับภรรยาว่าปวดท้องและมีอะไรก็ไม่รู้ดิ้นอยู่ในท้อง ต่อมาอีกหนึ่งชั่วโมง ก็คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง เด็กปกติและแข็งแรงดี ทหารคนนี้สารภาพว่า ตนเองได้ปกปิดเป็นความลับตลอดมาว่าร่างกายของเขาซีกหนึ่งเป็นชาย อีกซีกหนึ่งเป็นผู้หญิง เขาแต่งงานกับภรรยามา 7 ปี และมีชีวิตสมรสตามปกติแต่ไม่มีลูก อวัยวะเพศชายของเขาปกติ เขาสารภาพว่า เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายเพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ตั้งท้อง หลังจากคลอดลูกแล้ว เขาสามารถให้ลูกดูดนมได้จากเต้านมข้างขวา ซีกตัวข้างขวาของเขาเป็นผู้หญิง ซีกซ้ายเป็นผู้ชาย แต่อวัยวะเพศชายปกติ นี่ก็เป็นรายเดียวในโลกที่มีจารึกไว้เป็นหลักฐานถึงกะเทยแท้ที่มีลูกได้ และมันก็เกิดนานมาแล้วคือกว่า 300 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1601 โน่น ทหารคนนี้มีประวัติจารึกไว้ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในประเทศอิตาลีว่า หย่าขาดจากภรรยาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1601
ตัวอย่างกะเทยแท้
(เป็นคนไข้เด็กที่เจอตั้งแต่แรกเกิด ที่พิสูจน์โครโมโซมแล้วว่าเป็นชาย (XY)
ท่านอนหงาย ท่านอนคว่ำ
อ้างอิง : http://www.2jfk.com/hermaphrodite.htm
กะเทยแท้ที่รู้จักกันเป็นส่วนใหญ่เป็นหมัน มีอวัยวะเพศภายนอกก้ำกึ่ง แต่ก็มักจะดูคล้ายไปทางเพศใดเพศหนึ่ง ที่สำคัญคือมีทั้งอัณฑะและรังไข่ บางคนอาจมี รังไข่ (ovary)อยู่ข้างหนึ่งของตัว อีกข้างหนึ่งเป็น อัณฑะ (testis) หรือบางคนมีก้อนตรงตำแหน่งของรังไข่ ซึ่งเมื่อตัดมาศึกษาดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วพบว่าเป็นทั้ง เนื้อรังไข่และอัณฑะผสมกัน (ovotestis) บางคนอาจมีลักษณะของร่างกายภายนอกเป็นหญิงซีกหนึ่งอีกซีกหนึ่งเป็นชาย (อย่างรายทหารอิตาลีที่เล่ามาแล้วข้างต้น) แม้แต่หนวดก็งอกเฉพาะซีกของร่างกายที่เป็นผู้ชาย
สำหรับกะเทยแท้นี้ยังไม่เคยได้ยินว่าสืบพันธุ์ผิดปกติมาจากพ่อหรือแม่ น่าจะเกิดจากความผิดปกติของการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์มากกว่า โดยที่ความผิดปกตินั้นอาจมีสาเหตุมาจากตัวกำหนดพันธุ์ (โครโมโซม) บางส่วนผิดปกติไปตอน ที่ทารกเจริญเติบโตอยู่ในท้องแม่ก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า กะเทยแท้เป็นกรรมพันธุ์หรือไม่ ก็ตอบให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าไม่เป็น ใครมีลูกหลาน ญาติโกโหติกาเป็นกะเทยแท้ ก็ไม่ต้องวิตกกังวลว่าลูกหลานคนต่อๆ ไปจะเป็นอีก เพราะว่าความผิดปกติไม่ได้ถ่ายทอดมาจากใครทั้งสิ้น มันเกิดขึ้นเองในเด็กคนนั้น แต่ถ้าถามว่ากะเทยแท้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับเชื้อพันธุ์ (ยีน) หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าน่าจะเกี่ยว และความผิดปกติของเชื้อพันธุ์น่าจะเกิดขึ้นในเด็กคนนั้นเอง ไม่ได้รับถ่ายทอดความผิดปกติมาจากพ่อแน่
ย้ำอีกทีว่า กะเทยเทียมเพศชาย ต้องมีโครโมโซมวายและต้องมีอัณฑะ คนปกติเมื่อมีอัณฑะ อัณฑะก็หลั่งฮอร์โมนเพศชายมาทำให้อะไร ๆ ของผู้ชายมันฝ่อหดหายไป ทำให้มีอวัยวะเป็นผู้ชายอย่างที่เห็น ๆ กันอยู่นั่นแหละ
คนที่เป็นกะเทยเทียมเพศชาย เกิดจากกลไกความผิดปกติมากมายหลายแบบ พอจะจัดกลุ่มได้เป็น 7 กลุ่ม
กลุ่มแรก เกิดจากอัณฑะมันดื้อ คือการที่อัณฑะจะหลั่งฮอร์โมนเพศชายได้ดีต้องมีฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งมากระตุ้น คนธรรมดาเมื่ออัณฑะโดนฮอร์โมนที่ว่ากระตุ้น ก็จะหลั่งฮอร์โมนเพศชายออกมา ทำให้อวัยวะเพศชายออกมาเติบโตเป็นผู้ชาย และท่อตัวผู้เจริญเติบโต แต่คนที่อัณฑะมันผิดปกติ มันดื้อต่อฮอร์โมน การสร้างฮอร์โมนก็จะน้อยลง ผลก็คือ อวัยวะเพศชายเจริญเติบโตไม่ค่อยดี กลายเป็นกะเทยเทียม
กลุ่มแรก เกิดจากอัณฑะมันดื้อ คือการที่อัณฑะจะหลั่งฮอร์โมนเพศชายได้ดีต้องมีฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งมากระตุ้น คนธรรมดาเมื่ออัณฑะโดนฮอร์โมนที่ว่ากระตุ้น ก็จะหลั่งฮอร์โมนเพศชายออกมา ทำให้อวัยวะเพศชายออกมาเติบโตเป็นผู้ชาย และท่อตัวผู้เจริญเติบโต แต่คนที่อัณฑะมันผิดปกติ มันดื้อต่อฮอร์โมน การสร้างฮอร์โมนก็จะน้อยลง ผลก็คือ อวัยวะเพศชายเจริญเติบโตไม่ค่อยดี กลายเป็นกะเทยเทียม
กลุ่มที่สอง เกิดจากมีความผิดปกติในขั้นตอนการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศชาย การสังเคราะห์ เทสโตสเตอร์โรน นี้ต้องอาศัยปฏิกิริยาเคมีหลายขั้นตอนและแต่ละขั้นตอนต้องอาศัยเอ็นซัยม์มาเร่งปฏิกิริยา เอ่ยชื่อเอ็นซัยม์ทีไรนักพันธุศาสตร์รู้ทันทีนะครับว่ายีนหรือพันธุกรรมมาเกี่ยวข้องแล้ว หากมีความบกพร่องทางพันธุกรรมของเอ็นซัยม์ตามขั้นตอนการสร้างเทศโตสเทอโรน ก็จะสร้างเทศโตสเตอโรนได้น้อย กลายเป็นกะเทยเทียม กะเทยเทียมกลุ่มที่ 2 นี้มีถึง 5 ชนิด เกิดจากความบกพร่องของเอ็นซัยม์ 5 ตัว
กลุ่มที่สาม เกิดจากเนื้อเยื่อดื้อต่อฮอร์โมนเพศชาย ก็เป็นความผิดปกติของเนื้อเยื่อทำให้เนื้อเยื่อที่มันไม่เอาไหน ฮอร์โมนกระตุ้นเท่าไร ๆ ก็ไม่ได้ผล ผลลัพธ์หรือครับก็เหมือนกับเนื้อเยื่อร่างกายไม่ถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนเพศชายเลย อวัยวะเพศก็เป็นหญิงไป ตัวอย่างของกะเทยเทียมกลุ่มนี้ก็คือ "หญิงมีอัณฑะ"
สาเหตุที่เนื้อเยื่อของร่างกายมันไม่เอาไหนนี้ก็เกิดจากความบกพร่องทางกรรมพันธุ์ คือ คนปกติมียีนอยู่บนโครโมโซมเอ็กซ์ ทำหน้าที่สร้าง "จุดจับฮอร์โมนเพศชาย" ซึ่งจะมีอยู่บนเซลล์ทุกเซลล์ของคนเรา ทีนี้ถ้ายีนที่ว่านี้มันบกพร่อง จุดจับฮอร์โมนเพศชาย ก็ผิดปกติจับฮอร์โมนเพศชายไม่ได้ ผลก็คือ ฮอร์โมนเพศชายแม้จะมีตามปกติออกฤทธิ์ไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นก็กลายเป็นหญิงมีอัณฑะไปตามระเบียบ
ในกลุ่มที่ 3 นี้ยังมีแจกแจงปลีกย่อยออกไปอีก บางแบบเนื้อเยื่อไม่ถึงกับดื้อบริสุทธิ์ โดนฮอร์โมนนี้จุดยังเจ็บๆ คันๆ อยู่บ้าง ก็ยังมีลักษณะของเพศชายบ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็มี แต่ก็เข้ากลุ่มทั้งนั้นแหละ เป็นกะเทยเทียมเพศชาย
กลุ่มที่สี่ เกิดจากความบกพร่องในการเสริมพลังฮอร์โมนเพศชาย ฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโตสเตอโรนน่ามักจะคึกคุกกระปรี้กระเปร่า ต้องมีการเสริมพลังหนุ่มเหมือนกันนะครับ คือจริง ๆ แล้วฮอร์โมนเพศชายเมื่อเข้าไปในเซลล์ก่อนจะออกฤทธิ์จะต้องมีการเสริมพลัง การเสริมพลังทำโดยเอ็นซัยม์ครับ เพราะฉะนั้น ถ้ามีความบกพร่องทางกรรมพันธุ์ของเอ็นซัยม์เสริมพลังหนุ่ม ฮอร์โมนเพศชายก็ออกฤทธิ์ได้ไม่ดี กลายเป็นกะเทยเทียมเพศชาย กลุ่มนี้ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบ ด้อยออโตโสมัล ความผิดปกติที่สำคัญ คือ อวัยวะเพศชายเล็กมากและมีช่องคลอด ช่องเปิดของท่อปัสสาวะเปิดที่โคนอวัยวะเพศ ดูเผิน ๆ คล้ายกับเด็กเป็นผู้หญิง แต่เมื่อเข้าวัยหนุ่มสาวลักษณะของเพศชายจะเด่นชัดขึ้น เต้านมไม่โต
กะเทยเทียมชายกลุ่มนี้ ตอนเด็กมักถูกเลี้ยงเป็นผู้หญิง แต่พอโตขึ้นเขาจะเปลี่ยนตัวเองเป็นชายโดยอัตโนมัติ เพราะเกิดการเปลี่ยนลักษณะต่างๆ ของร่างกายเป็นชายชัดเจนขึ้นตอนเป็นหนุ่มดังกล่าวแล้ว
กลุ่มที่ห้า เกิดจากอัณฑะเจริญเติบโตไม่ดี ซึ่งอาจเกิดจากเนื้อเยื่อเป็นเนื้อเยื่อ ลูกครึ่ง คือ บางเซลล์ก็มีโครโมโซมเพศ เอ็กซ์วาย ปกติแต่บางเซลล์ไม่มีโครโมโซมวาย (มีโครโมโซมเอ็กซ์อันเดียว) หรืออาจเกิดจากโรคไตบางชนิดก็ได้
กลุ่มที่หก เกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับสารที่มาให้ท่อตัวเมียฝ่อ ได้เล่าแล้วนะครับว่า อัณฑะนอกจากสร้างฮอร์โมนเพศชายแล้ว ยังสร้างสารที่ทำให้ท่อตัวเมียฝ่อด้วย ถ้าเกิดความผิดปกติ ทำให้สร้างสารนี้ไม่ได้ หรือสร้างได้แต่ออกฤทธิ์ไม่ได้ ท่อตัวเมียก็จะไม่ฝ่อ ผลก็คือคนนั้นจะเป็นผู้ชายที่มีมดลูกด้วย ตำราบอกว่าเคยมีคนรายงานกะเทยเทียมเพศชายแบบนี้ประมาณ 80 ราย นอกจากมีมดลูกแล้วกะเทยเทียมแบบนี้บางคนอัณฑะยังอยู่ในท้อง ไม่ลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ กะเทยเทียมกลุ่มนี้ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบด้อยเกี่ยวโยงกับเพศ หรือ แบบด้อยออโตโสมัล แต่แสดงลักษณะผิดปกติเฉพาะในชาย
กลุ่มที่เจ็ด กลุ่มสุดท้ายแล้วละครับ เกิดจากตอนแม่ตั้งครรภ์ได้รับฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งจะถ่ายทอดไปยังทารกเพศชาย ในครรภ์ มีผลต่อต้านฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชาย ทำให้อวัยวะเพศชายเติบโตไม่ดี ลักษณะที่พบบ่อยก็คือ รูเปิดของท่อปัสสาวะ แทนที่จะเปิดที่ปลายลำอวัยวะ เพศชายตามปกติ ก็จะเปิดที่โคนอวัยวะบ้าง กลาง ๆ ลำบ้าง
ที่จริงการแบ่งกะเทยเทียมเพศชายออกเป็น 7 กลุ่มนี้ ก็เป็นการจัดกลุ่มตามกลไกการเกิดเท่านั้น กะเทยเทียมเพศชายที่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่แน่ว่าจะอยู่ในกลุ่มไหนก็ยังมี และยังมีลักษณะอีก 2 ลักษณะครับที่หากใครมีก็คล้าย ๆ กับกะเทยเทียมเพศชายอย่างอ่อน ๆ ลักษณะแรกก็คือ รูเปิดของท่อปัสสสาวะไม่เปิดที่ปลายลำอวัยวะเพศ ลักษณะนี้ภาษาอังกฤษเขามีศัพท์เทคนิคว่า hypospadias อีกลักษณะหนึ่งคือ ลูกอัณฑะไม่เคลื่อนมาอยู่ในถุงอัณฑะ ไม่ว่าจะไม่เคลื่อนเม็ดเดียวหรือสองเม็ดก็ตาม ลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างนี้ แสดงว่าชายคนนั้นดูจะอ่อนโหวงเฮ้งความเป็นชายไปสักหน่อย แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับ ว่าผู้ชายมีเม็ดเดียว (ทองแดง) พลังเพศจะไม่ฟู่ฟ่า ส่วนคนที่ไม่มีสักเม็ดนั้นบอกได้แน่ ๆ ว่าไม่ฟู่หรอกครับ มีแต่ฟุบ
**************************************************************************