เพื่อนๆ เคยเข้าชมพิพิธภัณฑ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กันคะ? ในความคิดของทุกคนคงจะคิดว่าน่าเบื่อ เป็นที่เก็บของเก่า ไม่มีอะไรน่าชม แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้มาเห็น 11 สุดยอดพิพิธภัณฑ์แปลกทั่วโลก จะข้ามไปไม่ได้แม้แต่ที่เดียว .. ไม่ว่าจะเป็นการเก็บสะสมของแปลก ของน่ากลัวจนขนลุกซู่ ของที่ทำให้เพือนๆ หวาดเสียวและสยดสยอง ล้วนอยู่ใน11 อันดับสุดยอดพิพิธภัณฑ์แปลกทั่วโลกนี้หมดแล้ว จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยคะ .. (ใจไม่กลาห้ามดูนะ!)
11 สุดยอดพิพิธภัณฑ์แปลกทั่วโลก1. พิพิธภัณฑ์มัมมี่ (El Museo De Las Momias) : รัฐกวานาคัวโต ประเทศเมกซิโก
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เต็มไปด้วยมัมมี่นับพัน ร่าง แต่ที่น่ากลัวไม่ใช่แค่นั้น มัมมี่เหล่านี้คือร่างของคนที่ตายจากโรคอหิวาตกโรคที่ระบาดครั้งใหญ่ใน เมืองกวานาคัวโตเมื่อปี ค.ศ.1833 ศพของคนที่ครอบครัวยากจนเกินกว่าจะจ่ายเงินค่าฝังศพได้จะถูกนำมาฝังรวมกัน ไว้ที่สุสานแห่งนี้ แต่ในร่างทั้งสุสานมีเพียง 2% เท่านั้นที่กลายเป็นมัมมี่ตามธรรมชาติ
มีการนำศพมาทิ้งไว้ที่สุสานนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1865 จนถึงปี ค.ศ.1958 และเมื่อเข้าสู่ช่วงปี ค.ศ.1900 มัมมี่เหล่านี้ก็เริ่มกลายเป็นที่สนใจและทำให้เมืองกลายเป็นสถานที่ท่อง เที่ยว คนดูแลสุสานเริ่มเก็บงานค่าเข้าชม และในที่สุด สถานที่นี้ก็ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อ El Museo De Las Momias ที่แปลได้ว่า พิพิธภัณฑ์มัมมี่
ในช่วงที่โรคมีการระบาดหนักที่สุด ร่างคนตายมากมายจะถูกฝังอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย รวมถึงบางคนที่ยังไม่เสียชีวิตก็ถูกฝังทั้งเป็นด้วย ดังนั้นมัมมี่บางตัวจึงมีสีหน้าหวาดกลัวและทุกข์ทรมานเป็นสีหน้าสุดท้ายก่อน จะตาย
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์นี้มีมัมมี่จัดแสดงอยู่ 119 ร่าง มีทั้งที่เป็นเด็กทารกไปจนถึงคนแก่ บางร่างก็มีท่าทางแปลกๆ และบางร่างก็ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าเดิมของตัวเอง พิพิธภัณฑ์นี้ยังมีร่าง มัมมี่ที่เล็กที่สุดในโลก เป็นร่างของตัวอ่อนในครรภ์ของผู้หญิงซึ่งเสียชีวิตจากโรคอหิวาตกโรค
2. พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลบ้า (The Glore Psychiatric Museum) : St. Joseph รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา
พิพิธภัณฑ์ The Glore Psychiatric Museum แต่ก่อนเป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคทางประสาท มีชื่อเดิมว่า State Lunatic Asylum No. 2 ก่อ ตั้งโดย George Glore ในปี ค.ศ.1903 ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์นี้เป็นสถานที่จัดแสดงวิธีการรักษาโรคทางประสาทในสมัย ก่อนโดยใช้หุ่นจำลอง รวมถึงมีการจัดแสดงผลงานศิลปะของเหล่าคนไข้ในโรงพยาบาลที่ดูเหมือนหลุดออกมา จากหนังสยองขวัญ
ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์นี้อยู่ที่ชิ้นงานโมเส คที่สร้างขึ้นมาจากของที่พบในท้องของคนไข้หญิงรายหนึ่งซึ่งป่วยเป็นโรคชอบ กลืนของแปลกๆ ของทั้งหมดในท้อง 1,446 ชิ้นถูกผ่าออกมาได้ ส่วนคนไข้หญิงรายนี้เสียชีวิตระหว่างการผ่าตัด
3. พิพิธภัณฑ์ผ้าอนามัย (The Museum of Menstruation & Women’s Health) : New Carrollton รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เรื่องผู้หญิงกับประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ ที่ใครๆ ก็เข้าใจ แต่เราไม่อยากคุยกับเรื่องนี้กันในที่สาธารณะเท่าไหร่นัก การที่จะมีพิพิธภัณฑ์สำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็ไม่น่าจะแปลกตรงไหน ปัญหาคือ พิพิธภัณฑ์นี้ไม่ใช่ของรัฐหรือของปริษัทเอกชนแต่อย่างใด แต่อยู่ในชั้นใต้ดินที่เป็นของชายเพียงคนหนึ่ง ที่มีความฝันอยากสร้างพิพิธภัณฑ์แปลกๆ แห่งนี้ นั่นคือ Harry Finley
ตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 ชายวัยกลางคนๆ นี้อุทิศตัวให้กับการสะสมผ้าอนามัยและหุ่นที่สวมใส่ของเหล่านี้เพื่อตั้ง แสดงให้สาธารณชนได้รับชม ผลงานความพยายามของเขาได้รับการยกย่องจากนิตยสาร The New York Times (ตามที่กล่าวอ้างไว้ในเว็บไซต์ของเขา ที่นี่) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชื่อเสียงของ Harry Finley ในหมู่เพื่อนบ้านจะเป็นยังไง ในเหล่าของสะสมของเขา มีชุดที่ทำขึ้นจากผ้าอนามัยด้วย
สถานที่นี้เป็นสถานที่ส่วนบุคคล และมี Harry อาศัยอยู่เพียงคนเดียว ดังนั้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 เป็นต้นมา ใครที่อยากจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์/ห้องใต้ดินแห่งนี้จะต้องนัดล่วงหน้าก่อนด้วย
4. พิพิธภัณฑ์หุ่นกระบอก (The Vent Haven Ventriloquist Museum) : Fort Mitchell รัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา
หุ่นกระบอกพากย์เสียงเป็นของเล่นที่ตั้งใจ ทำมาเพื่อความสนุกสนาน แต่กลับกลายเป็นของน่ากลัวไปซะได้ คนส่วนมากไม่อยากมีหุ่นแบบนี้อยู่ในห้องนอนแน่ๆ แต่ถ้าคุณไปที่พิพิธภัณฑ์ Vent Haven Museum คุณจะได้อยู่ร่วมกับหุ่นกระบอกสุดสยองกว่า 750 ตัวตามลำพังจนหนำใจ
เริ่มต้นจากเป็นแค่ของสะสมของชายคนหนึ่งที่ ชื่อ William Shakespeare Berger (ชื่อจริงๆ และไม่เกี่ยวข้องกันกับ Shakespeare คนนั้น) ผู้หมกหมุ่นอยู่กับการสะสมหุ่นเหล่านี้จนถึงวันที่เขาเสียชีวิตลง
หนึ่งในของสะสมที่ดังที่สุดในพิพิธภัณฑ์คือ หุ่นที่เคยเป็นของ William Wood นักพากย์เสียงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักพากย์เสียงหุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่ สุดในโลก หลังจากที่เขาเสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุทางเรือ หุ่น 4 ตัวจากทั้งหมด 6 ตัวของเขาก็ถูกนำมาจัดตั้งแสดง ส่วนอีก 2 ตัวที่เหลือจมหายไปกับเรือ (ไม่รู้ว่าพร้อมกับลาก William Wood ลงไปก้นทะเลด้วยหรือเปล่า)
พิพิธภัณฑ์ Vent Haven Ventriloquist Museum ได้กลายเป็นสถานที่เก็บรักษาหุ่นกระบอกพากย์เสียงที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก โดยทั้งหมดนี้มาจากเงินของ William Shakespeare เพียงผู้เดียวเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็เสียชีวิตไปแล้วโดยไม่ได้แต่งงาน และไร้ซึ่งทายาทสืบทอดสมบัติต่อไป ยกเว้นเหล่าหุ่นเหล่านี้เท่านั้นที่ยังเหลืออยู่
5. พิพิธภัณฑ์อวัยวะเพศของสัตว์ตัวผู้ (The Icelandic Phallological Museum) : Husavik ประเทศไอซ์แลนด์
ท่านชายหลายๆ คนคงจะภาคภูมิใจกับ “น้องชาย” ของตัวเองมากจนเชื่อว่าของๆ ท่านคงเหมาะที่จะนำมาตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์นี้ เชิญท่านพบกับพิพิธภัณฑ์ในประเทศไอซ์แลนด์อันหนาวเย็น สถานที่ๆ อุทิศให้กับ “อวัยวะเพศของสัตว์ตัวผู้” โดยเฉพาะ ถ้าหากมาเยี่ยมชมแล้ว บางชิ้นอาจทำให้ท่านเสียความมั่นใจไปได้
ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ Sigurdur Hjartarson รวบรวมอวัยวะเพศจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวผู้มากกว่า 100 ชนิด ที่ไม่ได้เป็นแค่ของดองโชว์อยู่ในโหลอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงของตกแต่งที่สร้างมาจากอวัยวะเพศของสัตว์ด้วย ทั้งโคมไฟ โทรศัพท์ หรือแม้แต่ภาพวาด นอกจากนี้ยังมีจัดแสดงโชว์อวัยวะเพศของสัตว์ในตำนาน (ที่คาดว่าน่าจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้) เช่น เอลฟ์ หรือโทรล อีกด้วย
6. พิพิธภัณฑ์โรคประหลาด (The Mutter Museum) : เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพิพิธภัณฑ์ Mutter Museum เป็น พิพิธภัณฑ์ทางการแพทย์ที่สยองที่สุด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1858 ด้วยการบริจาคของนายแพทย์ Thomas Dent Mutter สถานที่นี้กลายเป็นที่เก็บตัวอย่างของคนที่เป็นโรคแปลกๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ของสะสมที่มีชื่อเสียงที่สุดของพิพิธภัณฑ์ นี้คือ เหล่ากระโหลกและแบบจำลองศีรษะของคนที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระโหลกที่แปลก ประหลาด เช่นผู้หญิงที่มีเขางอกออกมาจากหน้าผาก
นอกจากนั้นก็ยังมีโครงกระดูกที่สูงที่สุดใน แถบอเมริกาเหนือ ร่างของผู้หญิงที่กลายสภาพเป็นสบู่หลังจากเสียชีวิต และตัวอ่อนของทารกที่ป่วยเป็นโรคความผิดปกติต่างๆ นี่เป็นแค่ส่วนน้อยนั้นเพราะของสะสมทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์นี้มีเยอะแยะมากมาย จนเขียนไม่หมด ถ้าใครชอบของแปลกๆ สุดสยอง สถานที่นี้คงเหมาะมากที่จะลองไปเที่ยวดู
7. พิพิธภัณฑ์เส้นผมมนุษย์ : เมือง Avanos ประเทศตรุกี
ภาพที่คุณเห็นอยู่นี้ คือสถานที่เก็บรวบรวมเส้นผมของมนุษย์กว่า 16,000 ปอย ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1979 โดย Chez Galip ช่างปั้นหม้อประจำเมือง ผู้ใจกว้างพอที่จะเปิดกรุของสะสมสุดแปลกให้ทุกคนได้เข้ามาชมกัน
ที่มาของไอเดียสร้างพิพิธภัณฑ์เส้นผมมนุษย์ สุดสยองนี้มีหลากหลายกระแส เรื่องหนึ่งเล่าไว้ว่า เพื่อนของ Galip ต้องย้ายไปอยู่ในที่ห่างไกล เธอจึงทิ้งผมปอยหนึ่งเอาไว้ให้เขาเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง หลังจากนั้น แขกที่มาเยี่ยมเยียนร้านของเขาก็เริ่มให้ปอยผมแก่เขาเพื่อเป็นที่ระลึก ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า Galip เก็บสะสมผมจากผู้ที่เข้าร่วมเรียนการปั้นหม้อกับเขาแล้วนำมาแขวนไว้ในถ้ำใต้ ห้องทำงานเพราะเชื่อว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้มีคนมาเข้าเรียนมากขึ้น
น่าแปลกที่งานอดิเรกแบบนี้แทนที่จะทำให้ผู้ คนกลัวกัน กลับมีผู้หญิงจำนวนมากจากที่ต่างๆ เดินทางมายังร้านของเขาเพื่อมอบปอยผมของพวกเธอไว้ให้เป็นที่ระลึก ไม่ใช่ให้แค่ผมอย่างเดียวเท่านั้น สาวๆ แต่ละคนยังทิ้งชื่อและที่อยู่แนบไว้กับผมแต่ละปอยด้วย จนกระทั่งทุกวันนี้มีปอยผมหลายสี หลายขนาด หลายความยาว แขวนอยู่ตามผนังถ้ำเต็มไปหมด และทุกๆ ปี จะมีหญิงสาวผู้โชคดี 10 คนที่ทิ้งที่อยู่ติดต่อเอาไว้ให้ได้รับเชิญมาพักผ่อนฟรีๆ ที่บ้านพักสำหรับแขกของ Galip สำหรับคนที่มาท่องเที่ยวและอยากจะมีส่วน ร่วมด้วยก็สามารถทำได้ Galip จัดเตรียมอุปกรณ์ให้สำหรับคนที่อยากจะทิ้งเส้นผมของตัวเองไว้เป็นที่ระลึก ที่นี่ด้วย
8. พิพิธภัณฑ์คุก Seodaemun : กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
เกาหลีไม่ได้มีแต่ที่เที่ยวสวยงาม หวานแหววแบบที่เราเห็นๆ กันเท่านั้น ถ้าใครได้มีโอกาสไปเกาหลีลองไปเปลี่ยนบรรยากาศดูของน่ากลัวๆ ที่ พิพิธภัณฑ์คุก Seodaemun กันดู
ตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 ถึงปี ค.ศ.1948 ทหารญี่ปุ่นซึ่งออกล่าอาณานิคมในหลายประเทศรวมถึงเกาหลีใต้ด้วย ใช้คุก Seodaemun เป็นที่คุมขังและทรมานผู้ต่อต้าน หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลของเกาหลีใต้ก็ใช้คุกนี้เป็นที่คุมขังนัุกโทษต่อ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1992 จึงเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์แทน
แต่ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้น่ากลัวจริงๆ นอกจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมันแล้ว ยังเป็นเพราะหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าคนจริงที่จำลองการทรมานนักโทษในสมัยอดีึต ต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นการทรมานนักโทษด้วยการกรอกน้ำพริกเข้าไปทางจมูก การใช้ไม้ไผ่แทงเข้าไปใต้เล็บ หรือการจับแขวนคอ พร้อมกับเสียงประกอบของคนกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปเป็นระยะๆ
ไฮไลท์ของการเยี่ยมชมที่นี่ คุณไม่เพียงได้เดินดูเฉยๆ เท่านั้น แต่ยังเข้าไปสัมผัสบรรยากาศแบบนักโทษได้อีกด้วย ทั้งไปลองนั่งๆ นอนๆ อยู่บนอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ หรือไปยืนอยู่ตรงจุดเดียวกับที่เคยมีคนถูกแขวนคอมาแล้วด้วยก็ได้
9. พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ Tuol Sleng : กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
ตึกแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1979 เมื่อเหล่าเขมรแดงถูกขับไล่ออกไปจากประเทศ แต่ก่อนหน้านั้น ที่นี่คือสถานที่ๆ คนกว่า 17,000 ถูกทรมานและฆ่าภายใต้การดูแลของกลุ่มเขมรแดง และความทรงจำที่โหดร้ายในอดีตของสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในรูปภาพถ่าย จำนวนหลายพันใบที่ถูกจัดแสดงไว้ในห้องขังต่างๆ
ในห้องที่เคยเป็นห้องขัง ก็จะมีภาพถ่ายร่างของนักโทษที่เคยเสียชีวิตอยู่ในห้องนั้นตั้งแสดงไว้ นอกจากนั้นก็ยังมีภาพวาดจากฝีมือของนักโทษที่เป็นจิตรกรในตอนนั้นวาดเอาไว้ แสดงให้เห็นถึงวิธีการทรมานนักโทษแบบต่างๆ นานา และของที่น่ากลัวที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็คือหัวกะโหลกจริงๆ ของเหยื่อที่ถูกนำมาจัดแสดงไว้ในตู้โชว์ และนำมาเรียงทำเป็นแผนที่
10. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับระบบปัสสาวะของ William P. Didusch : รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ถ้าแค่ พิพิธภัณฑ์ของอวัยวะเพศชาย ยัง ไม่แย่พอ เรามีอีกสถานที่หนึ่งที่สยองยิ่งกว่านั้น ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับระบบปัสสาวะ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานหลักของสมาคมระบบปัสสาวะแห่งประเทศอเมริกา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขึ้นเพื่ออุทิศให้กับประวัติศาสตร์และเครื่องมือทางการ แพทย์จากในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา ที่ใช้ในการตรวจภายใน (หมายถึง จิ้ม เข้าไป) ในอวัยวะเพศชายโดยเฉพาะ
คงไม่ต้องบอกว่าของที่ตั้งแสดงอยู่ในที่ นี่ทำให้พวกผู้ชายที่ได้มาเยี่มชมขวัญหนีดีฝ่อกันขนาดไหน ตัวอย่างอุปกรณ์สุดสยองก็เช่น ท่อเหล็กยาวที่ใช้ในการสวนท่อปัสสาวะในสมัยก่อน เครื่องบีบที่ใช้ในการทำลายนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือว่าจะเป็นตะขอเหล็กที่ใช้ในการชำแหละต่อมลูกหมาก เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังมีตัวอย่างของนิ่วในไตหลากหลายขนาดจัดแสดงอยู่ แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คืออุปกรณ์จากต้นยุคศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นห่วงเหล็กที่เอาไว้ใส่ตอนนอน (เรียกว่า Spermatorrhea ring) เพื่อป้องกันการ ฝันเปียก
หลังจากเที่ยวชมจนหนำใจแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะร้านขายของที่ระลึก แล้วเลือกซื้อนิ่ว (น่าจะเป็นของจำลอง หรือเปล่า?) กลับไปสักอัน เพื่อจะได้ไม่ลืมประสบการณ์ในครั้งนี้
11. พิพิธภัณฑ์แห่งความตาย สุสานศพ Catacombs Capuchin : ประเทศอิตาลี
พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศพ สุสานศพของชนชั้นสูง พระ ขุนนาง คนที่มีชื่อเสียง ตัวแทนจากหลากหลายอาชีพ รวบรวมศพถึงแปดพันศพ เหมือนเป็นการรวบรวมมัมมี่ ซากศพ ตั้งโชว์ไว้ตามผนัง
เรียบเรียงโดย teen.mthai.com ขอบคุณข้อมูล atcloud.com,everydayreaders.com