สัญญาณ WiFi อันตรายที่มองไม่เห็น
ปัจจุบันมีการใช้สัญญาณ WiFi อินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่เด็กเล็กยันผู้สูงอายุ แต่ใครจะรู้บ้างว่าสัญญาณเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก เพราะสมองและส่วนกะโหลกศีรษะของเด็กยังกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต Dr.Om Ghandhi แห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ กล่าวว่า เนื้อสมองของเด็กวัย 5-10 ขวบ ซึ่งยังอ่อนอยู่ จะถูกสัญญาณของคลื่น WiFi ทะลุทะลวงได้มากกว่าสมองของผู้ใหญ่
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ดังนั้น หากที่บ้านของเรามีสัญญาณ WiFi และคุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้เด็กๆ ได้ใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือแท็บเล็ต หรือเล่นเกมทางอินเทอร์เน็ตนั่น อาจต้องระวังให้มากว่าเด็กๆ กำลังเสี่ยงกับการมีปัญหาสุขภาพที่เกิดจาก WiFi และหากคลื่นสัญญาณมีกำลังแรงมาก อาจส่งผลทำให้เด็กบางคนเกิดอาการดังนี้
1. ปวดศีรษะบ่อยๆ (ประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์)
2. มีอาการเวียนหัวและรู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียน
3. มองเห็นเลือนรางและมีความผิดปกติทางการมองเห็น เช่น เห็นพื้นที่กำลังเดินอยู่มีลักษณะเอียง หรือมีความรู้สึกเหมือนเดินลงเขา
4. มีความผิดปกติทางการได้ยิน เช่น ได้เสียงของคุณครูฟังดูแปลกๆ มีเสียงสูง ต่ำ ทั้งๆที่คุณครูยังคงพูดเสียงปกติเหมือนเดิม
5. มีปัญหาในเรื่องของความจำ
6.ไม่มีสมาธิเวลาเรียนหรือขาดความสนใจในบทเรียน
มีงานวิจัยที่กล่าวถึงผลของ Wi-Fi ต่อสุขภาพ พบว่า สัญญาณ Wi-Fi มีผลต่อทารกในครรภ์มารดา ซึ่งรายงานนี้ได้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ ที่มีชื่อว่า the Australasian Journal of Clinical Environmental Medicine
โดยรายงานนี้ได้ระบุว่า สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยจากอุปกรณ์ที่มีสัญญาณ Wi-Fi เป็นสาเหตุให้เกิดการจับตัวกันของธาตุโลหะในเซลล์สมอง ซึ่งการสะสมนี้จะทำให้เกิดอาการออทิสติกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าสัญญาณ WiFi เป็นอันตรายกับเด็ก เพราะสัญญาณที่ส่งออกไปทำให้เซลล์ในร่างกายหยุดการทำงาน ทำให้ไม่สามารถหายใจได้สะดวก และทำให้ดีเอ็นเอภายในร่างกายถูกทำลายและทำงานไม่เป็นปกติหลังจากได้รับไปเป็นเวลานาน และคลื่นเหล่านี้ถูกค้นพบว่าทำให้มีผลต่อเม็ดเลือดขาว ซึ่งอาจทำให้เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว
ในปัจจุบันโรงเรียนประถมเซนต์วินเซนต์ยูเฟรเซีย ใน Meaford ออนตาริโอ ของแคนาดา ได้ห้ามไม่ให้มีระบบสัญญาณ Wi-Fi ในโรงเรียนระดับอนุบาลและประถมต้น เช่นเดียวกับบางโรงเรียนอนุบาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และรัสเซีย เนื่องจากมีผลการวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า คลื่นความถี่ของระบบสัญญาณ WiFi ที่มีความเข้มข้นนั้นอาจมีผลเสียต่อพัฒนาการและอาจทำให้เกิดเนื้องอกในสมองของเด็กได้
แม้การมีคลื่นสัญญาณ WiFi ใช้สร้างประโยชน์ให้กับเราอย่างมากมาย ทั้งเรื่องการติดต่อสื่อสาร การค้นคว้าข้อมูลเพื่อการศึกษา การทำธุรกิจการค้า ฯลฯ แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่มีแต่ประโยชน์และไม่มีโทษร่วมด้วย ดังนั้นจึงควรใช้มันอย่างฉลาด รู้จักควบคุมการใช้ของตัวเอง เช่นการไม่ใช้นานเกินไปในแต่ละวัน หรือใช้เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้นก็พอ ซึ่งนอกจากสัญญาณ WiFi แล้ว ยังรวมถึงการใช้ไมโครเวฟ และโทรศัพท์มือถือด้วยที่มีผลเสียต่อร่างกายได้ถ้าใช้อย่างไม่ระวังหรือมากเกินไป ด้วยรักและห่วงใย ป้องกันไว้ดีกว่าแก้กันเถอะ
เด็กนักเรียนหญิงเกรด 9 โรงเรียน Hjallerup ประเทศเดนมาร์ค จำนวน 5 คนเกิดความสงสัยปนอยากรู้ ว่า
ทำไมคืนที่หลับไปโดยวางโทรศัพท์ (ที่เปิดเครื่อง) ไว้หัวนอนตลอดคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นจึงไม่ค่อยมีสมาธิ หรือจดจ่อกับกิจกรรมต่างๆได้น้อยกว่าปกติ
พวกเธอจึงทดลองใช้เมล็ดต้นเครส ซึ่งปลูกขึ้นง่าย จำนวน 400 เมล็ด มาวางกระจายบนถาด 12 ถาด และแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ถาด กลุ่มแรกวางไว้ในห้องปกติ และกลุ่มที่ 2 ถูกวางไว้ในห้องที่มี เราเตอร์ Wi-Fi 2 เครื่อง
โดยทั้ง 2 กลุ่มได้รับน้ำและแสงแดดในปริมาณเท่ากัน
ผ่านไป 12 วัน พบว่า ถาดกลุ่มแรกที่วางไว้ในห้องปกติ เจริญเติบโตดี ผิดกับถาดกลุ่มหลังที่เมล็ดไม่เจริญเติบโต บางส่วนเน่าและตายไป
ศาสตราจารย์ โอลเล โจแฮนซัน จากสถาบัน Karolinska ในกรุงสตอกโฮล์ม
เตือนสั้นๆ ว่า
“สัญญาณจากอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ จะส่งผลต่อเยาวชนในระยะยาว ที่น่าเป็นห่วงคือ
**อาจไปหยุดยั้งการเจริญพันธุ์ของคนรุ่นต่อไป ภายใน 5 รุ่นถัดจากนี้”
จึงอยากเตือนถึงการใช้อุปกรณ์สื่อสารตระกูลสมาร์ทต่างๆ แทบเล็ต เครื่องมือประเภทเชื่อมต่อบลูทูธ หรือแบบไร้สายนานาชนิด ให้ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
โดย ดร.แพง ชินพงศ์
ข้อมูลอ้างอิง http://www.earthcalm.com/lp-children-and-emfs/wi-fi-health-risks-and-children/