เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ทุเรียนเมืองนนท์ ราคาพุ่งเกือบหมื่น หลังสวนเจอน้ำเค็มรุกล้ำ ทำต้นทุเรียนตายเรียบ จนทุเรียนขาดตลาด
เมื่อวานนี้ (2 พฤษภาคม 2557) นายยศพนธ์ ทัพพระจันทร์ เกษตรกร จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ทำให้สวนทุเรียนได้รับความเสียหายจนต้องปลูกต้นใหม่ทดแทน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้นทุเรียนที่ปลูกใหม่ อายุประมาณ 1 ปี กำลังได้รับผลกระทบกว่า 4,000 ไร่ สืบเนื่องมาจากน้ำเค็มหนุนสูงได้ทะลักเข้าสู่ร่องสวน ทำให้ต้นทุเรียนเริ่มเหี่ยวเฉา ตายแล้วกว่า 50 ไร่ แต่คาดว่าน่าจะตายเพิ่มอีก เพราะสถานการณ์น้ำเค็มยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำเค็มปีนี้ถือว่ามาเร็วและมีค่าสูง ส่งผลให้มีผลกระทบต่อทุเรียนใน จ.นนทบุรี เป็นอย่างมาก เพราะรากแก้วของต้นทุเรียนเน่าและตาย ทางเกษตรกรต้องเร่งหาน้ำจืดมารดน้ำต้นทุเรียน เพื่อให้เกิดความเจือจางลง ขณะเดียวกันการประปานครหลวง (กปน.) ได้ให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรด้วยการแจกน้ำฟรี แต่ต้องหารถมาบรรทุกน้ำเอง ตรงจุดนี้ก็ยังพบปัญหาว่า รถไม่เพียงพอ บางคนต้องลงทุนซื้อน้ำมาใส่ร่องสวนคันละ 1,200 บาท นอกจากนี้ กปน. ได้ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการลดราคาบิลค่าน้ำร้อยละ 20 ในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนนี้
ด้านอดิสรณ์ ฉิมน้อย อดีตประธานชมรมอนุรักษ์และฟื้นฟูทุเรียนอำเภอเมือง จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า ก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 จ.นนทบุรี มีพื้นที่ปลูกทุเรียน 3,000 ไร่ สร้างรายได้ปีละ 200 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือเพียง 14 ไร่ คาดว่าสร้างรายได้ 50 ล้านบาทเท่านั้น รายได้หายไป 150 ล้านบาท ส่วนพื้นที่ปลูกใหม่ทดแทน ก็ถูกน้ำเค็มรุกล้ำจนเสียหาย ทำให้ปีนี้มีทุเรียนออกสู่ตลาดได้น้อยมาก และมีลูกค้าเข้ามาจองเต็มทุกสวนแล้ว ซึ่งราคาทุเรียนก้านยาว ได้ปรับราคาเป็นลูกละ 9,000-10,000 บาท จากเดิมอยู่ที่ 5,000-8,000 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ นายศรียงค์ วิมลสรกิจ ชาวสวนทุเรียน ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด เปิดเผยว่า น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้สวนทุเรียนเสียหายทั้งหมด เงินสูญไป 3-4 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้ปลูกใหม่ 80 ต้น แต่ก็เจอน้ำเค็มรุกล้ำ ทำให้ตายไปแล้ว 50 ต้น คาดว่าน่าจะตายยกสวน
ส่วนนางไสว ทัศนีย์เวช ชาวสวนทุเรียนตำบลบางรากน้อย อ.เมือง เปิดเผยว่า ทุเรียนที่ปลูกใหม่นี้จำนวน 9 ไร่ ใช้เงินลงทุนกว่า 300,000 บาท กำลังจะเริ่มเหี่ยวตายจากน้ำเค็มรุกล้ำ โดยชาวสวนบางรายได้แก้ปัญหาด้วยการใช้น้ำประปามาใส่ร่องสวน ทำให้ค่าน้ำพุ่งเดือนละ 20,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ ปัญหาอื่น ๆ ที่พบ คือชาวสวนได้ทยอยขายสวนทุเรียนเพื่อทำบ้านจัดสรร ทำให้มีปัญหาส่งของเสียลงแม่น้ำ ทำให้สวนทุเรียนที่เหลืออยู่ได้รับผลกระทบด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก