หนุ่มอังกฤษ ผู้ไม่จำนนต่อโชคชะตา ปั่นจักรยาน 18,000 ไมล์ รอบโลก
ได้สำเร็จเป็นคนแรก!!
หนุ่มอังกฤษผู้ประสบอุบัติเหตุข้อเท้าแตก 15 ชิ้น ทำให้เขาอาจเดินไม่ได้อีกต่อไป ได้กลายเป็นคนแรกที่พายเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นระยะทางกว่า 3,000 ไมล์ ปั่นจักรยานรอบโลกกว่า 18,000 ไมล์ แถมยังพิชิตเทือกเขาเอฟเวอร์เรสต์ได้สำเร็จ!!
เจมส์ เคชเชล์ (James Ketchell ) ประสบอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซค์เป็นเหตุให้ข้อเท้า ขา และแขนของเขาแตกออกเป็น 15 ชิ้น และแน่นอนประโยคที่บอกว่าเขาอาจจะไม่สามารถกลับมาเดินได้อย่างปกติอีก เป็นคำพูดที่แทบทำให้เจ้าตัวหัวใจแทบสลาย
อย่างไรก็ดีในอีก 7 ปีให้หลัง หนุ่มอังกฤษวัย 31 ปีรายนี้เลือกที่ยักไหล่ให้กับคำพูดของหมอ และตั้งใจที่จะเป็นคนแรกที่จะพิชิตเทือกเขาเอฟเวอเรสต์, พายเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และปั่นจักรยานรอบโลกให้สำเร็จให้ได้
ในปี 2007 เคชเชล์ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเองได้เริ่มเดินทางจากเมือง ฮอลโลเวย์ในลอนดอน ได้พายเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกคนเดียวในสามปีต่อจากนั้น
ในปีต่อมา เคชเชล์ไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เขาลงมือปฏิบัติภารกิจฝ่าฟันความหนาวในการปีนเทือกเขาเอฟเวอร์เรสต์สำเร็จโดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 6 สัปดาห์ และไม่นานมานี้เจ้าตัวก็เพิ่งเดินทางกลับบ้าน หลังเสร็จสิ้นภารกิจปั่นจักรยานระยะทาง 18,000 ไมล์รอบโลก โดยผ่านมากกว่า 20 ประเทศภายใน 214 วัน
“หลังประสบอุบัติเหตุ ผมต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าผมยังดีอยู่ และตอนนี้ผมก็คิดว่าผมทำมันสำเร็จแล้ว”
“ทางด้านจิตใจ ผมว่าการปั่นจักรยานนับเป็นส่วนที่ยากที่สุดในภารทำภารกิจไตรกีฬานี้ แต่หากพิจารณาจากทางด้านร่างกาย ต้องยกให้การปีนเทือกเขาเอฟเวอเรสต์ แต่ขอบอกว่าผมสนุกกับการพายเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมากเลย”
“ผมต้องผลักดันตัวเองทุกวัน คุณจะได้ใช้ชีวิตจริงๆเมื่อคุณมาอยู่นอกคอมฟอร์ทโซน แน่นอน ผมไม่มีทางเสร็จสิ้นภารกิจนี้ได้หากไม่ได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆและครอบครัวของผม”
เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา (2013) เคชเชล์เริ่มต้นปฏิบัติการภารกิจเที่ยวสุดท้ายที่เขาซึ่งถูกเรียกว่า “ไตรกีฬาเที่ยวสุดท้าย” (‘The Ultimate Triathlon’) เมื่อเจ้าตัวเดินทางออกจากกรีนวิชเพื่อทำการปั่นจักรยานรอบโลก
“ผมผลักดันตัวเองทุกวัน มันยากนะที่จะปั่นจักรยานเป็นอย่างแรกในตอนเช้า ผมรู้ว่าผมต้องปั่นให้ได้ 100 ไมล์ก่อนที่จะไปพักในทุกสภาพภูมิอากาศ” เจ้าตัวกล่าว
“แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีช่วงของความรู้สึกกลัวเลยนะ ตอนอยู่ที่อินเดีย บรรดายามที่มีอาวุธต่างพากันขับไล่ผมเพราะผมบังเอิญไปตั้งแคมป์นอนในที่ที่ไม่สมควร”
“และในไม่กี่วันต่อมาตุ๊กตุ๊กก็ดันมาชนจักรยานผมซะงั้น แต่โชคดีที่ผมไม่เป็นอะไรและจักรยานก็ยังซ่อมได้ นั่นเป็นการผจญภัยของจริงมาก”
ช่วงเดินที่ใช้เวลานานที่สุดของทริปนี้คือ การปั่นจักรยาน 262 ไมล์ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์มาสิงค์โปรซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจหลังใช้เวลาปั่นจักรยานนานต่อเนื่องถึง 20 ชั่วโมงด้วยกัน
แน่นอนว่า เจ้าตัวยืนกรานว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดนั้นได้เป็นการพยายามทำลายสถิติของการเดินทางที่รวดเร็วที่สุดแต่ประการใด แม้เขาจะสามารถเสร็จสิ้นภารกิจพายเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยใช้เวลาเพียง 110 วัน หรือปีนเทือกเขาเอฟเวอร์เรสต์โดยใช้เวลาเพียง 6 สัปดาห์ก็ตาม
“หลังประสบอุบัติเหตุ แพทย์หลายคนก็แทบสิ้นหวัง แต่ผมไม่ได้เป็นหนึ่งในพวกที่จะยอมให้คนอื่นมากำหนดชีวิตตัวเอง ผมเลยตัดสินใจทำสิ่งท้าทายที่ยากเย็นที่สุดและบ้าที่สุดเท่าที่พอจะนึกได้” เจ้าตัวกล่าว
“ผมสามารถนั่งคร่ำครวญให้กับชีวิตอันน่าเศร้าของตัวเอง หรืออีกวิธีคือลงมือทำในสิ่งที่เกี่ยวกับมัน และผมก็คิดว่าผมทำถูกแล้ว”
เมื่อพูดถึงอุบัติเหตุในปี 2007 เคชเชล์ก็กล่าวว่า “ผมถูกเหวี่ยงจากรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นเหตุให้ผมมือ,ขาและข้อเท้าของผมหัก”
“ข้อเท้าผมได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด มันทั้งเคลื่อนที่และแตกออกเป็น 15 ชิ้น หมอหลายคนบอกผมว่าผมไม่น่าจะได้กลับไปเดินได้เหมือนเก่าอีก มันคือการฟื้นตัวที่ยาวนานและเจ็บปวด แต่คุ้มค่านะ”
“พัฒนาการในตอนแรกเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ยิ่งผมออกกำลังกายมากเท่าไหร่ ข้อเท้าผมยิ่งกลับมาแข็งแกร่งและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นเท่านั้น”
ในการได้รับเลือกให้เป็นทูตลูกเสือ เคชเชล์จะเดินทางไปทั่วประเทศในการร่วมพูดคุยกับบรรดาลูกเสือและเด็กนักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่มีค่าของเขานี้ด้วยเช่นกัน
ในปีต่อไป นักผจญภัยผู้กล้าหาญรายนี้วางแผนที่จะพายเรือข้ามมหาสมุทรอินเดียกับเพื่อนคนหนึ่งผู้เป็นโรคลมชักเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าคนที่ไม่สมบูรณ์ก็มีสิทธิสนุกกับชีวิตได้
ขณะนี้เจ้าตัวก็กำลังช่วยเรี่ยไรเงินบริจาคให้กับมูลนิธิ ELIFAR Foundation องค์กรการกุศลที่จะเข้ามาช่วยบรรดาเด็กและผู้ใหญ่ผู้พิการให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
เรียบเรียงจาก : http://www.dailymail.co.uk/
text by wanwiss : paul_rain@hotmail.com
http://www.slowlylife.net