เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
ข่าวน้องต๊อก เสียชีวิต ล่าสุด พยานเผยคนร้ายบีบคอ เอาไม้ตี ด้านเหยื่อยกมือไหว้ขอชีวิตยังไม่หยุด บอกตอนแรกไม่กล้ามาเป็นพยาน เพราะถูกขู่ฆ่า ขณะที่ ปวีณา พร้อมพ่อแม่น้องต๊อก เข้าหารือ ร้องขอความเป็นธรรมและคุ้มครองพยานด้วย
วันนี้ (21 เมษายน 2557) นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้นำ นางกัลยา เกตุนาวา อายุ 32 ปี และนายบุญศักดิ์ ธรรมานุพัฒน์ อายุ 37 ปี มารดาและบิดาของน้องต๊อก เด็กชายศุภชัย ธรรมนุพัฒน์ ลูกชายวัย 13 ปี เข้าพบ นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมในด้านคดีพร้อมเร่งออกหมายจับติดตามตัวคนร้าย หลังน้องต๊อกถูกฆ่าและจับโยนน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นางกัลยา มารดา เล่าว่า ระหว่างงานศพคืนสุดท้าย มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความเสียใจจำนวนมาก แต่จู่ ๆ โลงศพของน้องต๊อกก็เกิดสั่นและตกลงมาจากแท่นวาง ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานต่างพากันตกอกตกใจ ส่วนบางคนพูดว่าในวันเกิดเหตุเห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างบ่อน้ำและได้ยินเสียงร้องจากบริเวณนั้น ขณะที่เพื่อนน้องต๊อกก็วิ่งออกมาให้ช่วยคนที่จมน้ำในบ่อด้วยท่าทางตกใจและเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง จากนั้นด้านชาวบ้านและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ก็ได้ช่วยกันงมหาและก็พบร่างไร้วิญญาณของน้องต๊อก
นางกัลยา กล่าวต่อว่า ต่อมาพยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ได้เดินทางมาหาตน มาเล่าทุกอย่างให้ตนฟัง โดยบอกว่า น้องต๊อกถูกทำร้ายร่างกาย โดยถูกบีบคอจนตัวยกสูงขึ้น ด้านน้องต๊อกก็พยายามยกมือไหว้ขอร้อง แต่ก็ยังไม่หยุด บีบคอน้องต๊อกต่อ จากนั้นคนร้ายก็ปล่อยตัวน้องต๊อกให้กระแทกกับพื้น ทั้งยังเอาไม้ตีที่ลำตัวอย่างแรง ก่อนที่จะจับตัวน้องต๊อกโยนลงน้ำส่วนตอนแรกที่ไม่กล้าพูดเพราะว่าถูกขู่ฆ่าเอาไว้ แต่คิดว่าน้องต๊อกคงต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม จึงตัดสินใจที่รวมตัวกันพูดความจริง
นอกจากนี้ นางกัลยา ยังขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวผู้กระทำผิดที่ทำร้ายบุตรชายมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนผู้ต้องสงสัยคือ พี่ชายของเด็กผู้หญิงที่ชอบพอกับน้องต๊อก ส่วนตนนั้นได้เปิดเฟซบุ๊กของน้องต๊อกดูก็พบว่า มีข้อความถูกขู่ฆ่าด้วย จึงได้พยายามหาหลักฐานและพยานบุคคลมาให้ตำรวจ แต่ขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจเดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อนางปวีณาว่าการเสียชีวิตของบุตรชายมีเงื่อนงำ พร้อมทั้งขอให้มีการคุ้มครองผู้เสียหายและพยาน เนื่องจากมีโทรศัพท์มาข่มขู่และมีรถจักรยานยนต์วิ่งผ่านมาแถวหน้าบ้านและวนอยู่หลายรอบ จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
อย่างไรก็ดี นางปวีณา ได้เดินทางมาหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครองพยานด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า จะเร่งสรุปคดีและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน