ภาพถ่ายจากยานสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร มาร์ส โรเวอร์ คิวริออสซิตี ก่อให้เกิดความฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งแล้ว หลังจาก ภาพถ่ายขาวดำซึ่งองค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกาเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกมาเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้
ภาพดังกล่าวนั้น ถ่ายโดยกล้องถ่ายภาพด้านขวาของคิวริออสซิตี ระหว่างวันที่ 2 และ 3 เมษายน กลายเป็นที่สนใจขึ้นมาเป็นเพราะมีผู้สังเกตุว่า มี "แสงปริศนา" สะท้อนวาบออกมาให้เห็นได้ชัดเจนบริเวณยอดเนินเตี้ยๆด้านซ้ายของภาพ แน่นอนกลุ่มที่สังเกตุพบความผิดปกติที่ว่านี้เป็นกลุ่มผู้ที่ให้ความสนใจใน ปรากฏการณ์ยูเอฟโอ หรือจานบินที่ไม่สามารถระบุสัญชาติได้ ที่รีบสรุปในทันทีว่า นี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตที่มีความก้าวหน้าอยู่บนดาว อังคาร (ซึ่งสนับสนุนทฤษฎีของพวกตนที่ว่า ยูเอฟโอ คือยานอวกาศจากต่างดาวที่เดินทางมาเยือนโลก)
สก็อตต์ วอร์ริง สาวกยูเอฟโอรายหนึ่งเขียนถึงแสงที่ว่านี้ไว้ในเว็บไซต์ "ยูเอฟโอไซท์ติ้ง เดลี่" ระบุว่า การที่ปรากฎแสงซึ่งไม่น่าจะมาจากธรรมชาติ ในภาพถ่ายของนาซา ส่องจากผิวพื้นดาวอังคารขึ้นสู่ด้านบนนั้น "อาจแสดงให้เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอยู่ใต้พื้นผิวของดาวอังคาร ที่สามารถคิดค้นแสงมาใช้ได้เหมือนมนุษย์เรา"
แต่นักวิทยาศาสตร์ของนาซา ไม่ได้คิดอะไรมหัศจรรย์พันลึกอะไรเช่นนั้น นายจัสติน มาคี หัวหน้าทีมวิศวกรประจำทีมกล้องถ่ายภาพของยานคิวริออสซิตี บอกว่าแสงที่เห็นวาบขึ้นมาในภาพถ่ายของนาซาที่ว่านั้น สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ธรรมดาๆนี่เอง
จัสติน มาคี บอกว่า ความเป็นไปได้ประการแรกสุดก็คือ นั่นเป็นปรากฏการณ์สะท้อนแสง จากแสงของดวงอาทิตย์เมื่อตกกระทบกับผิวของก้อนหินส่วนที่เป็นมันวาว โดยตั้งข้อสังเกตุว่า แสงนี้จะเกิดขึ้นเมื่อภาพถ่ายถูกถ่ายในจังหวะที่เหมาะสมในแต่ละวัน(ของดาว อังคาร) คือเมื่อดวงอาทิตย์อยู่ในแนวทิศทาง ตะวันตกกับตะวันตกเฉียงเหนือกับยานสำรวจ และดวงอาทิตย์ลอยอยู่ค่อนข้างต่ำบนท้องฟ้า
นอกจากนั้น ยังเป็นไปได้เหมือนกันที่ว่า แสงวาบหรือจุดสว่างบนภาพถ่ายที่ว่านั้นเกิดจากการที่แสงสามารถลอดผ่านรู ระบายอากาศในตัวกล้องถ่ายภาพเข้าไปสู่ ซีซีดี ที่เป็นเซนเซอร์รับแสงของกล้องได้โดยตรง เป็นเหตุให้เกิดจุดสว่างบนภาพ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วบ่อยๆทั้งกับกล้องถ่ายภาพของคิวริออสซิตี และของยานสำรวจพื้นผิวดาวอังคารอื่นๆ ที่ส่งกลับมายังโลก แต่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ แสงก็จะต้องทำมุมให้ตรงกับรูระบายและซีซีดีในจังหวะที่เหมาะเจาะพอดีเช่นกัน
จัสติน มาคี บอกว่า ทีมวิศวกรของนาซา เชื่อว่า ทั้งสองแนวทางนี้เป็นสาเหตุที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด แต่ยังมีสาเหตุเป็นไปได้อื่นอีก อาทิ เกิดจากรังสีคอสมิคที่มีความเร็วสูงส่งผลกระทบต่อกล้อง ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร ปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนแสงปริศนาที่ว่านี้ เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก
"ในบรรดาภาพถ่ายหลายพันภาพที่เราได้รับจากคิวริออสซิตี เราพบจุดที่เกิดแสงสว่างอย่างนี้เสมอแทบทุกสัปดาห์" วิศวกรของนาซาระบุ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อวิศวกรนาซาตรวจสอบภาพถ่ายของพื้นที่เดียวกัน จากกล้องถ่ายภาพอีกด้านของคิวริออสซิตี้ คือกล้องด้านซ้ายในช่วงเวลาเดียวกันคือระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน ไม่พบว่ามีแสงวาบที่ว่านั้นในจุดเดียวกันแต่อย่างใด