อุบัติเหตุเรือเฟอร์รี่ Sewol เซวอล ของเกาหลีใต้อับปางในทะเลทางใต้ของประเทศเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางข้อสงสัยมากมายว่า ทำไมผู้โดยสารบนเรือจึงถูกสั่งให้ไปรวมตัวกันภายในห้องทั้งที่เรือกำลังจะจม
โดยเจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้และต่างประเทศได้ตั้งทฤษฎีต่างๆ เอาไว้หลายอย่างเป็นสมมติฐาน เพื่อไขปริศนาในเรื่องสาเหตุการอับปางของเรือลำนี้
ทฤษฎีที่ถูกพูดถึงมากก็คือ เรืออาจชนกับอะไรบางอย่างใต้ทะเล โดยสังเกตจากความเร็วที่เรือเริ่มเอียงจนกระทั่งตะแคงและพลิกกลับ ทำให้เชื่อว่าเรือได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
และเป็นไปได้มากว่า เกิดน้ำท่วมภายในเรือทำให้เรือขนาดยาว 500 ม. ลำนี้พลิกตะแคงข้างอย่างรวดเร็ว และจมลงเกือบมิดลำในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง ซึ่งผู้รอดชีวิตบางคนระบุด้วยว่า พวกเขาได้ยินเสียงดังสนั่น ก่อนที่เรือจะเริ่มจม
นางแมรี สคีอาโว อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนของกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าทฤษฎีนี้เป็นไปได้ เนื่องจากเรือเฟอร์รี่ลำนี้ เดินทางออกจากกรุงโซลท่ามกลางสายหมอก ซึ่งอาจทำให้เรือออกนอกเส้นทางและเป็นสาเหตุทำให้มันชนเข้ากับอะไรบางอย่าง
แต่เธอยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่เครื่องยนต์ในห้องเครื่องอาจเกิดขัดข้องหรือระเบิด แต่ถึงอย่างนั้น สาเหตุนี้อย่างเดียวไม่ทำให้เรือจมลงอย่างรวดเร็ว จึงอาจมีสาเหตุอื่นร่วมด้วย
ส่วนทฤษฎีล่าสุด จากผู้เชี่ยวชาญของหน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้ ระบุว่า การไหลเทของสินค้าภายในเรืออาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เรือลำนี้อับปาง โดยเรือเซวอล บรรทุกรถยนต์ถึง 180 คัน และสินค้าอื่นๆ รวมถึงตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวมกว่า 1,157 ตัน
และหากเรือลำนี้มีการเปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหัน สินค้าในเรือก็อาจไหลเทรวมไปด้านหนึ่ง ส่งผลให้เรือเอียงอย่างมาก และที่จุดเกิดเหตุ เป็นน่านน้ำห่างจากเกาะบยองพุงไปทางเหนือราว 20 กม. ซึ่งเป็นจุดที่เรือมักเปลี่ยนเส้นทาง
หน่วยยามฝั่งยังเชื่อว่า เสียงดังที่ผู้รอดชีวิตได้ยินก่อนเรือเริ่มจม อาจเป็นเสียงของตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ไหลไปชนกับกำแพงของตัวเรือ และอาจส่งผลให้เครื่องยนต์ดับด้วย เนื่องจากผู้รอดชีวิตบางรายเผยว่า เรือหยุดนิ่งเป็นเวลากว่าชั่วโมงก่อนมีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อเวลา 08:58 น. ตามเวลาท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ ยุน จอง-ฮี จากมหาวิทยาลัยมหาสมุทรและการเดินเรือ และเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมสืบสวนของรัฐบาลในคดีนี้ โต้แย้งว่าทฤษฎีของหน่วยยามฝั่งเป็นการด่วนสรุปเกินไป
เนื่องจากเรือเฟอร์รี่ลำนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเลี้ยวได้ภายในขีดความสามารถของมัน และเรือลำนี้จมลงภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 20 นาที หลังจากมันหยุดนิ่ง ซึ่งหากเป็นการจมโดยที่เรือไม่มีรูโหว่ ต้องใช้เวลามากกว่านี้
ศ.ยุน ระบุด้วยว่า สิ่งสำคัญลำดับแรกตอนนี้คือ การค้นหาผู้รอดชีวิต ตามด้วยการหาว่ามีรูที่ตัวเรือหรือไม่ แต่เนื่องจากน้ำทะเลในจุดเกิดเหตุขุ่นมาก จึงอาจต้องใช้เวลาเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง หรืออาจต้องรอให้สามารถกู้เรือขึ้นมาได้เสียก่อน
ที่มา: ไทยรัฐ