10 อันดับเหตุการณ์เรืออัปปางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ตอนที่ 2.

 

 

 

10 อันดับเหตุการณ์เรืออัปปางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์

ตอนที่ 2. (อันดับที่ 5 - 1)

 

ผมจะขอรวบรวมเหตุการณ์ เรืออับปาง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยบางเหตุการณ์พวกคุณอาจจะไม่รู้จักเลยก็ได้ มาเริ่มกันเลยครับ

 

5. U.S.S. Maine


เรือ U.S.S. Maine เป็นเรือรบของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ใช้งานในสงครามต่างๆของอเมริกา เรือลำนี้เป็นเรือที่เกิดการอับปางลง ในวันที่ 15 กุมพาพันธ์ ค.ศ. 1898 (พ.ศ. 2441) ด้วยสาเหตุการระเบิดในส่วนล่างของเรือ

การอับปาง เกิดขึ้นในช่วง กบฏคิวบา เรือได้ขนส่งทหารอเมริกัน เพื่อที่จะคุ้มกันคนอเมริกันในคิวบา แต่ระหว่างทางเรือได้ระเบิดขึ้นตรงส่วนล่างของเรือทำให้ลูกเรือต้องเสียชีวิตทันที 260 คน ซึ่งในภายหลังก็ได้มีการเปิดเผยของทีมงานสอบสวนว่าการระเบิดเกิดจากดินปืน ของปืนใหญ่จำนวนห้าตัน หลังจากการระเบิด เจ้าหน้าที่สเปนและเรือ City of Washington ก็ได้เดินทางมาช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ซึ่งตอนนั้นก็ได้มีการสงสัยกันว่าจะเป็นการก่อวินาศกรรม 

ซึ่งหลังการสอบสวนโดยหน่วยสอบสวนอเมริกัน ได้สรุปว่าสาเหตุที่เรือระเบิดนั้นมาจากทุ่นระเบิดใต้ทะเล และผู้คนจำนวนมากสงสัยว่าน่าจะเป็นการกระทำของสเปน โดยซากเรือทั้งหมดได้ซ่อมแซมและนำมาเก็บไว้ที่ Havana Harbor และได้จัดการโดยการทำลายเรือ และทำให้อับปางลง ที่นอกชายฝั่งของคิวบา และซากเรือ ก็ได้ถูกค้นพบอีกครั้ง เมื่อปี 2000 (พ.ศ. 2543) ที่ รัฐฟลอริดา


เรือ U.S.S. Maine กำลังอับปาง


ซากเรือ U.S.S. Maine หลังกู้ขึ้นมาจากน้ำ

 

4. German battleship Bismarck


เรือ Bismarck เป็นเรือรบประจัญบานของเยอรมนี และหนึ่งในเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง Bismarck เป็นเรือลำแรกในเรือประจัญบานชั้นบิสมาร์ค ซึ่งตั้งตามชื่อนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ออตโต ฟอน บิสมาร์ค Bismarck มีระวางขับน้ำเต็มที่ถึง 50,000 ตัน และเป็นเรือประจัญบานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เข้าประจำการในสมัยนั้น Bismarck ได้ปฏิบัติการเพียงครั้งเดียวตลอดอายุการใช้งานอันสั้นของเรีอลำนี้ เรือลำนี้อับปางลงในวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2494) หลังเครื่องบินปีกสองชั้นของกองทัพเรืออังกฤษได้ยิงตอร์ปิโดถล่มเรือและทำให้หางเสือเรือขัดข้อง และการโจมตีเรือรบหนักของอังกฤษ

การอับปางของเรือลำนี้เกิดขึ้นหลังการปฏิบัติการไรนือบุง นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร วินสตัน เชอร์ชิลล์ ออกคำสั่ง "จมเรือบิสมาร์ค" ซึ่งกระตุ้นให้กองทัพเรืออังกฤษติดตามเรือบิสมาร์คไปอย่างไม่ลดละ และในระหว่างที่เรือกำลังกลับจากปฏิบัติการนี้ เวลา 09:02 am เครื่องบินรบอังกฤษได้ระดมยิงตอร์ปิโดจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่เรือเสียชีวิตกันมากมาย และหางเสือเรือทรงตัวไม่ได้ และเรือรบ 4 ลำของอังกฤษ ได้ยิงปืนใหญ่ถล่มเรือ Bismarck จนเรือเสียหายอย่างรุนแรง และในที่สุดเวลา 10:20 am เรือก็อับปางลง พร้อมชีวิตของเจ้าหน้าที่เรือ 2,200 ชีวิต มีเพียง 114 ชีวิตเท่านั้นที่รอดมาได้

หลังเหตุการณ์นี้ ได้เกิดสิ่งต่างๆตามมามากมาย เช่น หนังสือ Last Nine Days of the Bismarck ของ C. S. Forester หนังเรื่อง  Sink the Bismarck! เพลง Sink the Bismarck. ขับร้องโดย Johnny Horton ซึ่งทั้งสามอย่างนี้เกิดขึ้นในปีเดียวกันกับการอับปางของเรือ ซากเรือ  Bismarck ได้ค้นพบในปี 2001 (พ.ศ. 2544)


เรือ Bismarck ถูกถล่มโดยเรือรบจากอังกฤษ


เรือ Bismarck กำลังอับปาง


ซากเรือ Bismarck ในปัจจุบัน



3. R.M.S. Lusitania


เรือ R.M.S. Lusitania เป็นเรือสำราญของบริษัท Cunard Line เป็นเรือประเทศ สหราชอาณาจักร เป็นเรือคู่แฝดกับ R.M.S. Mauretania ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าลูซิเทเนียถึง 400 ตัน ซึ่งครั้งหนึ่งเรือคู่นี้เคยเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเรือที่เร็วที่สุดในโลก เรือลำนี้อับปางลง ในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1915  (พ.ศ. 2458) หลังโดน เรือดำน้ำเยอรมันยิงตอร์ปิโดเข้าใส่จนเรืออับปาง โดยเที่ยวเรือสุดท้ายของเรือลำนี้ เป็นเที่ยวขนส่งผู้โดยสารกับลูกเรือ 1,959 คน จากเมืองเซาแทมป์ตัน ไปยัง นครนิวยอร์ก ซึ่งก่อนหน้าที่เรือจะออกเดินทาง วันที่ 22 เมษายน เยอรมนีได้ส่งคำเตือนมายังข้อความโฆษณาของ Lusitania รวมทั้งสร้างความกังวลต่อผู้โดยสารและลูกเรือเป็นอย่างยิ่ง

ระหว่างการออกเดินทางของเรือลำนี้เวลาประมาณ 14:10 น. เรือดำน้ำ U-20 ของประเทศเยอรมนี ได้พบเรือ Lusitania และเห็นว่าเป็นเรือคู่สงครามจึงได้สั่งให้ยิงตอร์ปิโด 1 ลูกเข้าใส่เรือ

เกร็ดความรู้ : มีคนเล่าว่าเจ้าหน้าที่ในเรือดำน้ำคนชาวเยอรมันหนึ่ง ไม่เห็นด้วยต่อการยิงตอร์ปิโด ใส่เรือ Lusitania เพราะเรือลำนี้เป็นเพียงเรือสำราญที่มีผู้หญิงกับเด็กๆ อยู่มาก

ตอร์ปิโดที่ฝ่ายเยอรมันยิงมานั้นได้เข้าถล่มเรือ Lusitania อย่างรุนแรง และเรือก็อับปางลงอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารทั้งหมดรีบลงเรือบดเพื่อเอาตัวรอดแต่เนื่องจากการอับปางของเรือลำนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ผู้โดยสารทุกคนไม่ทันตั้งตัวและขาดสติทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากอัดเข้าไปอยู่ในเรือบดจนเรือบดแตกออกมาทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บในท้องทะเล และส่งผลผู้โดยสารจมน้ำ เพราะหมดแรงว่ายและไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ เรือ  Lusitania อับปางลงสู่ก้นทะเลในทะเลเคลติก ในเวลาเพียง 18 นาทีเท่านั้น มีผู้เสียชีวิต 1,198 คน รอดชีวิต 761 คน

หลังเหตุการณ์อับปางอังกฤษ ตัดสินใจที่จะเอาเรื่องกับเยอรมนี ที่กระทำการนี้ ทำให้เยอรมนีสัญญาว่าจะไม่โจมตีเส้นทางของเรือพาณิชย์อีก ขณะที่อังกฤษได้ติดอาวุธให้กับเรือพาณิชย์ของตน ในที่สุดแล้ว ต้นปี 1917 เยอรมนีได้กักนโยบายกลยุทธ์เรือดำน้ำแบบไม่จำกัด เนื่องจากกลัวว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่สงคราม ด้านเยอรมนีพยายามที่ค้นหาเส้นทางการเดินเรือของฝ่ายพันธมิตรก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะขนส่งกองทัพขนาดใหญ่ข้ามทะเลมาได้ สำหรับซากเรือ Lusitania ได้ค้นพบในปี 1982 (พ.ศ. 2526) ณ บริเวณเดียวกันกับที่เรืออับปาง


โฆษณา การเดินเรือ Lusitania ด้านล่างเป็นคำเตือนจากเยอรมนี

แปล : คำเตือน!
นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะเดินเรือในแถบมหาสมุทรแอตแลนติก โปรดทราบว่า ขณะนี้สงครามระหว่างฝ่ายเยอรมันและพันธมิตรกับฝ่ายอังกฤษและพันธมิตรกำลังอยู่ในภาวะตึงเครียด บริเวณน่านน้ำที่ได้รับผลกระทบรวมไปถึงหมู่เกาะในการปกครองของอังกฤษด้วย ซึ่งทางรัฐบาลเยอรมันได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เรือลำใดก็ตามที่ติดธงอังกฤษหรือธงชาติพันธมิตรใด ๆ จะถูกโจมตีจากกองทัพเยอรมัน ดังนั้นนักท่องเที่ยวท่านใดที่ประสงค์จะเดินทางโดยเรือเหล่านี้ สามารถทำได้โดยรับความเสี่ยงเอาเอง
สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี,
กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. 22 เมษายน ค.ศ. 1915



เรือ Lusitania ถูกตอร์ปิโดของเยอรมนี ถล่มเรือ


เรือ Lusitania กำลังอับปาง


ซากเรือ Lusitania ในปัจจุบัน


การอับปางของ เรือ Lusitania



2. U.S.S. Arizona


เรือ U.S.S. Arizona เป็นเรือรบของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ใช้งานในสงครามโลกครั้งที่ 1 เรือลำนี้เป็นเรือที่เกิดการอับปางลง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2494) หลังโดนโจมตีอย่างหนักจากกองทัพญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังเรือได้ใช้งานมากว่า 38 ปี

การอับปางเกิดขึ้นขณะเรือลำนี้ กำลังออกเดินทางเพื่อเตรียมประจำการซ่อมแซมเรือ Vestal และระหว่างทางในวันที่ 7 ธันวาคม เวลาก่อน 08:00 am เครื่องบินรบ 6 ลำจากญี่ปุ่นในยิงตอร์ปิโดจำนวนมากมายมหาศาล ถล่มเรือจนเสียหายแทบทั้งลำ และเรือก็ค่อยๆอับปาง เจ้าหน้าที่ทั้งหมดตกใจและเอาตัวรอดไม่ทัน เพราะการโจมตีนี้เป็นการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว และในที่สุดเรือก็ระเบิดทั้งลำระหว่างเรืออับปาง ณ อ่าว Pearl Harbor ในเวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้น มีผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่และลูกเรือทั้งหมด 1,177 นาย รอดชีวิตเพียง 335 คนเท่านั้น

เหตุการณ์นี้ เป็นหนึ่งใน ยุทธการโจมตีที่ Pearl Harbor ที่ญี่ปุ่น กับ อเมริกา เป็นคู่ต่อสู้ และ เรือ U.S.S. Arizona เป็นหนึ่งใน เรือรบกว่า 19 ลำที่ถูกจมในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เพราะไมได้มีการเตรียมตัวมาก่อน สำหรับซากเรือที่ว่าไม่มีเลย เพราะเรือระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ จากการโจมตีของญี่ปุ่น


เรือ U.S.S. Arizona กำลังอับปาง


เรือ U.S.S. Arizona ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ


คลิปวิดีโอเรือ U.S.S. Arizona ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ (คลิกที่ภาพเพื่อดูวีดีโอ)

 

1. R.M.S. Titanic


เรือ R.M.S. Titanic ถ้าพูดถึงเรือลำนี้ทุกคน คงนึกถึงตำนานของเรือลำนี้ ทั้งความเศร้า ความรัก และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่โลกไม่ลืม เรือลำนี้เป็นเรือสำราญของบริษัท White Star Line เป็นเรือของสหราชอาณาจักร เรือลำนี้เป็นเรือที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่างๆของการเดินเรือทั่วโลก เพราะเรือลำนี้มีได้รับการออกแบบให้มีความสะดวกสบายและความหรูหราที่สุด โดยบนเรือมียิมเนเซียม สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ภัตตาคารชั้นสูงและห้องจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีโทรเลขไร้สายทรงพลังซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร เช่นเดียวกับการใช้เชิงปฏิบัติการ มีคุณลักษณะความปลอดภัยที่ก้าวหน้า เช่น ห้องกันน้ำและประตูกันน้ำที่ทำงานด้วยรีโมต ความเร็วของเครื่องยนต์สูงสุดที่อยู่ที่ 21 นอต สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 3,547 คน เป็นเรือที่มีฉายาอันโดดเด่นว่า "เรือที่ไม่มีวันจม" และเรือลำนี้ยังเป็นเรือลำแรกที่ใช้สัญญาณ SOS ขอความช่วยเหลืออีกด้วย

แต่ถึงกระนั้นเรือลำนี้ ยังมีความบกพร่องด้านความปลอดภัยหลายประการ ทั้งขาดเรือชูชีพที่เพียงพอสำหรับบรรทุกผู้โดยสารทุกคนบนเรือ เนื่องจากระเบียบความปลอดภัยในทะเลที่ล้าสมัย จึงมีเรือชูชีพเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 1,178 คนเท่านั้น เกินครึ่งของผู้ที่เดินทางไปกับเรือในเที่ยวแรกเล็กน้อย และหนึ่งในสามของความจุผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดเท่านั้น

เริอลำนี้ออกเดินทางครั้งแรก และครั้งเดียว ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) โดยระหว่างการออกเดินทางได้มีการส่งคำเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็งเป็นจำนวนมาก และ เรือลำนี้ก็อับปางลง ในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) หลังชนกับภูเขาน้ำแข็ง โดยเวลาอับปางนั้นอยู่ที่ 2 ชั่วโมง 20 นาที

การอับปางเกิดขึ้นในเวลา 23:39 น. ของวันที่ 14 เมษายน เจ้าหน้าที่เสากระโดงเรือได้แจ้งว่า มีภูเขาน้ำแข็งอยู่ข้างหน้า ลูกเรือพยายามหักขวาและถอยหลังอย่างเต็มที่ แต่ด้วยความใกล้จนเกินไป และความไม่สมดุลของหางเสือเรือจึงชนกับภูเขาน้ำแข็ง ในเวลา 23:40 ที่ 41 องศา 46 ลิปดาเหนือ 50 องศา 14 ลิปดาตะวันตก สร้างความเสียหายทางกราบขวาของเรือซึ่งเป็นจุดอ่อนทนรอยแตกได้ไม่ทนทานเท่าจุดอื่น ๆ น้ำได้ทะลักเข้าห้องเครื่องส่วนหัว 5 ห้องเครื่องแรก น้ำท่วมห้องเครื่องทั้งห้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ วิศวกรเรือได้รายงานว่าน้ำจะทะลักเข้าเรือเรื่อยๆและจะอับปางอย่างช่วยไม่ได้

หลังกัปตันได้ทราบถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น จงสั่งให้ปล่อยเรือบดทั้งหมด โดยใช้กฎ "ผู้โดยสารชั้นหนึ่งลงก่อน และต้องให้ผู้หญิงกับเด็กๆลงก่อนเท่านั้น" ซึ่งเจ้าหน้าที่วิทยุของเรือ ได้ส่ง SOS ไปยังเรือต่างๆ ซึ่งเรือที่ตอบกลับมามีเพียงลำเดียวคือเรือ R.M.S. Carpathia ซึ่งจะมาถึงใน 4 ชั่วโมง การปล่อยเรือบดเป็นไปอย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้โดยสารบางส่วนเร่งรีบและเกิดความชุลมุนตลอดเวลา และด้วยความไม่รู้ของลูกเรือว่าเรือบดจุผู้คนได้เท่าไร จึงปล่อยเรือบดออกทั้งที่ยังใส่คนไม่เต็มที่ ทำให้แทนที่เรือสำรองจะช่วยชีวิตได้ 1,178 คนตามที่ถูกออกแบบ กลับรับผู้โดยสารมาเพียง 712 คนเท่านั้น

เวลาผ่านไปความเสียสละของผู้คนก็เยอะยิ่งขึ้น ทั้งกัปตันที่ยามตายในหน้าที่ หัวหน้าวิศวกรที่ยอมสละชีวิตไปพร้อมกับเรือลำนี้ และวงดนตรีของเรือที่เล่นดนตรีไปจนถึงวินาทีสุดท้าย เวลาผ่านไปกระทั่งเวลา 01:45 am น้ำเริ่มเข้าท่วมบริเวณระเบียงด้านหัวเรือ ในขณะนี้ ชั้น A ด้านหัวเรือ เหลือความสูงจากผิวน้ำ 3 เมตร ไม่นานน้ำเริ่มไหลเข้าท่วมดาดฟ้าเรือบริเวณส่วนหัว ท่วมห้องบังคับการเรือ และเริ่มเข้าท่วมลึกเข้าไป ไม่นานปล่องควันปล่องที่ 1 ก็หักโค่นเพราะแรงดันน้ำที่อัดฐานปล่องควัน จึงเปิดทางให้น้ำทะลักเข้าไปในตัวเรือส่งผลให้เรือเริ่มยกตัวสูงขึ้นและเริ่มเอียงไปทางซ้ายมากขึ้น เรืออับปางอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารบางส่วนกระโดดออกจากเรือเพื่อเอาชีวิตรอดและหวังจะว่ายไปที่เรือบด แต่น้ำทะเลในตอนนั้นอุณหภูมิแทบติดลบ ทำให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะแข็งตายซะก่อน

และในที่สุดเรือก็ขาดออกจากกันเป็นสองท่อน และเรือก็อับปางลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ในเวลา 02:20 am 2 ชั่วโมง 20 นาที หลังเรือชนกลับภูเขาน้ำแข็ง ผู้โดยสารก็ 1,500 ชีวิต ลงไปลอยคอในน้ำทะเลที่เยือกเย็น และก็เสียชีวิต ด้วยภาวะร่างกายเย็นจัด มีผู้รอดชีวิตจากน้ำทะเลเพียง 11 คน เท่านั้น (ไม่ใช้ 6 คนอย่างที่ในหนัง Titanic บอก) และผู้รอดชีวิตทั้งหมดจากเหตุการณ์นี้มีทั้ง 710 คน ซึ่งเรือ R.M.S. Carpathia ได้มารับผู้รอดชีวิตทั้งหมด

หลังเหตุการณ์นี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมาย ทั้งกฎโทรเลขบนเรือและการเดินเรือ ที่เข้มงวดขึ้น การจัดตั้งอนุสัญญาความปลอดภัยของชีวิตในทะเลระหว่างประเทศ (SOLAS) ใน ค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) ซึ่งยังควบคุมความปลอดภัยในทะเลตราบจนทุกวันนี้ รวมทั้งซากเรือก็ได้ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) และการเป็นมรดกโลกใต้ทะเลอันเป็นมรดกอันทรงคุณค่า และในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ก็ได้มีภาพยนตร์รักอมตะที่กล่าวถึงเรือลำนี้ชื่อ ไททานิค กลายเป็นภาพยนตร์อมตะที่ตราตรึงใจจนถึงปัจจุบัน


แผนที่แสดงถึงบริเวณที่ เรือ Titanic เกิดอุบัติเหตุ


ภูเขาน้ำแข็งที่คาดว่าเรือ Titanic ชน


ภาพวาดเรือ Titanic กำลังอับปาง (วาดโดย Willy Stöwer)


ท้ายเรือ Titanic หงายขึ้นชี้ฟ้า (ภาพจากภาพยนตร์ Titanic)


เรือ Titanic ขาดเป็นสองท่อน (ภาพจากภาพยนตร์ Titanic)


ซากเรือ Titanic ในปัจจุบัน


CGI แสดงการอับปางของ Titanic


เพลง My Heart Will Go On เพลงอมตะแห่งเรือ Titanic

 

เรียบเรียงโดย  http://pantip.com/topic/31924644

Credit: http://www.unigang.com/Article/17926
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...