10 อันดับเหตุการณ์เรืออัปปางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ตอนที่ 1. (อันดับที่ 10 - 6 )
ผมจะขอรวบรวมเหตุการณ์ เรืออับปาง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยบางเหตุการณ์พวกคุณอาจจะไม่รู้จักเลยก็ได้ มาเริ่มกันเลยครับ
10. S.S. Republic
เรือ S.S. Republic เป็นเรือโดยสาร ของเมือง นิวออร์ลีนส์ ในเที่ยวเรือสุดท้ายของเรือลำนี้ เรือลำนี้ได้ขนส่งเหรียญจำนวนมาก (คาดการณ์ว่าประมาณ $400,000 ) อันเป็นที่มาของชื่อเสียงของเรือลำนี้ เรือลำนี้อับปางลง ในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1865 (พ.ศ. 2408) เนื่องจากโดยพายุเฮอริเคนถล่ม นอกชายฝั่งของจอร์เจีย และเรือมีความแข็งแกร่งน้อยเกินไปกว่าที่จะรับพายุเฮอริเคนได้ และก็อับปางลงในที่สุด พร้อมชีวิตของผู้โดยสารกับลูกเรือแทบทั้งหมด และเหรียญที่บรรทุกมา โดยภายหลังที่มีการพบซากเรือในปี 2003 (พ.ศ. 2546) ที่แทมปา ในรัฐฟลอริดา โดยมีการค้นพบเหรียญจำนวนมากที่หายไป รวมมูลค่าในปัจจุบันได้ถึง 75 ล้านเหรียญ ดอลล่าร์ โดยเหรียญทั้งหมดได้นำขึ้นจากท้องทะเล และนำไปเก็บไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วอเมริกา
9. S.S. Edmund Fitzgerald
เรือ S.S. Edmund Fitzgerald เป็นเรือบรรทุกสินค้าของบริษัท Northwestern Mutual Life Insurance Company เป็นเรือบรรทุกสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ เรือลำนี้อับปางลง ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) เนื่องจากสภาพอากาศอันเลวร้าย และพายุ โดยเที่ยวเรือสุดท้ายของเรือลำนี้ เป็นเที่ยวการขนส่งสินค้า ใน Zug Island ใกล้กับ Detroit, Michigan โดยระหว่างการเดินเรือ มีการพยากรณ์อากาศว่า จะเกิดพายุในเส้นทางขนส่ง และมีคำแนะนำว่า ควรเลี่ยงเส้นทางที่มีพายุ และใช้ทางอ้อม หรือหยุดเที่ยวขนส่งนี้ไปก่อน และลูกเรือทั้งหมดเห็นด้วย ยกเว้นกัปตันที่ไม่ต้องการให้เสียเที่ยวขนส่ง จึงสั่งให้ใช้เส้นทางเดิม และสภาพอากาศก็เลวร้าย ตามคำพยากรณ์อากาศจริงๆ
ในเวลา 2:00 am เรือได้รายงานไปยังภาคพื้นดินว่าเรือกำลังฟันฝ่าพายุอันร้ายแรงและเกินกว่าที่เรือจะรองรับได้ และในเวลา 5:00 - 5:30 am เรือก็ได้ขาดการติดต่อจากวิทยุภาคพื้นดิน และไม่สามารถติดต่อสื่อสารใดๆได้เลย ต่อมาเวลา 7:30 am ได้มีการรายงานข่าวว่าหลังเรือขาดการติดต่อได้ไม่นาน เรือน่าจะอับปางลงกลางพายุแล้ว ถึงแม้จะมีการออกค้นหาแต่ก็ไม่พบเลยแม้แต่ซาก ทำให้ทุกคนมั่นใจว่าเรือได้อับปางลงแล้ว จนกระทั่งวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1975 (ปีเดียวกันกับที่เรืออับปาง) ได้มีการค้นพบซากเรือ ในใต้ทะเล ในบริเวณเดียวกันกับที่เรืออัปปาง
ซึ่งหลังจากเรืออับปางไปไม่นานก็ได้มีซิงเกิลสุดฮิตในช่วงนั้นชื่อว่า "The Wreck of the Edmund Fitzgerald" ขับร้องโดย Gordon Lightfoot และก็เป็นเพลงที่ชื่อเสียงและรู้จักจนถึงปัจจุบัน
8. U.S.S. Monitor
เรือ U.S.S. Monitor เป็นเรือรบเหล็กของอเมริกา เป็นเรือรบเหล็กลำแรกของโลก ซึ่งได้ใช้งานในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา เรือลำนี้มีชื่อเสียงมาจาก การปะทะกันที่ Hampton Roads เรือลำนี้อับปางลงในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1862 (พ.ศ. 2406) การเดินเรือลำนี้เป็นครั้งสุดท้ายคือการไปประจำการที่ Charleston โดยออกเดินทางไปในวันที่ 24 ธันวาคม และหยุดเรือฉลองวันคริสต์มาสในวันที่ 25 ธันวาคม เนื่องจากสภาพอากาศอันเลวร้าย ทำให้เรือออกเดินทางไปอย่างล่าช้า
วันที่ 31 ธันวาคม ได้เกิดพายุรุนแรงและคลื่นถล่มเรือลำนี้จนเกินกว่าที่เรือจะรองรับได้ ลูกเรือและวิศวกรได้คาดการณ์ว่าเรือลำนี้อาจจะอับปางในเร็วๆนี้ เรือได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ มีเรือหลายลำได้เห็นสัญญาณ แต่ไม่สามารถมาช่วยเหลือได้ เพราะสภาพอากาศและคลื่นในทะเล และเรือก็ได้อับปางลงในเวลาไม่นาน โดยลูกเรือจำนวนมากได้สละเรือ ยกเว้นลูกเรือบางส่วนที่ไม่ยอมสละเรือและจบชีวิตไปพร้อมกับเรือลำนั้น
หลังจากเหตุการณ์อับปาง ได้มีการตรวจสอบว่าทำไมเรือถึงทรุดตัว ในกองทัพบกและกองทัพเรือ มีการกล่าวหาลูกเรือที่ทำหน้าที่ป้องกันเรือว่าตั้งใจปล่อยให้เรืออับปาง ต่อมาในปี 1995 (พ.ศ. 2538) ได้มีการค้นพบซากเรือพร้อมกับพบอาวุธสงครามในช่วงนั้นซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านเหรียญดอลล่าร์ เลยทีเดียว และในปี 2002 (พ.ศ. 2546) ได้ทำการกู้ซากเรือ Monitor ขึ้นมาจากท้องทะเล และได้นำซากเรือ Monitor ไปไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ Mariners จนถึงปัจจุบัน
เรือ U.S.S. Monitor กำลังอับปาง
ซากเรือ U.S.S. Monitor ในปัจจุบัน
7. S.S. Andrea Doria
เรือ S.S. Andrea Doria เป็นเรือสำราญของบริษัท Italian Line ประเทศอิตาลี เรือลำนี้อับปางลง ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ.1956 (พ.ศ. 2499) หลังจากเรือชนกับเรือ M.S. Stockholm อย่างหนัก โดยเที่ยวเรือสุดท้ายของเรือลำนี้ เป็นเที่ยวขนส่งผู้โดยสารกับลูกเรือ 1,600 ชีวิต จาก Nantucket รัฐแมนซาซูเซตส์ ไปยัง นครนิวยอร์ก ในวันที่ 17 กรกฎาคม ในระหว่างการออกเดินทาง เรือ M.S. Stockholm เรือชนน้ำแข็งของสวีเดน ได้เข้าใกล้กับเรือ S.S. Andrea Doria และลูกเรือได้ส่งสัญญาณให้เรือลำนั้นเพื่อให้เรือออกห่าง แต่ด้วยสภาพอากาศที่หมอกลงจัด ทำให้เรือ Stockholm ไม่เห็นสัญญาณ
และในที่สุดเรือ Andrea Doria กัย เรือ Stockholm ก็ได้ชนกันอย่างรุนแรง ส่งผลทำให้กราบขวา ของเรือเสียหายหนัก ผู้โดยสารทุกคนต่างแตกตื่นและรีบหนีลงเรือบดอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่วิทยุได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากเรือต่างๆโดยรอบ
"SOS DE ICEH SOS HERE AT 0320 GMT LAT. 40.30 N 69.53 WE NEED IMMEDIATE ASSISTANCE"
ข้อความ SOS ของเรือ S.S. Andrea Doria
เรือหลายลำได้รับข้อความ SOS นี้แต่ไม่มีเรือลำนั้นสามารถมาช่วยเหลือได้เลย แต่โชคก็เข้าข้างเพราะเรือยังทรงตัวได้จนถึงในวันต่อมา เรือ U.S. Air Force ก็ได้รับผู้โดยสารทั้งหมดไปสู่นิวยอร์ก และทิ้งเรือเอาไว้ พร้อมกับกัปตันและลูกเรือบางส่วน เพื่อรอการกู้เรือ แต่เมื่อเรือกู้ภัยมาในเวลา 09:00 am คนบนเรือบอกว่าเรือลำนี้เสียหายมากเกินกว่า จะกู้เรือได้แล้ว จึงได้สั่งให้ปล่อยเรือเอาไว้ และให้กัปตันกับลูกเรือขึ้นเรือกู้ภัย ต่อมาในเวลา 10:04 am เรือก็ได้อับปางลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติก และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 คน ซากเรือ S.S. Andrea Doria ในใต้ท้องมหาสมุทร ได้พบซากเรือลำนี้เมื่อปี 2005 (พ.ศ. 2548) และได้ไปสำรวจเพื่อนำขึ้นมาจากมหาสมุทรในปี 2010 (พ.ศ. 2553) แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะไม่มีใครพบซากเรือเลย
เหตุการณ์อับปางของเรือลำนี้ ได้แสดงถึงความแตกต่างของการอับปางของเรือลำนี้ กับ Titanic โดยสิ้นเชิง เพราะในการอับปางของเรือ Titanic เจ้าหน้าที่วิทยุของเรือต่างๆโดยรอบหลับกันหมด ยกเว้นเรือ Carpathia เท่านั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1,500 กว่าชีวิต แต่ในเหตุการณ์อับปางของเรือ Andrea Doria เจ้าหน้าวิทยุของเรือต่างๆโดยรอบได้ทำหน้าที่อยู่ทำให้เรือหลายลำสามารถเดินทางมาช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ ถึงแม้สภาพอากาศจะเกิดหมอกจัด แต่ก็สามารถเดินทางมาช่วยเหลือได้ (มันน่าจะขึ้นอยู่กับโชคด้วย เพราะเรือลำนี้อับปางหลังชนกับเรือ Stockholm ตั้ง 11 ชั่วโมง) และมีผู้เสียชีวิตเพียง 26 คนเท่านั้น
เรือ S.S. Andrea Doria อับปางลง หลังชนกับเรือ Stockholm
ซากเรือ S.S. Andrea Doria (ภาพถ่ายเมื่อปี 2005)
6. M.V. Wilhelm Gustloff
เรือ M.V. Wilhelm Gustloff เป็นเรือโดยสารของบริษัท Hamburg-South America Line เป็นเรือประเทศ เยอรมนี เรือลำนี้อับปางลง ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1945 หลังโดนเรือดำน้ำ S-13 ของโซเวียต ระดมยิงตอร์ปิโด 4 ลูก ใส่เรือจนเรืออัปปาง พร้อมชีวิตของผู้โดยสารถึง 9,400 คน ซึ่งเป็นเหตุการณ์เรืออัปปางที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยเที่ยวเรือสุดท้ายของเรือลำนี้ เป็นเที่ยวขนส่งผู้โดยสารซึ่งประกอบด้วย ทหารนาซีเยอรมัน โดยเฉพาะทหารประจำเรือดำน้ำ ประมาณพันนาย พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก และผู้อพยพมากมาย หลายพันคน รวมทั้งหมด 10,600 ชีวิต
ระหว่างการออกเดินทางของเรือลำนี้ เวลาประมาณ 21:00 น. เรือดำน้ำ S-13 ได้รับคำสั่งให้ยิงตอร์ปิโดชื่อ "For Stalin" ถล่มเรือ Wilhelm Gustloff เพราะเป็นเรือคู่อริของสงคราม โดยตอร์ปิโดได้เข้าชนห้องเครื่องยนต์ ห้องควบคุมไฟฟ้า และห้องโดยสารใต้เรือ เรือได้รับความเสียหายอย่างหนักมาก และอัปปางลงอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารทั้งหมดได้พยายามเอาตัวรอดด้วยการลงเรือบด แต่เรือบดที่ปล่อยลงนั้นกับขาดออกจากกัน และปล่อยเรือบดได้ยากมาก ทำให้ผู้โดยสารเอาตัวรอดด้วยการกระโดดลงน้ำทะเล แต่น้ำในท้องทะเลในช่วงนั้นมีอุณหภูมิต่ำมากคือ -18 ถึง -10 ° C ทำให้ผู้คนแทบทั้งหมดแข็งตายอย่างรวดเร็ว และเรือก็อับปางลงในทะเลบอลติก ในเวลาเพียง 10 กว่านาที ซึ่งผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้มีเพียง 1,000 กว่าคนเท่านั้น
การอัปปางของเรือลำนี้ มีผู้เสียชีวิตถึง 9,400 คน ซึ่งมีเด็กเสียชีวิตมากมายถึง 5,000 คน ทำให้นานาชาติ ต่างได้รุมประนามโซเวียตรัสเซีย ที่กระทำการแบบนี้ แต่ทางการโซเวียตได้ออกมาแสดงความชอบทำต่อการกระทำนี้เพราะ เรือ Wilhelm Gustloff ได้อาวุธสงครามในเรือ ถ้าไม่ทำให้เรืออับปางเรืออาจพบเรือดำน้ำลำนี้ และจะกลับมาทำลายเรือลำนี้ ซากเรือ Wilhelm Gustloff ได้ค้นพบในปี 2006 (พ.ศ. 2549)
เรือ M.V. Wilhelm Gustloff กำลังอับปาง
ซากเรือ M.V. Wilhelm Gustloff ในปัจจุบัน
โปรดติดตามตอนต่อไป อันดีบที่ 5 - 1
เรียบเรียงโดย http://pantip.com/topic/31924644