เรื่องราวความรักอันแสนหวาน และยังยาวนานอยู่
ของคู่นางแบบสาวสวยชาวเยอรมัน ไฮดี้ คลุม
กับซีลนักร้องหนุ่มหน้าโหด แต่จิตใจแสนอ่อนโยน
ซีลเห็นหน้าไฮดี้ครั้งแรกในปี 2003 ในงาน จีคิว อวอร์ด
เมืองลอนดอน ตอนที่เธอขึ้นรับรางวัล วู้แมนออฟเดอะเยียร์
"คืนนั้นที่ผมเห็นเธอ...เธอสวมใส่ชุดที่สุดยอดมาก ชุดเธอสีดำกึ่งๆ ซีทรูแนบเนื้อ
แต่นั่น ยังไม่เท่ากับยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอที่สะดุดตาผม"
"ผมจำได้ว่า ผมแอบคิดในใจว่า ว้าว ผู้ชายคนไหน ที่ได้ผู้หญิงคนนี้ไป ถือว่าโชคดีจริงๆ"
แต่ซีลก็ไม่กล้าเข้าไปคุยกับเธอ จนงานเลิก และกลับบ้านไป
สามอาทิตย์ต่อมา ซีลเข้าพักที่โรงแรม Mercer ในนิวยอร์ค
เขาเพิ่งออกมาจากยิมฯ แล้วจ๊ะเอ๋เข้ากับนางในฝันของเขา
อีกครั้งหนึ่ง.... ซีลพยายามหลบไฮดี้ เพราะว่าเขาดูไม่ดีและเหงื่อโทรมกาย แต่ทว่า ไฮดี้เห็นเขาเสียก่อน
และไม่ยอมให้เขาหนีไป เธอชวนเขากินพิซซ่ากับเธอ แต่ซีลก็ไม่กล้าคิดว่า เธอจะสนใจผู้ชายอย่างเขา
เขาเดาว่า เธอคงแค่อยากเป็นเพื่อนด้วยแค่นั้น
"ผมไม่คิดไม่ฝันว่าไฮดี้จะชอบผมน่ะ ผมก็ว่าผมมีเซ้นส์ทางนี้อยู่พอสมควร"
"แหม ฉันออกจะให้ท่าเสียขนาดนั้น ยังทำเป็นไม่รู้อีก
อืม หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้มั้ง แต่ว่าเขาก็มากินพิซซ่ากับฉันนะ ฉันเลยเดาว่า
อย่างน้อยเขาก็คงชอบฉันบ้างนิดหน่อยล่ะ " ไฮดี้แทรกคำสัมภาษณ์ขึ้นมา
แต่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูไม่ธรรมดา เพราะในเวลานั้น ไฮดี้ถูกมหาเศรษฐีอิตาลีทำป่อง
และความรักเริ่มง่อนแง่น เนื่องจากมหาเศรษฐี คงไม่ยินดีกับการท้องของไฮดี้ครั้งนี้นัก และทำท่าทำทางจะไม่รับเป็น
พ่อเด็กเสียอย่างนั้น ซึ่งทำให้ไฮดี้พบว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเขาก็คงไม่ได้รักเธอเลย เธอจึงหมดรักเขาไปด้วยเช่นกัน.....
ซีลยังไม่แน่ใจในสัมพันธ์ดังกล่าวว่าตกลงทั้งคู่จะเลิกกันจริงไหม ดังนั้นเขาจึงรักษาสถานะภาพความสัมพันธ์ไว้กลางๆ
และไม่ผลีผลามเข้าไปในทันที จนกระทั่ง ห้าเดือนต่อมาซีลเห็นท้องป่องๆ ของไฮดี้
และอาการบ่งบอกถึงความเป็นซิงเกิลมัมที่กำลังมาเยือนสาวเจ้า แล้วเกิดอาการสงสาร
พร้อมทั้งรู้ตัวแล้วว่า เขาตกหลุมรักเธอ และลูกในท้อง ทั้งที่ไม่ใช่ลูกของเขานี่แหละ
"แม้ว่าเด็กจะยังไม่เกิด แต่ผมก็รู้สึกว่า ถ้าผมรักผู้หญิงคนนี้ ผมคงต้องทำอะไรให้ถูกต้องเพื่อลูกของเธอที่จะเกิดมา
ผมจึงขอเป็นแฟนกับเธออย่าจริงจังในตอนนั้น และให้คำมั่นสัญญากับเธอว่า ผมจะรับเป็นพ่อเด็กให้เธอเอง"
"ผมไม่ได้คิดว่า ผมเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเธอหรอกนะ
แต่ว่า ผมทำตามที่หัวใจมันสั่งมากกว่า และผมก็ไม่สนใจด้วยว่า ใครจะเม้าท์กันว่าอย่างไร"
และในเดือนพฤษภาคม 2004 เลนี่ลูกสาวของไฮดี้ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก
ซีลไม่ลังเล หรือกังวลใดๆที่จะรับเป็นพ่อเด็กเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาบอกว่า "สำหรับผมนะ ผมว่ามันไม่สำคัญหรอกว่า
ใครจะเป็นคนทำให้เด็กคนนี้เกิดมา แต่ผมว่าที่สำคัญมันอยู่ที่ใครที่จะเป็นคนรับผิดชอบเลี้ยงดูเขาต่างหากล่ะ"
"Briatore พ่อของเลนี่ไม่เคยติดต่อหรือมายุ่งเกี่ยวกับเลนี่เลยแม้แต่น้อย
แต่ผมว่า เขาก็ไม่ใช่คนเลวหรอกนะ ผมพยายามมองโลกในแง่ดีว่า เขาก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง
ในเมื่อเขาตกลงกับไฮดี้ว่าเขาไม่ขอรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นไฮดี้
ก็เลยบอกห้ามไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรกับเลนี่ทั้งสิ้น"
"และเขาก็ทำตามเป็นอย่างดี ผมก็ถือว่า เขาเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่งนะ ถือว่าไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวนะ เพราะผู้ชายบางคน
ไม่รับผิดชอบอะไรแต่ชอบมาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ และเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเด็กก็มีเยอะไป"
ซีลจึงได้เป็นพ่อเต็มตัวให้กับ เลนี่ และเขาก็ยินดีเป็นยิ่งนัก
เพราะมันเป็นการเริ่มต้นการแก้ไขเรื่องราวในอดีตอันเลวร้ายของเขากับพ่อ ซึ่งต่อไปนี้ ซีลก็จะได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเอง
อยากทำมาตลอด นั่นคือ จะไม่เลี้ยงลูกในแบบผิดๆ อย่างพ่อของเขา และเขาได้ตั้งปณิธานการเป็นพ่อที่ดีให้กับเลนี่อีกด้วย
จากแรงบันดาลใจนี้เอง ซีลและไฮดี้ก็ได้ตัดสินใจมีลูกชายเพิ่มอีกสองคน คือ เฮนรี่ และ โจฮัน
ยังไม่รวมลูกสาวคนล่าสุดที่ยังอยู่ในท้องตอนนี้ด้วย
ซีลขอไฮดี้แต่งงานเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2004
ก่อนคริสต์มาสหนึ่งวัน และเลนี่มีอายุได้ประมาณหกเดือน โดยมีการจัดงานแต่งงานกันขึ้นที่ภูเขาน้ำแข็ง
สูงถึง 7000 ฟุต ใน Whistle ในเขต British Columbia
นอกจากเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ แล้ว ใครๆ ต่างก็รู้ว่า ซีลเป็นผู้ชายที่แสนโรแมนติกที่สุดคนหนึ่ง จนมีนักข่าวทั้งหลาย
กล่าวติดปาก(กา)กันไว้ว่า คู่นี้รักกันไม่มีจืดจาง ซีลทำให้ไฮดี้รู้สึกถึงความรักที่มั่นคงอยู่ทุกวี่วัน แถมยังจัดงานแต่งลำลอง
และสาบานรักกับไฮดี้ทุกปี (อย่างที่เพิ่งเล่าข่าวไปแล้วเมื่อวันก่อน)