เจาะลึกๆ มาตรฐานวงการพริตตี้ ‘เซ็กซี่-อกใหญ่-ใส-แบ๊ว’ แนวนี้ โดน!
เปิดสมรภูมิพริตตี้ หน้าตาดี ผิวได้ อาจไม่เพียงพอ
เพราะสิ่งที่มิอาจมองข้ามสำหรับอนงค์นางทุกนางที่จะก้าวย่างมาบนเส้นทางสายพริตตี้
มีการการันตีมาแล้วว่า ไซส์ของหน้าอก คือมาตรฐานประการหนึ่ง
ซึ่งจะกำหนดว่า คุณเธอจะไปรอดหรือไม่ บนเส้นทางสายนี้
อย่าง ที่หลายคนคงมองเห็นว่า ปัจจุบัน การเป็นพริตตี้คือสุดยอดปรารถนาประการหนึ่งของหญิงสาวจำนวนไม่น้อยในยุค ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัยรุ่นวัยเรียนที่มักจะหาลำไพ่ด้วยการเป็นตุ๊กตาหน้าร้านเพื่อเรียกสายตา ของผู้คนให้เหลียวมองสินค้าตามกลยุทธ์ของเจ้าของผลิตภัณฑ์ กระนั้นก็ดี พริตตี้ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ และเมื่อเป็นแล้วก็ใช่ว่าจะมีงานไหลมาเทมา ยิ่งในยุคนี้สมัยนี้ที่พริตตี้ก็แทบไม่ต่างอะไรกับเหล่าดารา คือเกิดใหม่แทบจะทุกวัน มากล้นจนแทบจะเดินหายใจรดกัน แล้วเช่นนั้น พริตตี้แบบไหนล่ะที่จะมี “งานเข้า” แบบเช้าไม่เว้น เย็นไม่ว่าง กลางวันคิวแน่น
ใช่ หรือไม่ว่า ต้องหน้าตาอย่างน้องสต๊อป? หรือป๊อปๆ ราวตุ๊กตาบ้องแบ๊วแบบน้องแย้ และต้องใสนิ้งวิ้งๆ ด้วยบิ๊กอายสไตล์น้องนุ๊ก แต่ถ้าต้องการคำตอบที่จริงจังมากกว่าแค่การได้กระแนะกระแหนไปวันๆว่า “หน้าอกปลอมๆ งั้นๆ” บัญชรนี้จะพาไปคลี่คลายว่าเพราะอะไร พริตตี้จึงเป็นพริตตี้อย่างที่เราเห็นๆ กันแบบทุกวันนี้...
สแกนตัวพริตตี้
แบบนี้ “ได้มาตรฐาน”
แต่ละวงการย่อมมีสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐานเป็นของตัวเอง พริตตี้ก็ไม่ต่างไปจากนั้น “สฤษฎ์พร สกลรักษ์” ผู้จัดการอาวุโส บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ดูแลจัดหาพริตตี้ให้กับค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งประเทศเกาหลี เปิดเผยข้อมูล...
"สิ่ง แรกเลยที่เราจะทำเลยคือ ต้องกำหนดธีมขึ้นมาก่อน เพราะว่าการคัดคนสวยออกจากคนสวยมันเป็นเรื่องยากมาก ฉะนั้นมันต้องมีธีมที่ชัดเจน เราจะไม่เอาความชอบหรือความพึ่งพอใจส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง" ผู้จัดการอาวุโสเผย พร้อมบอกต่อถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกพริตตี้ที่ต้องคำนึงถึงแบรนด์ เนื่องจาก 'ฮุนได' เป็นค่ายรถจากประเทศเกาหลี ฉะนั้น สิ่งแรกที่พึงมีในพริตตี้ของเขาคือ 'ความขาว'
"อย่าง ของค่ายฮุนได เราเป็นค่ายรถจากประเทศเกาหลี ซึ่งแน่นอนว่ามีความ Dynamic พอสมควร เพราะฉะนั้น พริตตี้ของเราอาจจะต้องมีผิวที่ขาวเป็นหลักไว้ก่อน หน้าตาจะออกเป็นสไตล์เกาหลีก็ได้ ออกไปทางหมวยๆ ก็ได้ หรืออาจจะมีบุคลิกภาพ มีหน้าตา ที่ดูแล้วโมเดิร์น นำเทรนด์ ซึ่งกระแสเกาหลีก็คือเทรนด์ในปัจจุบัน"
"และ เมื่อได้ครบตรงจุดนี้ ใช่ว่าจะเป็นพริตตี้ของค่ายเราได้เลย เราต้องดูอีกว่าเมื่อเรานำพริตตี้มารวมเป็นกลุ่มพรีเซ็นเตอร์ แต่ละคนสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากันได้มากน้อยแค่ไหน อีกตรงหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเราต้องดูอีกว่าเสื้อผ้า หน้า ผม เมื่อแต่งออกมาแล้วจะเข้ากับคอนเซ็ปต์หรือไม่ เพราะบางคนสวยจริง แต่พอแต่งหน้าออกมาแล้วไม่เข้ากับเราก็มี ก็เป็นเรื่องที่ลำบากเหมือนกัน"
เช่น เดียวกันกับอดีตพริตตี้เงินล้านเบอร์หนึ่งของประเทศไทย "สต๊อป-ณัฐฐา ศิริรำไพวงษ์" ที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของกิจการโมเดลลิ่ง คอยผลิตป้อนเหล่าพริตตี้นางแบบให้แก่วงการ พูดถึงประเด็นนี้ไว้ชัดถ้อยคำชัดคำว่า "ยาก" ถ้าจะพูดเรื่องมาตรฐานหน้าตาพริตตี้ แต่ถ้าใช้การสังเกตเปรียบเทียบจะทำให้เห็นภาพได้ง่ายกว่า
"ถ้า ถามว่าหน้าตามาตรฐานพริตตี้เป็นอย่างไร พูดยาก แต่เราจะสังเกตได้จากการที่พริตตี้มักจะมีหน้าตาออกไปในทิศทางเดียวกันซะ ส่วนใหญ่ คือตาโตๆ แบ๊วๆ ขาวๆ หน้าเรียวๆ จมูกโด่งๆ และถ้าบอกว่าแบบนี้เป็นมาตรฐานใบหน้าของพริตตี้ที่การันตีเรื่องงานหรือไม่ ก็ไม่เชิงซะทีเดียว แต่ว่าส่วนมากเป็นอย่างนั้นเสียมากกว่า
"เพราะ ถ้าวัดกันจริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่พริตตี้ที่มักจะได้งานบ่อยๆ จะเป็นพริตตี้ที่มีทั้งบุคลิกภาพดี มีทั้งหน้าตาที่ดูแล้วให้ความรู้สึกว่า สวย น่ารัก แล้วก็รูปร่างสมส่วน สมส่วนในที่นี้หมายรวมถึงทั้งใบหน้า รูปร่าง บุคลิก ต้องเข้ากัน ไม่มีอะไรมากไปหรือน้อยไป
"และ ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวลูกค้าเองต้องการพริตตี้แบบไหน อย่างเช่นลูกค้าระบุมาว่าต้องการคนที่หน้าตาเซ็กซี่ รูปร่างเซ็กซี่ คนที่มีคุณสมบัติหน้าเฉี่ยว อกใหญ่ๆ ก็จะได้ไป แต่ถ้าค่ายนี้ต้องการคนที่หน้าตาดูแล้วให้ความรู้สึกหรูหรา ไฮโซ เรียบโก้ คนที่หน้าตามีความเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้าสร้างน่าเชื่อถือก็จะได้ไป"
32-36 หน้าอกหน้าใจ
ไซส์นี้ นี่ใช่เลย!?
ไม่ ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันเล่นๆ เพราะอย่างที่เห็นว่า พริตตี้เดี๋ยวนี้ ประเภทที่แบนเป็นไข่เจียวนั้น แทบไม่มีให้เห็นแล้ว มองนางไหน ก็ใหญ่บึ้มบะลึ่มฮึ่มด้วยกันทั้งนั้น และนี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ของสาวๆ ที่ทำเอาไว้โชว์ หากแต่มันคือเงื่อนไขปัจจัยสำคัญประการหนึ่งซึ่งจะทำให้เตะตาคณะบุคคลผู้ที่ จะคัดเลือกและ “ให้งาน” ด้วย
"เริ่มกันตั้งแต่ขนาด 32-36 ครับ" สฤษฎ์พร กล่าว และยืนยันว่า 'เรื่องหน้าอกหน้าใจ' ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการคัดเลือก 'พริตตี้'
"จุด นี้ถือว่าสำคัญมากเหมือนกัน เพราะว่ามันจะส่งผลถึงตอนแต่งชุดออกงานว่าจะเข้ากับธีมหลักของเราหรือไม่ ซึ่งธีมหลักปัจจุบันของฮุนไดก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าต้องขาว สวย บุคลิกดี และอีกข้อหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ สัดส่วนต้องดีด้วย
"แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ไม่ได้จะเน้นว่าจะต้องมีขนาดเท่ากันในเรื่องของไซส์ทุกราย เราเปิดเป็นตัวเลขคร่าวๆ ไม่ว่าจะสัดส่วน ความสูง หรือน้ำหนัก ก็เหมือนกัน เพราะต้องเข้าใจว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้พริตตี้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งหมด ตามที่เราต้องการ
"ฉะนั้น ที่เราเปิดขนาดหน้าอกไว้ที่ 32-36 เป็นตัวเลขบนล่าง ก็เพื่อเผื่อไว้อยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ แม้ว่าคนที่หน้าอกใหญ่อาจจะได้เปรียบในความโดดเด่นกว่า แต่คนที่หน้าอกเล็กลงมาหน่อยก็มีส่วนอื่นเป็นจุดขายจากการที่เราเสริมเติม ให้ ไม่ได้ถือว่าด้อย เนื่องจากเรามีการเสริมหรือการทำชุดให้ลงตัวในแต่ละคน เพื่อที่จะให้ออกมาดูดีเหมือนกันหมด และยังคงความเป็นธีมเดียวกันอยู่"
ขณะที่เจ้าของฉายา 'พริตตี้เงินล้าน' อย่าง สต๊อป ก็ให้ข้อมูลไม่ต่างกันเท่าไหร่นักว่า เรื่องของขนาดหน้าอกนั้น เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งมีผลต่อการพิจารณาคัดเลือกสาวๆ เข้ารับในสังกัด
"ก็ ถ้าเกิดมันไม่มี มันแบนไปเลย มันก็ไม่โอเค เราก็ควรจะมีหน้าอกนิดหนึ่ง เพราะว่าใส่เสื้อผ้าของลูกค้าแล้วจะได้ดูสวย เพราะอย่างที่เห็นๆ มาส่วนมากลูกค้าที่เข้ามาติดต่อให้เป็นพริตตี้ก็จะเน้นว่าต้องการคนมีหน้าอก นิดหนึ่ง
"แต่ ก็อย่างที่บอกว่า ถึงตรงส่วนนี้จะสำคัญ ไม่มีไม่ได้ แต่ผู้หญิงเราสมส่วนกำลังดีที่สุด อย่างสมมุติว่า สูง 166 เซนติเมตร น้ำหนัก 48 กิโลกรัม หน้าอกก็ควรจะประมาณ 33-34 ก็กำลังดูเซ็กซี่ แต่ถ้าเกินนั้น 36 อันนี้ก็ถือว่าใหญ่เกินไป หรืออย่างตัวเล็กๆ ไซส์หน้าอก 32 ก็ถือว่าพอไปได้ เพราะในมุมมองของต๊อปมองว่าอะไรที่มันมากเกินไปมันก็ดูเกิน ดูล้น หรือมันก็ไม่ดูสวยงามในภาพรวม"
"จริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะว่าส่วนใหญ่เวลาที่พริตตี้ทำงาน เขาก็มีวิธีการเสริมอึ๋ม วิธีการดันทรงของเขาให้มันดูมีหน้าอกอยู่แล้ว" สต๊อป เผยความรู้สึกตอนเป็นพริตตี้ที่ต้องแบกรับเงื่อนไขข้อตกลงกับผู้ว่าจ้าง
"คือ ต๊อปมองว่าทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนเรามีมุมมองที่เปิดกว้างมากขึ้น แล้วก็พร้อมที่จะรับอะไรได้มากขึ้น แต่ในที่นี้คือต้องอยู่ในกรอบที่พอเหมาะพอควร อย่างเรื่องชุดเสื้อผ้าของพริตตี้ ถ้าเกิดมันโชว์นิดหนึ่ง ให้พอดูสวยงาม พอเห็นทรวดทรงสรีระของผู้หญิง อย่างนี้มันพอรับได้ แต่ไม่ใช่มาจงใจเปิดโป๊จนเกินไป หรือใส่ชุดเหมือนชุดชั้นในออกมายืนอันนั้นมันก็มากเกิน
"ถาม ว่าหน้าอกใหญ่ๆ สำคัญที่สุดไหม ไม่เลย การทำงานมากกว่า ทักษะทางการพูดมากกว่า การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่า แล้วก็การมีมนุษย์สัมพันธ์ พวกนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะว่าต่อให้หน้าอกใหญ่ นมใหญ่มาก หุ่นเซ็กซี่มาก แต่โฟนไม่ได้ พูดไม่ดี ไม่มีทักษะทางการพูด หรือไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ เข้ากับคนไม่ค่อยได้ ลูกค้าเขาก็ไม่โอเค
"การ ทำงานของเรามันก็จะไม่มีการพัฒนา ก็เป็นได้แค่พริตตี้ยืนเฉยๆ แต่ถ้าเกิดคุณมีทักษะ มีไหวพริบ มีความขยันในการทำงาน รู้จักฝึกฝนตนเอง คุณก็สามารถขยับจากพริตตี้ไปเป็น mc จาก mc ไปเป็นพิธีกร อันนี้อยากให้ใส่ใจมากกว่าจะมาโฟกัสว่า 'หน้าอกต้องใหญ่นะ' ถึงจะเป็นพริตตี้ได้ แต่ถ้าเรามองไปไกลกว่านั้นมันจะมีอะไรที่สำคัญกว่า เรื่องหน้าอกใหญ่ หรือเรื่องรูปร่างหน้าตาสวย เขาเรียกว่ามันเป็นการเลื่อนขั้นในการทำงาน"
เผยวรยุทธ์ ขั้นสุดยอด
ของพริตตี้เบอร์ต้นๆ
อย่าง ไรก็ดี นอกเหนือไปจากรูปลักษณ์หน้าตาที่ว่านี้ คุณสมบัติของสาวๆ ที่จะเป็นพริตตี้ได้ ยังรวมไปถึงเรื่องอื่นด้วย และเรื่องนั้นก็ดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าหน้าตาบ้องแบ๊วน่ารัก
"ของ ฮุนไดตรงนี้เราจะแบ่งออกมาเลย ในส่วนที่เป็นพริตตี้ mc แล้วก็ในส่วนที่เป็นพริตตี้นางแบบ หรือที่เรียกว่าสาวยืนโพสต์กับรถ ในส่วนของพริตตี้ mc ก็ต้องจำสคริปต์ต่างๆ เพื่อพูดคุยสื่อสารเรื่อง product ส่วนพริตตี้ที่เป็นนางแบบก็ต้องใช้ภาษากาย เพื่อสื่อสารให้คนที่มาเห็นว่าเราทำโชว์ออกมายังไง ฉะนั้นการที่น้องๆ พริตตี้นางแบบออกมากแต่ละครั้ง ไม่ได้มาขายของ ไม่ได้มาขายรถ แต่เป็นการทำโชว์เพื่อให้ผู้ที่มาเยือนได้รับความสุขกับไป ได้รับภาพสวยๆ กลับไป" สฤษฎ์พร ยกตัวอย่างก่อนจะให้ความเห็นเสริม
"ฉะ นั้นพริตตี้นางแบบนอกจากความสวยที่พึ่งมี ทักษะการโพสต์ ทักษะความฉับไวในการที่จะตอบสนองต่อกล้อง ช่างภาพ หรือผู้คนที่ถ่ายรูป ตรงนี้ถือเป็นความโดดเด่นซึ่งแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป บางคนก็อาจจะยืนบื้อๆ ไปเลยก็มี ก็ถือว่าไม่ใช่ไม่ถูกต้อง เราก็เน้นส่วนตรงนี้ด้วยคือก่อนที่จะออกงานจริง หลายครั้งก็จะต้องมาซ่อมเต้น ซ่อมโชว์ เพื่อยกระดับพรีเซ็นเตอร์ตรงนี้ขึ้นไปอีกขั้น จากแค่ผู้หญิงธรรมดาที่มาพูดคุยขายสินค้า ยุคนี้มอเตอร์โชว์ มอเตอร์เอ็กซ์โป มัน Advance ไปกว่านั้นแล้ว
"คุณจะเห็นได้จากการที่สาวๆ ฮุนไดสามารถหาท่าโพสต์ ท่าโชว์ ที่ดูแล้วเป็นที่ฮือฮา ถูกอกถูกใจ ดูมีความครีเอทีฟเสมอๆ"
"ความสามารถต้อง 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความสวยแค่ 40 เปอร์เซ็นต์ก็พอ" สต๊อป แสดงทัศนะ
"แต่ ถ้าเวลามีน้องๆ พริตตี้มาถามว่าแบบไหนที่จะเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากที่สุด ต๊อปก็จะคอยบอกน้องๆ เสมอว่า เราก็ควรจะต้องมีหลายๆ บุคลิก คือไม่ว่าลูกค้าอยากได้แบบไหน เราต้องสามารถตอบโจทย์เขาได้ อย่างเช่นอยากได้เซ็กซี่ เราก็สามารถเซ็กซี่ได้ อยากได้น่ารัก เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงบุคลิกตัวเองได้ เพราะว่าไม่อย่างนั้นเราจะได้งานแค่แนวเดียว สไตล์เดียว"
ขณะที่พริตตี้เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง "นุ๊ก-อัญพัชญ์ วัฒนาตันติรัตน์" ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้น่าสนใจว่า
"ถ้า เกิดเป็นน้องพริตตี้ใหม่ยังไงแล้วเรื่องหน้าตาต้องมาก่อน เพราะว่าบางค่ายเขาเอามาปั้น คือดูหน่วยก้าน ความสวย หุ่น อะไรแล้วผ่าน แล้วค่อยฝึกค่อยเทรนเรื่องความสามารถกันทีหลัง
"แต่ โดยส่วนตัวแล้วเรื่องความสามารถกับความสวยสำหรับนุ๊ก นุ๊กให้ครึ่งๆ เลย เพราะบางคนสวยมาพร้อมเลย แต่การพูดจาไม่ฉะฉาน ไม่มีมั่นใจ พูดตะกุกตะกัก เขินอาย ตั้งแต่มาแคสต์งาน ลูกค้าเขาก็จะรู้สึกว่า เอ๊ะ..ถ้ารับเข้ามาทำงานจริง เวลาที่พูดคุยกับผู้คนจะเป็นแบบนี้เปล่า
"ยิ่ง ในปันจุบันคนสวยๆ เข้ามาทำงานทางสายอาชีพพริ้ตตี้กันเยอะ ทางเลือกลูกค้าก็มีมากขึ้น อย่างสมัยนี้ลูกค้าเขาก็จะหันไปดูกระแสทางสื่อ พอเขารู้ว่าคนนี้เป็นที่จับตามองเขาจะดึงมาเลยก็มี ดังนั้นถ้าเราขาดความสามารถ ขาดประสบการณ์ หรือไม่มีโปรไฟล์ที่ดี ก็ลำบาก"
ใช่ ว่าจะหน้าตาสะสวยแล้วกระโดดเข้ามายืนหน้าร้านกันได้เลย นั่นอาจเป็นไปได้สำหรับค่ายสินค้าไซส์ไม่ใหญ่มาก แต่หากกับค่ายบิ๊กๆ แล้ว กว่าจะปล่อยพริตตี้สักคนออกมาสู่สายตาของสาธรณชน ต้องผ่านการฝึกฝนและทอสอบศักยภาพกันอย่างเข้มข้น
"ก็ แล้วแต่กรณีครับ อย่างพริตตี้มือโปรที่เราเก็บเอาไว้ ก็ไม่ต้องอะไรมาก นัดมาซ้อม นัดมาเสริมออฟซึ่งกันและกัน" หัวเรือฝ่ายจัดหาพริตตี้ค่ายฮุนได อธิบาย
"ส่วน ถ้าเป็นพริตตี้มือใหม่ก็ต้องระดับหนึ่ง ถ้าไม่รู้จริงๆ ไม่รู้มากๆ เลย ก็ต้องคุย ต้องอบรม ต้องสอน พูดกันให้เคลียร์ในทุกๆ เรื่อง ว่าทำได้ไหม รับได้ไหม เพราะว่าคนที่ไม่เคยยืนสายรถยนต์ บางทีก็อาจจะไม่รู้ว่าเงื่อนไข งานมอเตอร์โชว์ งานรถยนต์ มันโหดแค่ไหน ถ้าเกิดทำไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนเป็นคนอื่นไป
"แต่ จริงๆ แล้วไม่อยากให้เรียกว่าเข้าคอร์สเลย เรียกว่าอบรมดีกว่า เพราะว่าไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร เราเน้นให้พูดคุย เน้นให้เกิดความเข้าใจกัน เน้นในเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสำหรับฮุนได ความสามัคคี การเข้ากันได้ในสายงานหรือการทำงานได้จริง มีประสิทธิภาพ อยู่เหนือเรื่องความสวย ความน่ารัก ที่ถึงแม้ว่าสวยจริง น่ารักจริง แต่ทำงานด้วยแล้วลำบากก็ไม่มีประโยชน์"
นอก จากการเข้าอกเข้าใจงาน ใช่หรือไม่ว่า วรยุทธ์หรือมายาซึ่งมีอยู่กี่ร้อยเล่มเกวียนก็ต้องงัดออกมาใช้ ในส่วนนี้ มีการฝึกการสร้างเสน่ห์ให้กับพริตตี้อย่างไรบ้าง หรือพริตตี้เองก็มีการฝึกฝนในเรื่องเหล่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว เช่น การเล่นหูเล่นตา การจ๊ะจ๋าช่างพูด อะไรเหล่านี้เป็นสูตรที่ได้เล่าเรียนมาจากการเทคคอร์สด้วยหรือไม่
"ส่วน หนึ่งก็มาจากคอร์สอบรม แต่หลักๆ อยู่ที่การพัฒนาอยู่ที่ประสบการณ์ที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเองล้วนๆ" นุ๊กเผย ก่อนอธิบายเสริมว่า "ตรงนี้นุ๊กใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวหลายปีมากกว่าจะถึงจุดนี้ คือตั้งแต่เข้าวงการแรกๆ ตอนอายุ18 ตอนนี้ก็ 25 ถ้าถามว่าใช้วิธีฝึกฝนอย่างไร พูดได้อย่างเดียวเลย มันอยู่ที่ความเคยชิน (หัวเราะ) เมื่อเราชิน เราเจอผู้คนบ่อยๆ เราทำงานบ่อยๆ เข้า บุคลิกภาพ ความมั่นใจในตนเอง มันจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุงาน"
"อย่าง ตอนนุ๊กเข้ามาแรกๆ ขนาดมุมหน้าตัวเราเองก็ยังไม่รู้ ก็ต้องฝึก การโพสต์ยังไงให้สรีระเราดูสวยขึ้น เราก็ต้องหา เราต้องเรียนรู้เอง ไม่สามารถที่จะมีใครบอกได้ อาจจะแนะนำได้แต่ต้องดูด้วยว่ามันเหมาะสมกับตัวเองรึเปล่า เราต้องดูจุดของตัวเราเองด้วย อย่างนุ๊ก ถ้านุ๊กเซ็กซี่อย่างเดียวก็คงไม่เกิด เราต้องมีคาแรคเตอร์ต้องเป็นเซ็กซี่แอ๊บแบ๊ว เซ็กซี่ขี้ อ้อน คือเราต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ ลบจุดบกพร่องที่ซ่อนในตัว พอถึงจุดๆ ที่เราพัฒนาตัวเองถึงพร้อมแล้วเราอาจจะเกิดขึ้นมาเลยก็ได้"
ภาพประกอบ : PreetyStagram เว็บไซต์ Siamsport เว็บไซต์ Fhm เว็บไซต์ sanook
ที่มา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=karnoi&month=16-04-2014&group=77&gblog=7