อึ้ง! เด็ก 15 ปีมีลูก 3 คน พบ 8 ขวบยังป่อง สะท้อนเซ็กซ์วัยเรียน

จี้ ศธ.แก้ปัญหา

นักวิชาการ จี้ ศธ. ทบทวนวิธีแก้ปัญหาท้องวัยเรียน หลังพบอายุเด็กท้องต่ำลงเรื่อยๆ อึ้ง! ลงพื้นที่เจอเด็กแค่ 8 ขวบตั้งท้อง ขณะที่อายุเพียง 15 ปี มีลูก 3 คน เผยพบ ร.ร. แห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว นำตู้ขายถุงยางติดตั้งใน ชี้ลดปัญหาเด็กท้องในวัยเรียนสำเร็จ

  รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาการจัดการศึกษาในพื้นที่ 12 จังหวัด ซึ่งรวมถึงปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานมีความพยายามรณรงค์แก้ไขปัญหาแต่ยังขาดมาตรการแก้ไขจริงจัง ทั้งนี้ ได้พบโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเด็กตั้งครรภ์ในวัยเรียน โดยใช้วิธีการติดตั้งตู้จำหน่ายถุงยางอนามัยในโรงเรียน ส่งผลให้ตัวเลขเด็กที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
       
       “เมื่อ 3 ปีที่แล้วการติดตั้งตู้จำหน่ายถุงยางอนามัยเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมพูดถึงกันมาก ซึ่งผมเคยถกเถียง และไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่เมื่อมาเห็นความสำเร็จและประโยชน์ที่เกิดขึ้น ผมอาจต้องปรับความคิดใหม่ โดยวิธีการของโรงเรียนแห่งนี้เขาประชุมร่วมกันให้ประชาคมนักเรียนเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะติดตั้งหรือไม่ ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปว่าให้ติดตั้งทางโรงเรียนก็ให้เด็กเป็นผู้บริหารจัดการ และโรงเรียนก็ปรับบทบาทสอนเพศศึกษาอย่างถูกต้อง สอนวิธีการป้องกัน และสอนให้เด็กรู้จัก รวมถึงเข้าถึงถุงยางอนามัยได้ง่ายจะดีกว่า” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
       
       รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ฯ ครั้งนี้ยังทำให้ได้ทราบด้วยว่า บางพื้นที่เด็กอายุเพียง 8 ขวบก็ตั้งครรภ์แล้ว ขณะที่บางพื้นที่พบว่าเด็กอายุ 15 ขวบ มีลูก 3 คน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าตัวเลขเด็กตั้งครรภ์ในวัยเรียนอายุต่ำลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ได้พูดคุยกับเด็กผู้หญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ต้น) พบว่าจะคุยแต่เรื่องผู้ชาย และคิดว่าจะขอเบอร์โทรศัพท์ผู้ชายอย่างไร ขณะที่เด็กผู้ชาย ม.ต้น จะพูดเรื่องแฟน เด็กผู้หญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.ปลาย) จะพูดเรื่องความสวยความงาม ส่วนเด็กผู้ชาย ม.ปลาย คุยเรื่องกีฬา และคิดว่าจะไปมีเรื่องกับใครดี ตัวอย่างเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าวิธีการคิดของเด็กจะสนใจแต่เรื่องเพศ ไม่สนใจศาสนา หรือวัฒนธรรมเลย ดังนั้นหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้อนาคตของชาติคงน่าเป็นห่วงมาก และคงจะลืมรากเหง้าวัฒนธรรมไทย ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังและหันมาทบทวนการดำเนินการที่เป็นอยู่เพื่อกำหนดมาตรการใหม่

Credit  http://www.manager.co.th