ไมเคิล ปีเตอร์ เฟย์ (Michael Peter Fay) วัยรุ่นอายุ 18 ปี สัญชาติอเมริกันถูกศาลชั้นต้นของสิงคโปร์ตัดสินในวันที่ 31 มิถุนายน 2537 ให้จำคุก 4 เดือน ปรับ 2200 เหรียญหรือ 33000 บาท และให้เฆี่ยนด้วยหวาย 8 ที ในข้อหาทำลายทรัพย์สินสาธารณะและของผู้อื่น คดีนี้ดังไปทั่วโลก เพราะอเมริกันชนซะอย่าง กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กระพือข่าวขึ้นหาว่าสิงคโปร์ยังมีกฏหมายล้าหลังที่ทารุณโหดร้าย และเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯเข้าแทรกแซง ในระหว่างที่รอการพิจารณาของศาลอุธรณ์ อเมริกันนับล้านก็ออกมาให้ความเห็นผ่านสื่อต่างๆ ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่มติไม่ขาดเพราะทั้งสองฝ่ายมีจำนวนก้ำกึ่งกัน ในที่สุดประธานาธิบดีบิล คลินตันก็ถูกกดดันให้ส่งสาส์นถึงประธานาธิบดีของสิงคโปร์ ขอให้ยกโทษเฆี่ยนแก่เด็กอเมริกันคนนี้ อ้างว่าเกินแก่ความจำเป็น แต่สิงคโปร์ก็เฉยๆไม่โต้ตอบอะไร
การลงทันฑ์ด้วยการเฆี่ยนในสิงคโปร์ (และอดีตเมืองขึ้นของอังกฤษในเอเซียอีกหลายประเทศ) ถือเป็นเรื่องปกติในความผิดที่ต้องการใช้ผู้ถูกลงโทษเข็ดหลาบ ไมเคิล เป็นนักเรียนหัวโจกอยู่ในโรงเรียนนานาชาติที่นั่น เรื่องเกิดขึ้นเพราะมีรถที่จอดอยู่ในที่จอดรถของเอกชนถูกพ่นสีกระป๋อง แดงเถือกไปมากกว่า 6 คัน ก่อนหน้านั้นก็มีที่โดนเอาไข่มาขว้างปาบ้าง เอาหินมาทุ่มใส่บ้างอยู่เนืองๆ ตำรวจเข้มอยู่วันเดียวก็จับวัยรุ่นต่างชาติ 2 คน ขับรถไม่ติดป้ายทะเบียน เอาไปสอบสวน คนหนึ่งเป็นเด็กฮ่องกง อีกคนเป็นเด็กไทยลูกข้าราชการสถานทูตโขมยรถพ่อไปขับกร่าง ซึ่งก็ได้ใช้อภิสิทธ์ทางการทูตรอดตัวจากคดีไป ตำรวจขยายผลได้ทราบชื่อเด็กในแก๊งค์ทั้งหมด 7คน มีไมเคิลเป็นหัวโจก เมื่อไปค้นในห้องนอนเจอธงชาติที่ถูกจิ๊กมาจากที่ต่างๆนับสิบผืน รวมทั้งป้ายจราจร เครื่องหมายรถแท๊กซี่ และสมบัติสาธารณะอื่นๆที่พวกนี้โขมยมาเพื่อความโก้เก๋ อันเป็นแฟชั่นระบาดหนักในหมู่วัยรุ่นที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมในทุกประเทศยุคนั้น ไมเคิลโดนเข้าไป 53 กระทง ก็เลยโทษหนักหน่อย เด็กในแก๊งค์ส่วนใหญ่โดนโทษปรับ หรือกักกันในบ้านของตนเป็นเวลา 2 เดือน ไม่แปลกที่คนอเมริกันมากมายกลับเรียกร้องให้เอากฎหมายของสิงคโปร์ไปใช้ที่นั่นมั่ง เพราะเลี่ยนพวกแก๊งค์วัยรุ่นถ่อยที่มีพฤติกรรมทำนองเดียวกันนั้นเต็มที
หลายเดือนต่อมาศาลอุธรณ์พิพากษายืน ไมเคิล เมื่อรู้ตัวว่าโดนเฆี่ยนแน่ จึงยอมหันมาขอฎีกาต่อประธานาธิบดีออง เต็ง ชองของสิงคโปร์ ยอมรับผิดและขอผ่อนโทษ คราวนี้นายลี กวน ยู ใจอ่อน ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือแนะนำแก่ประธานาธิบดีว่า สิงคโปร์ควรลดโทษเฆี่ยนให้เด็กคนนี้ลงบ้าง เพื่อเห็นแก่มิตรภาพส่วนตัวของบิล คลินตัน
ตกลงไมเคิล ปีเตอร์ เฟย์ถูกนำเข้าเรือนจำในวันที่คำสั่งตก และถูกเฆี่ยน 4 ทีในวันนั้น ก่อนจะนอนในคุกต่อไปจนครบคำพิพากษา ตกค่ำรัฐบาลออกมาแถลงว่า
“สิงคโปร์ไม่เหมือนสังคมอื่นที่ยอมอดทนต่อการทำลายสาธารณะสมบัติ เรามีมาตรฐานและกติกาของการอยู่ร่วมกันที่สะท้อนให้เห็นได้จากกฎหมายของเราเอง และด้วยกฎหมายที่เข้มงวดกับการทำร้ายต่อสังคมเช่นนี้แหละ เราจึงสามารถที่จะรักษาสิงคโปร์ให้อยู่ในระเบียบและเป็นประเทศที่ปลอดภัยจากอาชญากรรมทั้งปวง”
นับจากบัดนั้น แก๊งค์วัยรุ่นซ่าในสิงคโปร์ก็สูญพันธ์ไปเลย
สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน เป็นประเทศที่ยังใช้กฎหมายเฆี่ยนอยู่ จะบัญญัติให้ใช้หวายขนาดยาวไม่เกิน 120 เซนติเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 13 มิลลิเมตร (หรือครึ่งนิ้ว) หวายเหล่านี้ก่อนใช้งานจะนำไปแช่น้ำก่อนทั้งคืนเพื่อให้อิ่มน้ำ เวลาฟาดลงไปหนักๆหลายๆทีเนื้อจะได้ไม่แตก เคยอ่านพบบ่อยๆว่านักโทษประหารของไทยในสมัยก่อน จะถูกเฆี่ยนด้วยหวายที่แช่น้ำปัสสาวะด้วย ใครโดนเข้าไปคงเลิกกลัวตายหรือจะตัดหัวขั้วแห้งอย่างไรก็ได้ ขอให้ความเจ็บปวดทรมานผ่านพ้นไปเร็วๆเสียที
นักโทษจะถูกนำเข้ามาในสภาพเกือบเปลือย มีผ้าเตี่ยวปิดกั้นเฉพาะด้านหน้า ด้านหลังเปิดก้นไว้อย่างนี้ เมื่อพันธนาการเข้ากับขาหยั่งแล้วก็จะมีเกราะหนังมาคาดทับป้องกันร่างกายส่วนอื่นที่ไม่ต้องการให้โดนฤทธิ์หวาย ตรงตำแหน่งก้นเจาะเป็นรูไว้ดังภาพ
นี่เป็นขาหยั่งที่นักโทษจะถูกนำไปพันธนาการแบบไม่ให้กระดิกกระเดี้ยได้ หากปล่อยให้นักโทษดิ้นได้แล้วหวายอาจจะพลาดไปลงเอาที่เอวแล้วอาจจะทำให้ตับไตพิการไป ฟังดูเหมือนเป็นความกรุณานะเนี่ย
มีเฉพาะนักโทษชายอายุระหว่างอายุ 16-50 ปี ที่กฎหมายบัญญัติให้เฆี่ยนได้ นอกจากโทษข่มขืนผู้เยาว์ที่ไอ้แก่เกินนั้นก็จะต้องโดนเฆี่ยนด้วย นอกจากที่กล่าวตลอดถึงผู้หญิงได้รับการยกเว้น
มือเฆี่ยน (ขอเรียกอย่างนั้นก็แล้วกัน) เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ต้องฝึกฝนมาอย่างดี หนุ่มแน่นและล่ำสัน แม้จะไม่มีกำหนดว่าจะต้องเฆี่ยนให้โดนเป้าหมายด้วยกำลังแรงกี่กิโลกรัม-เมตร แต่พวกนี้ต้องซ้อมตีหุ่นทุกวันแบบสุดแรงเกิดในแต่ละครั้งเสมอ ใครตีอ่อนแรงไปก็จะถูกพัก กรมราชทัณฑ์จะมีเบี้ยพิเศษให้มือเฆี่ยนพวกนี้ด้วย ในสิงคโปร์ได้ขวับละ 15 บาท ในมาเลเซียได้ 30 บาท เป็นรายได้ในฐานะผู้ชำนาญพิเศษ ดูท่าจรดก่อนที่จะลงไม้แต่ละขวับเสียก่อน นี่ระดับศิลปินนะเนี่ย
มือเฆี่ยนจะหวดลงมาอย่างไร้น้ำใจ ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงสุดแขน มีการประมาณว่าการหวดแต่ละขวับหวายเดินทางด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความแรงที่กระทบเป้า 90 กิโลกรัม เนื้อนิ่มๆของมนุษย์จะไปเหลืออะไร
ในวันที่กระทำการเฆี่ยนแต่ละครั้งจะมีนักโทษที่ต้องโทษหลายคนมารอรับการเฆี่ยน พวกนี้จะไม่รู้ตัวมาก่อนแม้จะถูกเบิกตัวไปตรวจร่างกาย แต่จะมารู้ระหว่างผ่านพิธีการซึ่งมีหลายขั้นตอน เร้าใจให้ระทึกจนทุกคนภาวนาว่าขอให้โชคดีที่จะได้เป็นคนแรกที่จะถูกเฆี่ยน มิฉนั้นอาจช็อคไปเสียก่อนเมื่อได้เห็นและได้ยินภาพสยองขวัญขณะที่คนอื่นโดนเฆี่ยนอยู่เบื้องหน้า เมื่อเวลาอันแสนทรมานทั้งกายและใจผ่านไป ส่วนใหญ่แล้วทุกคนยังเข้าแถวและเดินด้วยตัวเองไปยังห้องพยาบาลได้
ดูวินาทีที่หวายกระทบก้น เนื้อจะยุบลงไปตามแรงกระทบทั้งแก้มก้น
เมื่อยกไม้ออกหนังกำพร้าจะหลุดตามออกไป เหลือเนื้อช้ำๆก่อนที่แผลจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูแล้วก็แดง ก่อนจะเยิ้มเป็นโลหิตไหลย้อยออกมา
ยังมีความเป็นอารยะธรรมอยู่บ้างที่มือเฆี่ยนจะพยายามหลีกเลี่ยงรอยหวายเดิมไม่ให้ซ้ำลงไปในแต่ละขวับ ถ้าโดนไม่กี่ทีก็ยังพอเลี่ยงได้ แต่ถ้าโดนหลายๆทีก็คงเลี่ยงอยาก เพราะโทษเฆี่ยนจะต้องกระทำให้เสร็จสิ้นภายในครั้งเดียวนอกจากนักโทษจะเป็นลมหมดสติ และแพทย์ที่คอยดูแลอาการอยู่จะมีความเห็นให้หยุดก่อนเพื่อนำตัวไปรักษาพยาบาล พอร่างกายพร้อมก็เอากลับมาเฆี่ยนต่อจนกว่าจะครบ โทษเฆี่ยนสูงสุดจะกำหนดไว้ 24 ที สำหรับโทษข่มขืนผู้เยาว์ แต่โทษส่วนใหญ่แล้วจะโดนกันอยู่ระหว่าง 4-8 ที ประเภทหัวขโมยลักเล็กขโมยน้อยและพวกที่ประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคมอื่นๆ
มีรายงานว่าระหว่างที่โดนสัก 3-4 ไม้แรก นักโทษจะพยายามดิ้นด้วยความเจ็บปวด ตอนเลือดจะเริ่มทะลักออกมา แต่ไม้หลังๆจากนั้นแรงต่อต้านของร่างกายจะลดลงเพราะประสาทที่รับรู้ดูเหมือนจะชาชินกับความเจ็บปวดไปแล้ว เหลือแต่กล้ามเนื้อที่ยังเต้นริกๆอยู่ทุกครั้งที่หวายกระทบ นักโทษจะส่งเสียงน้อยลงแม้เลือดจะสาดกระเด็นส่วนใหญ่จะเปลี่ยนมาเป็นสวดมนต์หรือวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ความสำนึกผิดชอบชั่วดีก็จะเกิดขึ้นตอนนี้
ความทรมานจริงๆจะมาหลังจากนั้น ในช่วง 3 วันแรกต้องนอนคว่ำกระดิกกระเดี้ยไม่ได้เลยเพราะความระบม ขยับนิดเดียวก็สะเทือนไปทั่วตัว ทุกคนจะพยายามไม่ดื่มไม่กินเพราะเวลาขับถ่ายเป็นช่วงที่เจ็บปวดอย่างที่สุด แต่แล้วก็จะพบว่าตนไม่มีหนทางใดเลยที่จะหนีความทุกข์ทรมานดังกล่าวนั้นได้ และจะเฝ้าบอกกับตัวเองว่าลูกช้างเข็ดแล้ว จะจำไปจนวันตายชาตินี้จะไม่ทำชั่วอีกแล้ว (จะคิดแบบนี้กันสักกี่คน)
ออกจากคุกไปแล้วรอยแผลเป็นนี้จะติดตัวไปจนวันตาย น้อยเปอร์เซนต์มากที่พวกนี้จะพลาดพลั้งกับชีวิตที่เริ่มต้นใหม่แล้วกลับมาโดนหวายเปิดแผลอีก
การเฆี่ยนมีในหลายประเทศ ภาพนี้เป็นการเฆี่ยนในประเทศเกาหลี
สำหรับประเทศจีนแล้ว การเฆี่ยนถือว่าเป็นการลงโทษขั้นต้น แต่ดูหน้าไม้มีขนาดหนากว่า
****************************************************