แลมโบกินี (Lamborghini) เป็นรถสปอร์ตในฝันของหลาย ๆ คน ด้วยดีไซน์ที่ดุดันโฉบเฉี่ยว เครื่องยนต์กำลังแรงและเทคโนโลยีชั้นยอดที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม แถมด้วยการตกแต่งภายในที่สวยงามจึงทำให้รถยนต์ตรากระทิงดุได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ เราจะมารู้จักกับผู้ผลิตรถสปอร์ตยอดฮิตรายนี้กันให้มากขึ้นกับ 10 เรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้ของแลมโบกินีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดมาจากเว็บไซต์ mensxp.com ไปดูพร้อม ๆ กันสิว่าจะมีอะไรบ้าง
แลมโบกินีก่อตั้งในปี 1963 และถูกซื้อไปโดยออดี้ (Audi) ในปี 1998 โดยถือเป็นบริษัทในเครือโฟล์กสวาเกน (Volkswagen)
งานการตัดเย็บเบาะและแผงคอนโซลต่าง ๆ ภายในรถยนต์แลมโบกินีเป็นฝีมือของช่างตัดเย็บหญิงเท่านั้น ซึ่งผู้ชายไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในส่วนนี้
เฟอร์รุชิโอ แลมโบกินี ผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวเกิดในราศีพฤษภ ซึ่งเป็นที่มาของตรากระทิงดุอันโด่งดังในปัจจุบัน นอกจากนี้ ชื่อของรถทุกรุ่นยังมาจากชื่อของวัวนักสู้ด้วย
แรกเริ่มเดิมที แลมโบกินีเป็นผู้ผลิตรถไถมาก่อน และถึงแม้ปัจจุบันพวกเขาจะไม่ได้ทำรถไถแล้ว แต่ก็ยังมีแผนกรถไถที่มีชื่อว่า Lamborghini Trattori หรือ Lamborghini Tractors ซึ่งเป็นทีมออกแบบที่เคยมีผลงานชั้นยอดอย่างแลมโบกินี กัลป์ลาร์ดอ (Lamborghini Gallardo)
ในวันหนึ่ง เฟอร์รุชิโอ แลมโบกินี ได้นำเฟอร์รารี 250จีที (Ferrari 250GT) ไปเปลี่ยนคลัช เอ็นโซ เฟอร์รารี ก็ได้บอกกับเขาว่า “นายมันเป็นแค่คนทำรถไถโง่ ๆ นายคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสปอร์ตเลยใช่ไหมล่ะ” หลังจากนั้น 4 เดือน เฟอร์รุชิโอก็เปิดตัวรถสปอร์ตคันแรกของพวกเขา แลมโบกินี 350 จีทีวี (Lamborghini 350GTV) ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ในการเปิดตัวครั้งแรกของ แลมโบกินี 350 จีทีวี ที่ Turin Auto Show พวกเขายังหาเครื่องยนต์ที่เหมาะสมมาประจำการในรถรุ่นนี้ไม่ได้ จึงได้วางอิฐไว้ในห้องเครื่องแทน
แลมโบกินีมีศูนย์ฝึกการขับขี่ในฤดูหนาว สอนเทคนิคการขับขี่บนพื้นน้ำแข็งและหิมะโดยเฉพาะ ซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลก
รหัสของแลมโบกินีทุกรุ่นจะนำหน้าด้วยตัวอักษร LP ย่อมาจาก Longitudinale Posteriore แปลว่า รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์วางตามแนวยาวอยู่ด้านหลังเบาะนั่ง แต่อยู่ด้านหน้าเพลาขับล้อหลัง หมายถึงเป็นรถยนต์แบบเครื่องยนต์วางตรงกลางนั่นเอง
ประตูปีกนกของแลมโบกินี สงวนไว้ให้รุ่น V12 เท่านั้น
ถ้าคุณต้องการให้แลมโบกินีใช้สีแดงไม่ว่าในส่วนใดก็ตาม เช่น ตัวถัง ก้ามเบรก ล้ออัลลอย ฯลฯ คุณต้องจ่ายเงินเพิ่ม เนื่องจากสีแดงเป็นสีสัญลักษณ์ของคู่แข่งตัวฉกาจอย่างเฟอร์รารี (Ferrari)
ได้ทราบเรื่องราวที่น่าทึ่งของค่ายรถยนต์กระทิงดุไปแล้ว หลายคนก็คงหายสงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของแลมโบกินีกันจนหมด ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดล้วนสร้างเสน่ห์ให้กับยอดซูเปอร์คาร์กระทิงดุได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ