ที่มา : manager
ลัทธินี้เกิดขึ้นมาจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแท้ เมื่อในครั้งนั้น เครื่องบินจากกองทัพญี่ปุ่นและสัมพันธมิตรมาแจกของให้แก่เกาะห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่งในแปซิฟิกตะวันออกเฉียงใต้ แต่เมื่อชาวเกาะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ ก็หลงคิดไปว่านั่นคือพรวิเศษจากฟากฟ้า ต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง พิธีกรรมเรียก ‘นกเหล็ก (เครื่องบิน)’ ของชนเผ่านี้จึงเกิดขึ้น โดยได้สร้างสิ่งบูชาเลียนแบบหอบังคับการบิน แถมยังมีการโบกธงทำสัญญาณไฟอีกด้วย
อีกลัทธิหนึ่งที่เชื่อเรื่อง UFO กำเนิดขึ้นในไต้หวัน โดย Hon-Ming Chen โดยเขาได้นำเอาเรื่องพระเจ้า ศาสนาพุทธ และเต๋า รวมถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ค่อนข้างผิดเพี้ยนมาผสมรวมกับเรื่องจานบิน เชื่อว่าโลกกำลังจะกลับสู่ยุคไดโนเสาร์ ทางเดียวที่สามารถรอดได้คือต้องอพยพไปยังอเมริกาเหนือ และรอคอยความช่วยเหลือจากจานบิน! Chen Tao เริ่มต้นด้วยการจดทะเบียนเป็นสมาคมวิจัยในไต้หวัน ก่อนย้ายไปอเมริกา และพบกับความล้มเหลวในที่สุด เมื่อคำพยากรณ์ของเจ้าลัทธิเกิดความผิดพลาด
Ho No Hana เป็นหนึ่งในลัทธิความเชื่อนอกจากศาสนาหลักๆ ในญี่ปุ่นที่มีมากถึง 2 แสนความเชื่อ ก่อตั้งโดย Hogen Fukunaga ผู้อ้างตัวว่าสามารถวินิจฉัยโรคต่างๆ ได้โดยแค่ตรวจสอบเท้าของคนคนนั้น แถมเลยเถิดไปถึงมีการพยากรณ์การเกิดใหม่ของพระเยซูและพระพุทธเจ้าอีกด้วย หนักหนาไปกว่านั้น การวินิจฉัยโรคของเขายังเรียกเก็บเงินสูงถึง 900 ดอลลาร์ จนถูกตั้งข้อสังเกตว่า นี่คือการหลอกกินกันฟรีๆ ในที่สุดเขาก็ถูกจับในข้อหาโกงเงิน และโดนปรับสูงถึง 2,120,000 ดอลลาร์
พบกับลัทธิเบาๆ กันบ้าง Iglesia Maradoniana เกิดขึ้นเมื่อปี 1998 ซึ่งตรงกับวันเกิดครบ 38 ปีของนักฟุตบอลระดับตำนานชาวอาร์เจนไตน์ Diego Maradona โดยแฟนบอลอาร์เจนตินาได้เทิดทูนมาราโดนาขึ้นมาเทียบเท่าพระเจ้า การชุมนุมครั้งแรกที่เมืองโรซาริโอ เมื่อปี 2001 นั้น พบว่ามีคนมาร่วมงานถึงเกือบหนึ่งแสนคน จาก 60 ประเทศทั่วโลก แถมยังมีบัญญัติ 10 ประการคล้ายกับคัมภีร์ไบเบิ้ล เช่น จงเผยแพร่คำสั่งของมาราโดนาไปทั่วโลก หรือจงใช้ชื่อมาราโดนาเป็นชื่อที่สองของคุณ!
David Koresh ผู้ก่อตั้งลัทธินี้เชื่อว่า ตัวเขาและสาวกล้วนเกิดมาในยุค ‘ อาร์มาเกดดอน (Armageddon) ’ (ยุคสิ้นโลกตามคำพยากรณ์ของพระเจ้า) แถมเขายังเชื่อว่าตัวเองคือร่างอวตารของพระคริสต์ มากไปกว่านั้น เขานิยมการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก และมีภรรยาอีกหลายคน แถมมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองจำนวนมาก จน FBI รวบรวมหลักฐานและเข้าจับกุม แต่แล้วเจ้าลัทธิก็ประกาศต่อเหล่าสาวกให้สู้จนตัวตาย ถึงขั้นวางเพลิงเผาที่ทำการ หลังเหตุการณ์สงบลง FBI เข้าตรวจสอบ พบศพผู้เสียชีวิตมากถึง 82 คน
ลัทธิบูชาแม่มด ว่ากันว่ามีผู้ศรัทธามากเป็นอันดับ 5 ของบรรดาความเชื่อต่างๆ ในอเมริกา ก่อตั้งโดย Gerald Gardner ในปี 1935 เป้าหมายสูงสุดคือการกลับสู่ธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ (แบบเดียวกับนิพพานในศาสนาพุทธ) ในอเมริกานั้น Wicca ได้รับการจดทะเบียนเป็นศาสนาอย่างถูกต้อง มันถูกนับรวมเข้ากับศาสนาเพแกน (Paganism) ซึ่งเป็นศาสนาแบบท้องถิ่นของชาวยุโรปในอดีต ก่อนที่จะมีการเข้ามาของคริสต์ศาสนา ศาสนาที่จัดเข้ากลุ่มนี้ได้แก่ ศาสนาอียิปต์โบราณ ศาสนาของกรีก-โรมันโบราณ เป็นต้น
ก่อตั้งโดย Chris Korda เริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์ไม่หวังผลกำไร แต่หลักคำสอนของลัทธินี้กลับส่งเสริมให้คนฆ่าตัวตาย หรือมีเซ็กซ์แบบพิสดาร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการกินซากศพของคนที่ตายไปแล้วอีกด้วย! ทว่าหลักคำสอนของลัทธินี้ก็มีข้อแม้อยู่บ้าง เช่น การฆาตกรรม หรือการมีเซ็กซ์นั้นต้องกระทำด้วยความสมัครใจ ในเว็บไซต์ของลัทธินี้ถึงขั้นมีการแนะนำวิธีฆ่าตัวตาย จนส่งผลให้สตรีคนหนึ่งฆ่าตัวตายด้วยวิธีการนี้ขึ้นมาจริงๆ ลัทธิดังกล่าวจึงกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายไปในที่สุด
Luc Jouret ผู้ก่อตั้งลัทธินี้เป็นผู้ป่วยทางจิตชาวสวิตเซอร์แลนด์ แต่กลับอ้างตนเป็นอัศวินแห่งเทมพลาร์ จนเขากลายเป็นศาสดาที่มีสาวกจำนวนมาก อาการป่วยทางจิตของชายผู้นี้ถึงขั้นทำให้เกิดโศกนาฏกรรมต่อเด็กน้อยวัยเพียง 3 เดือน เมื่ออยู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นมาใช้ดาบกวัดแกว่งไปแทงเด็กน้อยผู้น่าสงสารตายคาที่ โดยบอกว่าเด็กคนนี้คือผู้ต่อต้านพระคริสต์ ไม่นานหลังจากนั้น ชูเรต์ก็เอายาพิษให้สาวกดื่ม เมื่อตำรวจบุกเข้าตรวจค้นก็พบศพผู้เสียชีวิตถึง 75 คน รวมถึงตัวเจ้าลัทธิเองด้วย
ลัทธินี้อ้างตัวว่าเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางความคิดสร้างสรรค์ แต่โดยเนื้อแท้แล้วนั้นกลับแฝงไปด้วยแนวคิดเหยียดเชื้อชาติ เจ้าลัทธิมีชื่อว่า Matthew Hale F มีเป้าหมายสร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่คนขาว ปลูกฝังความเชื่อที่ว่า ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือชาวยิว อาชญากรรมประหนึ่งสงครามของพวกนาซีจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง สุดท้ายสาวกระดับสูงถูกตัดสินจำคุกในข้อหาฆาตกรรมคนผิวดำ ชาวเกาหลีใต้ และทำร้ายชาวยิวปางตายไปอีก 9 คน ส่วนเจ้าลัทธิก็โดนจำคุกยาวนานถึง 40 ปี
ก่อตั้งโดยชาวอเมริกันชื่อ Rod Ferrell โดยลัทธินี้มีความเชื่อว่า ผู้ศรัทธาจะต้องกรีดเลือดมาแลกกันดื่ม แถมยังต้องแลกคู่นอนกันอีกด้วย เฟอร์เรลหลอกลวงผู้คนว่าเขาคือจอมแวมไพร์ที่มีอายุยาวนานมากกว่า 500 ปี แต่สุดท้ายเรื่องราวต่างๆ ของลัทธินี้ก็จบลงด้วยการร่วมฆาตกรรมพ่อแม่ของสาวกสาวคนหนึ่ง เจ้าลัทธิถูกจับกุมตัว และได้รับโทษให้ประหารชีวิตในที่สุด เรื่องจริงเหล่านี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2002 โดยใช้ชื่อว่า Vampire Clan เช่นเดียวกับชื่อลัทธิ