ทุกวันนี้ทุกคนคงจะยอมรับว่าปัจจัยที่ 5 ที่เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตเราคือ “รถยนต์” ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งไกลตัว แต่ในปัจจุบันรถยนต์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนเราไปแล้วโดยเฉพาะในสังคมเมือง หลายครั้งที่รถยนต์ขนาดกะทัดรัดถูกปฏิเสธจากคนที่มีอันจะกินว่า “ขับรถคันเล็กๆดูดีไม่เท่าขับรถคันใหญ่” เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีทำให้กระแสพลิกกลับกลายเป็นว่า “ขับรถคันเล็กขนาดพอเหมาะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าขับรถคันใหญ่” สิ่งที่พิสูจน์คำพูดในประโยคหลังก็คือ ยอดขายรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งรถยนต์อีโค คาร์และรถไฮบริด ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แม้แต่ดาราฮอลลีวู้ดที่นิยมสินค้าฟุ่มเฟือยก็หันมาใช้รถไฮบริดกันเป็นทิวแถว นี่ยังไม่รวมรถไฟฟ้าที่กำลังจะเป็นเทรนด์สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้
การเกิดขึ้นของ Eco car เป็นคันแรกในประเทศไทย ครั้งแรกในโลกอย่าง All New Nissan March จึงเป็นสิ่งที่นอกจากจะตอบโจทย์ในเรื่องของแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมโลกในระดับรัฐบาลแล้ว ยังส่งผลกระทบในวงกว้างเกินกว่าที่ “เรา” ในฐานะคนใช้รถจะเคยคิดมาก่อน เพื่อให้เห็นภาพที่เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอย้อนกลับไปพูดถึงเงื่อนไข 4 ข้อของทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่กำหนดไว้ สำหรับรถประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรือ ที่เรานิยมเรียกว่า อีโค คาร์ มีดังนี้
1. ด้านการประหยัดพลังงาน ต้องมีอัตราการใช้หรือสามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร/100 กิโลเมตร
2. ด้านสิ่งแวดล้อม ต้องเป็นไปตามมาตรฐานมลพิษระดับ Euro 4 คือปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาไม่เกิน 120 กรัม/ 1 กิโลเมตร
3. ด้านความปลอดภัย ต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสาร กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและด้านข้างตามมาตรฐาน UNECE หรือระดับที่สูงกว่า
4. ด้านขนาดเครื่องยนต์ต้องมีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และไม่เกิน 1,400 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
จากเงื่อนไขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึง
ข้อดีของรถประเภทอีโค คาร์ ที่ส่งผลกับเรื่องใกล้ตัวของเราซึ่ง
ชัดเจนอยู่แล้วคือ
1.การประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก เพราะรถยนต์ชนิดนี้มีอัตราการใช้น้ำมันที่ 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือคิดอีกแบบคือ น้ำมันแค่ 1 ลิตร แต่วิ่งได้ถึง20 กิโลเมตร
2.เรื่องไกลตัวไปอีกหน่อยแต่กระทบกับเราและคนรอบข้างในระยะยาวก็คือ การปล่อยไอเสียสู่อากาศที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อนหรือโรคภัยไข้เจ็บ
3.อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ราคารถที่ต่ำลงจากมาตรการในเรื่องของภาษี
ซึ่งข้อดีของการใช้รถอีโค คาร์ ดูเหมือนจะมีไม่มากไปกว่า 3 ข้อที่ว่ามาสำหรับคนส่วนใหญ่ที่สนใจจะซื้อมาใช้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้รถประหยัดน้ำมันนี้ยังมีข้อดีที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปซึ่งอาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่าไกลตัวหรือใกล้ตัวเกินไปจนคุณคิดไม่ถึง ข้อดีเพิ่มเติมที่ว่าพอจะสรุปได้ดังนี้
1.ค่าบำรุงรักษาต่ำ
ด้วยการที่รถมีขนาดกระทัดรัด อะไหล่มีจำนวนน้อยชิ้นกว่ารถคันใหญ่ทั่วไป การบริโภควัสดุสิ้นเปลืองต่างๆจึงมีน้อยตามไปด้วย เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำยาที่ใช้บำรุงรักษาเครื่องยนต์ต่างๆ น้ำยาหรือวัสดุขัดเคลือบสีตัวถังภายนอกและเฟอร์นิเจอร์ภายใน ยางรถยนต์ เป็นต้น ลองคำนวณคร่าวๆเป็นค่าใช้จ่ายต่อปีเราก็จะพบว่า ประหยัดเงินไปได้มากอย่างที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อน
2. Cost of Ownershipที่ต่ำ หรือค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการมีรถชนิดนี้ในครอบครองต่ำกว่ารถยนต์ชนิดอื่นๆ
ฟังดูอาจจะเข้าใจยาก แต่ถ้าบอกว่า คุณใช้โรงเก็บรถหรือพื้นที่จอดรถในบ้านเล็กลง ค่าล้างรถลดลง ผ้าคลุมรถมีขนาดเล็กลง เสียเงินค่าติดฟิล์มกันแสงน้อยลง ที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ค่าประกันภัยที่ต่ำลง หรือแม้แต่ทรัพยากรเวลาในการซ่อมที่สั้นลงตามขนาดของรถนั่นเอง! และอื่นๆอีกมายมายที่จะตามมา ตราบใดที่คุณยังมีรถคันนี้อยู่ในครอบครอง
3. ความคล่องตัวในการใช้งาน
ความคล่องตัวไม่ใช่เพียงแค่ขนาดของรถที่ทำให้คุณสามารถควบคุมได้ง่าย โดยเฉพาะการขับฝ่าการจราจรกลางใจเมืองอย่างกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ๆเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคล่องตัวในการหาสถานที่จอดซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่เมืองใหญ่ต้องเผชิญอยู่
4. การใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ด้วยการที่รถมีขนาดกะทัดรัด ควบคุมง่าย คล่องตัวสูง จึงทำให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่มทุกวัยสามารถขับควบคุมได้ง่าย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการควบคุมรถยนต์ลงไปได้อย่างมาก จากที่คุณอาจจะเคยมีปัญหาในการขับรถขนาดใหญ่ แต่สำหรับรถชนิดนี้แล้ว ปัญหาเหล่านี้ไม่น่าจะมีอยู่อีกต่อไป ใครๆก็ขับได้ ผลที่ตามมาก็คือ คุณสามารถใช้รถได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด เรียกว่ารถ 1 คันใช้ได้ทุกคน จะว่าไปข้อนี้ก็คือ หลักการพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่า ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
5.ภาพลักษณ์ต่อสังคม
เรื่องนี้น่าจะไกลตัวที่สุด จับต้องได้ยากที่สุด แต่สำหรับสังคมสมัยใหม่ การขับรถประหยัดน้ำมันไม่ได้สะท้อนถึงฐานะทางสังคมแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปโดยอัตโนมัติ และกระแสในเรื่องนี้ก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะในต่างประเทศ ต่อไปเศรษฐีส่วนใหญ่อาจจะใช้ Nissan March ในการสัญจรในรัศมีที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต แทนที่จะขับ S-Class ไปจ่ายตลาด! นี่คือ การใช้งานในอีกบทบาทของรถชนิดนี้ นอกจากการใช้ขับไปทำงานในตัวเมือง ในชีวิตประจำวัน
ถ้ารวมข้อดีทั้งหมดของ Eco car ตามที่ได้กล่าวมา คุณจะพบว่า Nissan March เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในยุคที่ราคาน้ำมันและค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะรถคันนี้เข้าทำนองที่ว่า เล็กพริกขี้หนูจริงๆ
“ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nissan.co.th"