"เหตุนี้มาจากคำบอกเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์ ขณะลูกสาวเราเดินอยู่ในห้างดังย่านลาดพร้าว จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มตะโกนเสียงดังว่า "ใครก็ได้ช่วยจับผู้ชายเสื้อเขียวทีครับ เค้าต่อยผม"
คนในห้างที่ยืนอยู่บริเวณนั้น (ลูกสาวเราก็กำลังเดินลงบันไดเลื่อนพอดี) ต่างหันไปหาชายเสื้อเขียว ที่กำลังลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง ลูกสาวเห็นว่ามี รปภ.หรือการ์ดในชุดสีส้มของห้างวิ่งไล่ตามชายหนุ่มเสื้อเขียวคนนี้กันจ้าละหวั่น ชายเสื้อเขียวมากับแฟนสาว ทั้งสองพากันวิ่งหนี....เหตุหลังจากนี้ ลูกสาวบอกว่าเธอไม่ได้ตามดูต่อ แต่รีบกลับบ้านมาเล่าให้แม่ฟัง
ปรากฎว่า เมื่อถึงบ้าน เพื่อนที่ไปเดินห้างนี้และเห็นเหตุการณ์ข้างต้นด้วยกันกับลูกสาวเรา โทรมาบอกว่า ที่แท้ชายเสื้อเขียวคนนั้นก็คือเพื่อนในเฟซของนางนั่นเอง
เพราะชายเสื้อเขียวโพสต์รูปอัพเตตัสในเฟซบุค เป็นภาพและข้อความดังที่เห็นในภาพนี้แหละ แล้วก็เล่าให้เพื่อนๆ ถึงที่มาของภาพบนโรงพักว่า เค้าไปดูหนังกับแฟน แล้วคุยโทรศัพท์ในโรงหนัง ฝ่ายชายคนที่ตะโกนกลางห้าง ก็มากับแฟนสาวเหมือนกัน นางเลยสะกิดให้แฟนหนุ่มช่วยไปเตือนตาเสื้อเขียว (ผู้ไร้มารยาททางสังคมคนนี้) หน่อย ฝ่ายชายก็เลยลุกไปเตือนว่า ถ้าจะคุยโทรศัพท์ออกไปข้างนอกดีมั้ยครับ?
ตาเสื้อเขียวผู้ไร้มารยาทแถมเลือดร้อน เลยของขึ้นลุกมาต่อยชายหนุ่มที่เตือน พอต่อยเค้าเสร็จก็หนีออกจากโรง คนถูกต่อยเค้าก็ตามสิครับทั่นผู้โช้มมมม.....แล้วที่สุดก็เลยถูกการ์ดของห้างรวบมาโรงพัก แต่นายเสื้อเขียวดูท่าไม่สำนึกแถมภูมิใจมาก ประมาณว่าเสียค่าปรับแค่ 500 เอ๊งงง (คดีทำร้ายร่างกาย) เอามาเม้าท์กับเพื่อนในเฟซเหมือนไม่รู้สักนิด ไม่สำเหนียกด้วยซ้ำว่า สิ่งที่ตนเองทำลงไปทั้งการคุยโทรศัพท์ในโรงหนัง มันแย่แค่ไหน มันคือความไร้มารยาทเพียงใด...ไม่งั้นเค้าจะรณรงค์หรือมีสปอตเตือนก่อนหนังฉายไปทำแป๊ะอะไร....เคยตั้งใจดูบ้างหรือเปล่า นี่ยังสงสัย ไอ้ความไร้มารยาทที่ควรต้องเตือนกันและฟังกัน มันยังไม่สำเหนียกไม่พอ! นี่ยังทำร้ายร่างกายคนที่เค้ามาเตือนอีก .....คนแบบนี้ถ้าหลุดไปอยู่ในวงการไหน ไปทำงานร่วมกับใครคงนำความวายป่วงไปที่นั่นแน่ๆ ลงได้ทำผิด/ชอบใช้ความรุนแรงแบบโง่ๆ แถมไร้สำนึกในการกระทำแย่ๆ ของตัวเองก็อยู่ยากแล้วล่ะ
สมองส่วนที่ใช้ตริตรอง กับสำนึกรู้ผิดชอบขั่วดี มีมากน้อยแค่ไหน อ่านข้อความที่เค้าโพสต์ก็คงได้คำตอบ
ลูกสาวเราฟังเพื่อนของชายเสื้อเขียวเล่า นางก็ขึ้นเลย บอกแม่ๆ แบบนี้มันไม่ถูกต้องเลยนะ ดูที่เค้าโพสต์สิ ไม่สำนึกสักนิดเดียว แล้วคอยดูว่า คนแบบนี้จะเป็นไง
เมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวทำมันไม่ผิด มันเรื่องเล็กน้อย เค้าก็คงย่ามใจทำได้อีก ทำแล้วก็บอกว่าเสียค่าปรับแค่นี้ ต่อยสอนมันซะหน่อย....นี่ยังมีภูมิใจอีกนะว่า ไม่ต่อยผู้หญิงก็ดีเท่าไหร่แล้ว---เหลือเกินจริงๆ ตกลงนี่เราต้องทนกับคนที่ชอบคุยโทรศัพท์หรือไร้มารยาทในโรงหนังหรือไงกัน!?!"
ทั้งนี้ นอกจากแสดงความไม่พอใจกับการกระทำของชายเสื้อเขียวแล้ว หลังจากกระทู้ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปทั่วโลกออนไลน์ ชาวเน็ตก็มีการเข้าไปสืบค้นข้อมูลในเฟซบุ๊กของชายเสื้อเขียวคนดังกล่าวพบว่าเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งเพิ่งตกเป็นข่าวดัง และมีพ่อเป็นตำรวจ พี่เป็นทนายอีกด้วย