คงมีหลายคนที่ไม่เคยเที่ยวอาบอบนวด บางคนก็เที่ยวบ่อย ๆ แต่อาจรู้ในบางสิ่งและไม่รู้ในบางสิ่งผมจึงอยากเล่าให้ฟังในฐานะเอาหมอนวดมา เป็นร้อยแล้ว จะเขียนแบบธรรมดา สุภาพมั่งลูกทุ่งมั่ง
1.สถานที่
สถานที่นี่สำคัญถ้าเราต้องการทำอะไรกับหมอนวด ต้องเลือกสถานที่ที่ติดป้ายเป็น อาบ อบ นวดเท่านั้น อย่าไปเลือกพวกติดป้ายว่าเป็นนวดแผนโบราณ เพราะพวกแผนโบราณการจะทำอะไรกับหมอนวดเป็นเรื่องต้องตกลงกันเองระหว่างเรา กับหมอนวด จะมีหมอนวดจำนวนมากที่ไม่ยอมให้ทำอะไร อย่างมากก็ชักว่าว(ใช้มือทำให้) หรือดูดอวัยะเพศให้ และบางแห่งก็ห้ามอย่างเด็ดขาด และแม้อาจจะทำกันได้ แต่สถานที่มักไม่เอื้ออำนวย คือหลายแห่งเขาไม่ได้ออกแบบห้อง เพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อการให้มีอะไรกัน ก็เลยไม่มีที่อาบน้ำล้างน้ำ ไม่มีอ่างอาบน้ำ ที่นอนก็แคบ บางทีห้องก็ไม่ค่อยมิดชิด เพราะฉะนั้นต้องเลือกที่ขึ้นป้ายว่าเป็นอาบอบนวดเท่านั้นการเลือกสถานที่ ควรเลือกที่ขับรถเข้าออกได้สะดวก ประเภทที่เข้าออกยาก รถติดเป็นตังเม ตรงทางเข้าออก โดยเฉพาะที่ใกล้กับป้ายชื่ออาบอบนวดและติดป้ายรถเมล์ด้วยละก้ออย่าเข้าไปเลย เพราะจะนั่งเป็นเป้าสายตาคนอื่นนานเลย (แต่ถ้ามืด ๆ ก็ไม่เป็นไร)
บริเวณที่มีอาบอบนวดมากก็ถนนเพชรบุรี(ราคาถูกหน่อยพันกว่า ๆ ก็เที่ยวได้แล้ว) ถนนรัชดา(ราคาแพงกว่า จะเที่ยวต้องมีสักสองพันห้าร้อยบาทขึ้นไป) ส่วนที่อื่นก็มีกระจายกันไป เช่น แถวปิ่นเกล้า พระรามเก้า ถ้าขับรถไปเอง เราสามารถขับเข้าไปจอดเอง ไม่ต้องให้เด็กรับรถขับไปจอดก็ได้ จะให้เด็กรับรถขับไปจอดก็ได้ ถ้าเด็กรับรถขับไปก็ให้ทิปพวกนี้นิดหน่อย อย่าไปตอแยกับพวกนี้เพราะต้องคิดว่า อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เสียเงินนิดหน่อยแต่รถเราปลอดภัยดีกว่า แต่ต้องระวังเรื่องกุญแจรถด้วยอย่าปล่อยไว้กับเด็กรับรถเป็นดีที่สุด ถ้าไม่มีรถ ไปรถเมล์ก็ย่อมได้ (ตัวผมเอง(จิ้งเหลนไฟ)ก็นั่งไปบ่อยๆ)
ลง รถแล้วเดินเข้าไปเลย เอาตอนมืดๆ น่ะก็ดี ไม่มีใครสนใจนัก (แต่บางคนก็ชอบเข้าไปตอนบ่ายเพราะแขกน้อยไม่ต้องแย่งกัน,ตำรวจมักไม่มากวน ด้วย)
การไปรถแท็กซี่นี่ถ้าอายก็ไม่ต้องบอกว่าไปอาบอบนวดนั้นก็ได้ ให้บอกที่ใกล้ ๆแล้วเดินต่อนิดหน่อยก็ได้(เพราะถ้าบอกตรงๆ ก็อาจอายคนขับไปตลอดทาง) ถ้าไม่อายก็บอกตรงๆ จำไว้ว่าสถานอาบอบนวดเขาไม่แคร์หรอกว่าใครจะเดินเข้ามาหรือมารถอะไร (เคยเจอฝรั่งขี่จักรยานเข้าไปก็มี)ขอให้มีเงินค่าอาบนวดก็พอแล้ว
2.เวลาเปิดปิดบริการ
สถานอาบอบนวดจะให้บริการไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับใบอนุญาต บางแห่งเปิดตั้งแต่เที่ยงวันเลิกตอนเที่ยงคืนก็มี บางแห่งเปิดตั้งแต่บ่ายสองโมงจนถึงเที่ยงคืน บางแห่งเปิดตอนสี่โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน บางแห่งเปิดตั้งแต่หกโมงเย็นปิดเที่ยงคืน วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการส่วนใหญ่ก็เปิดได้ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึง เที่ยงคืน เวลาในการให้บริการต่อครั้ง(รอบ) ตกในราวชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงแล้วแต่สถานที่ (แต่พบมากคือรอบละชั่วโมงครึ่ง เมื่อขึ้นไปใช้บริการแล้วแม้แขกเสร็จสมอารมณ์หมายแล้วก็มีสิทธิอยู่จนครบ เต็มเวลา)
3.ภายในอาบอบนวด
เมื่อเดินเข้าไปข้างในก็มักจะมีที่ว่างเป็นห้องโถง มีที่นั่งสำหรับแขก มีเคาน์เตอร์เก็บเงิน มีห้องอาหาร ห้องน้ำ และที่สำคัญด้านหนึ่งจะมีห้องใหญ่ติดกระจกยาว ให้หมอนวดนั่งอยู่ภายในให้เราเลือก ห้องนี้มักเรียกกันว่า ?ตู้? (ฝรั่งเรียกว่า fish bowl) บางแห่งจะให้หมอนวดทุกเกรดราคาและทุกประเภท มานั่งรวมกันในตู้นี้ แต่แยกเป็นกลุ่ม ๆ ตามราคาหรือประเภท บางแห่งจะแยกความแตกต่างโดยให้หมอนวดติดเบอร์สีต่างกัน แต่บางแห่งอาจแยกตู้หรือแยกห้องกันไปเลย ถ้าเราเพิ่งเคยเข้าไปก็ต้องสอบถามคนเชียร์แขก ดูว่าตรงไหนหรือป้ายแบบไหนให้บริการอะไร ราคาเท่าไหร่
ในสถานอาบอบนวดทุกแห่งจะมีคนคอยแนะนำแขกเรียกว่า ?เชียร์แขก? คนเหล่านี้ปกติมีหลายคนทั้งชายและหญิง มีหน้าที่ให้คำแนะคำเกี่ยวกับราคา และตัวหมอนวด และเรียกให้หมอนวดออกมาพาแขกไปเข้าห้องให้บริการ
4.ภายในห้องอาบอบนวด
ในห้องอาบอบนวด จะเป็นห้องเล็ก ๆ (ที่จริงก็ใหญ่กว่าห้องที่บ้านเรา) มิดชิดปิดล็อคกุญแจได้แน่นหนาคนข้างนอกเข้าไม่ได้ ปกติที่ด้านบนประตูจะต้องมีช่องเล็ก ๆ ให้คนมองเข้าไปได้(ตามกฎหมายจะต้องมีไว้ให้ตรวจดูจะได้ไม่มีการอึ๊บกัน แต่ในทางปฏิบัติ ไม่มีใครเขาไปดูกันหรอก บางทีหมอนวดเอาผ้าไปปิดก็มี) ห้องจะใหญ่เล็กก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ แต่ปกติจะปูพรม ห้องส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่พอสำหรับ รองรับเตียงขนาดใหญ่ มีชุดรับแขก โซฟา โทรทัศน์ อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่พอที่จะลงไปอาบ ได้พร้อมกันสองคน และถ้าเป็นห้องที่ใช้อาบแบบบีคอร์ส หรือเรียกอีกอย่างว่าโตรา ก็จะมีแพยางให้ลงไปนอนนวดกันบนนั้นเพิ่มขึ้นมาด้วย
5.การเรียกชื่อหรือประเภทหมอนวด อาจเรียกกันได้หลายแบบหรือประเภท เช่น
5.1 แบบธรรมดา
พวกนี้จะให้บริการมาตรฐานทั่วไป คือต้อง อาบน้ำให้แขก ชิวหาพาเพลิน(ใช้ลิ้นสำผัสอวัยะเพศของแขก(นิยมเรียกกันว่า"สเปย์" ทั้งที่ฝรั่งบอก "smoke") และทำอะไรกับแขก หมอนวดที่จัดอยู่ในประเภทนี้ มีมากที่สุด พวกนี้จะทำงานมาพอควรแล้ว(ถึงจะเป็นคนใหม่ก็จะได้รับการสอนงานมาก่อน) จึงรู้งานและมักให้บริการได้อย่างไม่เคอะเขิน พวกนี้แม้จะเรียกว่าหมอนวดแต่จริง ๆ แล้ว แทบนวดกันไม่เป็นเลย เพราะไม่เน้นนวด เน้นการดูดอวัยะเพศกับมีอะไรกันกับแขกเป็นสำคัญ ว่าไปก็เหมือนกับคุณตัวตามซ่องนั่นเอง แต่มีระดับสูงกว่า สวยกว่า ให้บริการดีกว่าคุณตัวตามซ่อง และให้บริการในสถานที่หรูหรากว่าอย่างเทียบกันไม่ได้เท่านั้นเอง เราจึงควรยกระดับจิตใจ ให้สูงและดี เมื่อไปใช้บริการ อย่าทำตัวต่ำๆเถื่อนๆจะเสียหน้าเสียชื่อได้ (อาจถูกคนคุมเตะได้)
5.2 แบบไซด์ไลน์(sideline )
พวกนี้ก็ทำงานเหมือนแบบธรรมดานั่นเอง แต่สถานอาบอบนวดจัดไว้เป็นอีกพวกหนึ่ง เพราะพวกนี้มักเป็นสาวรุ่นที่ยังใหม่อยู่(หน้าตาดีด้วย) ไม่แน่ใจว่าจะทำประจำหรือสถานที่นั้น ต้องการเพิ่มราคา (บางคนทำมาแล้วแต่เปลี่ยนที่ใหม่ไปหลอกเขาก็มี) หรือทำงานเก่งอยู่แล้วและมีหน้าตาสวย รูปร่างผิวพรรณดี เป็นที่ต้องตาต้องใจของแขก จึงขอต่อรองให้จัดมาเข้ากลุ่มนี้ แต่บางที่ก็คัดเลือกสาวๆซึ่งไม่เคยเป็นหมอนวดมาก่อนจริงๆ เช่น
สาวออฟฟิส,แม่บ้าน,นักศึกษา,สาว เชียร์เบียร์ ฯลฯ (เคยเจอสาวขายแว่นตามาด้วย)ที่คิดจะขายตัวเพื่อหาลำไพ่ชั่วคราว (บางที่หรูๆอาจคัดเลือกอย่างดี ได้นางงามตกรอบ,นางแบบไม่ดัง,สาวพริตตี้ บางทีมีกระทั่งดาราสาวตกอับ) พวกนี้มักจะราคาสูงกว่าพวกธรรมดามากพอควร(จนถึงแพงจัด) การให้บริการก็ทำเหมือนกับแบบธรรมดาทุกอย่าง แต่พวกนี้ที่ใหม่จริง ๆ มักให้บริการได้ไม่เก่ง,ไม่ครบเท่าแบบธรรมดา เพราะยังไม่ชำนาญ สิ่งที่ดีก็มักจะเป็นหน้าตา,เนื้อตัวและความใหม่
แต่อย่างไรก็ตามพวกไซด์ไลน์จะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการคัดเลือกหรือความพิถีพิถันของแต่ละสถานที่ด้วยว่าเน้น ความสดใหม่ ,รูปร่างหน้าตาหรือฝีมือ แต่ส่วนใหญ่เน้นความสดใหม่(ดูจากงานประจำวันเช่น นักศึกษา,สาว ออฟฟิส) และหน้าตาสวย(นางงาม,นางแบบ) ถ้าเราต้องการฝีมือก็ต้องบอกคนเชียร์แขกให้ชัดเจน เดี๋ยวเจอหมอนวดที่สวยเนียนงามแต่แข็งทื่อไม่บริการเราเลย(พวกนางไม้) จะผิดใจทะเลาะกันได้
5.3 แบบบีคอร์ส(B-course) หรือโตรา (Tora)
พวกนี้ให้บริการเหมือนกับพวกธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างไปคือพวกนี้จะต้องทำการนวดให้แขกที่แปลกกว่าการนวด ทั่วไป คือเมื่ออาบน้ำทำความสะอาดดีแล้วทั้งสองคน ก็จะให้แขกลงไปนอนบนแพยาง(พลาสติค)แบบแพยางที่ใช้กันที่ชายหาด แล้วหมอนวดจะเอาน้ำมันหรือสบู่พิเศษที่ใช้กับการนวดประเภทนี้มาตีฟองแล้วชะ โลมให้ทั่วตัวแขกและตัวหมอนวดจนตัวลื่นดีแล้ว หมอนวดก็จะแนบตัว โยก บดคลึงไปบนตัวแขกโดยเน้นให้นมถูนวดไปตามท่อนขา ลำตัว ทั้งด้านหน้าและหลังตัวแขก เนื่องจากการนวดประเภทนี้เน้นการใช้นมนวดนาบถูไถไปตามร่างกายแขก คนที่จะให้บริการแบบนี้จึงเน้นคนที่มีนมใหญ่ มากกว่าหน้าตา(แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสวยเสียเลย) นอกจากการใช้นมนวดให้แขกแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่หมอนวดแบบนี้จะทำให้แขกด้วย คือการใช้โคกจี๋มรวมถึงจิ๋มของตนบดถูคลึงวนไปตามร่างกายของแขกด้วย แขกที่อยากนวดแบบนี้ต้องพร้อมที่จะยอมรับการถูก จี๋มของหมอนวดถูไถไปตามร่างกาย (หมอนวดบางคนอาจเลี่ยงแต่ถ้าบอกให้ทำก็จะทำให้) ขณะแนบจี๋มบดคลึงกับจู๋ของแขกซึ่งปกติ
ขณะนวดจะไม่ใส่ปลอก(ถุงยาง) จี๋มกับจู๋จะสัมผัสแนบแน่นกันโดยตรง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีการบดคลึงของหมอนวด บางคนหุบขามากหน่อยการสัมผัสกับจี๋มก็ผิวเผินอยู่ตรงเนินหัวเหน่า แต่บางคนที่อยากให้แขกประทับใจ หรือต้องการยั่วอารมณ์ก็ถ่างขามาก ให้สัมผัสด้านในเช่น โคกประกับ(แคมใหญ่)มากหน่อย บางคนยอมลงทุนนั่งยองๆเปิดจิ๋มถูไถตัวแขกเลย แขกเมื่อถูกนวดแบบแนบชิด ประกอบกับมีความลื่นก็มักเสี้ยนมากจน
อวัยะเพศแข็งตัวเต็มที่ บางคนทนไม่ไหวขอมีอะไรกันกับหมอนวดบนแพเลยก็มี บางทีก็พยายามยกก้นเพื่อกระแทกอวัยะเพศใส่สด ๆ
ก็ มีเพราะคิดว่ามันลื่นคงเข้าได้ง่าย ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหมอนวด ปกติถ้าแขกต้องการมีอะไรกันทันทีหมอนวดก็มักจะตามใจ โดยหมอนวดมักใช้ท่านั่งแท่นขย่มตอ (แขกอาจขึ้นข้างบนทำเองก็ได้แต่หมอนวดมักไม่ยอมเพราะกลัวผมเปียก) แต่มักจะให้สวมถุงยางก่อน แต่ปกติมักไม่ยอมมีอะไรกันตอนนั้น เมื่อนวดกันเสร็จแล้วก็จะล้างตัวและไปให้บริการอื่น ๆ ตามปกติกันที่เตียง ซึ่งก็ได้แก่การอมอวัยะเพศของแขก และถ่างขาให้แขกให้มีอะไรกันด้วยเหมือนหมอนวดแบบอื่น การนวดประเภทนี้ยังมีอยู่หลายแห่ง คนที่ไม่เคยก็ขอแนะนำให้ลองดู จะเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมาก ให้ความรู้สึกสยิว ลื่นดี ตอนนวดบีคอร์ส โดยเฉพาะตอนหมอนวดเอาโคกประกับอวัยะเพศหญิง(บางตำราเรียก "แคมใหญ่")นวดถูไถไปตามตัวและอวัยะเพศชาย เพียงแต่ต้องยอมรับว่าตัวเราบางส่วน
อาจถูกเมือกลื่นจากรูจี๋มเล็ดลอดออกมาบ้าง แต่มันก็ผสมกับน้ำมันจนน่าจะเจือจางแล้ว คิดว่าเป็นน้ำมันก็แล้วกัน เพราะปกติตอนนั้นหมอนวดกำลังทำงานยังไม่ได้ถูกแขกเล้าโลม แต่อย่างใด เมือกจี๋มคงยังไม่ออกหรอก แต่ก็เอาแน่ไม่ได้ เพราะกว่าจะถึงขึ้นนี้ ก็มักจะถูกแขกคนก่อนหน้าดูดนมหรือล้วงจี๋มบีบคลึงคลิต(คลิตอริส)มาบ้างแล้ว ก็ได้ หรือหมอนวดบางคนอารมณ์สูงไวไฟ อาจเสี้ยนได้ที่ตอนทำงานถูไถก็ได้ (เคยเจอมาบ้างหลายคนเป็นอย่างนี้ จริงๆ)
5.4 แบบแผนโบราณ
พวกแผนโบราณแท้ ๆ บางแห่งจะมีการนวดกันจริงจัง (ค่านวดจะถูกมากชั่วโมงละสองสามร้อยบาทหรือน้อยกว่านี้อีก) ไม่มีการบังคับให้หมอนวดอึ๊บกับแขก (แต่ตกลงกันเองก็ทำได้ถ้าหมอนวดยอมและสถานที่อำนวย) ในอาบอบนวด หลาย ๆ แห่งแม้จัดหมอนวดแบบ แผนโบราณไว้ แต่ในทางปฎิบัติในบางแห่งก็ทำงานแบบเดียวกับหมอนวดธรรมดา คือทุกคนจะต้องอึ๊บกับแขก มีการอาบน้ำ(อาจไม่ต้องลงอ่าง)และนวดด้วย แต่พวกนี้มักอายุมากและผ่านงานมามากแล้ว ราคาจะถูกกว่าหมอนวดแบบธรรมดาบ้างแต่ไม่มากนัก
6.การเลือกหมอนวด
เวลาเข้าไปในสถานอาบอบนวดแล้วก็ให้ทำตัวปกติอย่าทำท่าตื่นเต้นหลุกหลิกให้ เป็นที่สังเกตของคนอื่น ควรหาที่นั่งสงบใจก่อนแล้วค่อย ๆ สำรวจดูสิ่งรอบตัว พอมั่นใจดีแล้วก็มองดูหมอนวดในตู้ ถ้าไกลไปก็เดินเข้าไปมองที่หน้าตู้เลย ดูให้ดีนะว่ากระจกและไฟมันไม่หลอกตา เพราะบางทีในตู้มองดูแล้วว่าขาวหรือสวย แต่พอออกมาข้างนอกแล้วผิดจากที่เห็นในตู้ก็มี ถ้าจะให้ดีจะต้องมองเปรียบเทียบผิวพรรณ หน้าตากับคนข้างเคียงด้วย จะได้แน่ใจว่าขาวหรือเนียนจริงๆ เพราะถ้าดูเดี่ยวๆ อาจผิดพลาดได้ แต่ถ้าชอบผิวคล้ำๆตาคมแบบไทยๆเช่นเดียวกับตัวผมเอง(จิ้งเหลนไฟ)ก็หมดปัญหาไป เยอะ
เรื่องการดูว่าอกใหญ่หรือไม่ บางกรณีมองลำบากก็ต้องอดทนคอยดูหลาย ๆ มุม ถ้าดูทางด้านข้างจะรู้ชัดว่าใหญ่หรือเล็ก ถ้าใหญ่มันก็จะยื่นชูชันออกมาเลย ที่ดูยากหน่อยก็พวกชอบดันนมให้ล้นออกนอกบราฯทำให้มองดูใหญ่ แต่จริง ๆ ไม่ใหญ่ พวกนี้สังเกตดูแม้เนินอกนอกคัพนูนใหญ่ก็จริง แต่ฐานล่างมันจะแฟบ ๆ ผิดรูป เพราะถูกดันให้ล้นขึ้นไป มันไม่ใหญ่จริงหรอก พวกใหญ่จริงมันจะดูอูมฟูมเต็มคัพ จุดที่บอกได้ดีอีกอย่างก็คือต้องคอยจังหวะ เวลาขยับตัวเดิน,ลุกนั่ง ถ้ามองเห็นนมกระเพื่อมขึ้นลงก็พอบอกได้ว่าใหญ่จริง บางทีต้องคอยจังหวะตอนก้มมองลอดเสื้อเข้าไป
ข้อห้าม
ห้ามถ่ายคลิป
ห้ามถ่ายภาพนิ่ง