คณะนักไวรัสวิทยาชาวฝรั่งเศส พบเชื้อไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่ข้ามสายพันธุ์จากลิงกอริลลามาสู่คน เป็นสตรีสูงอายุชาวแคเมอรูน
คณะนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศศ ได้ตีพิมพ์ผลศึกษาในวารสารเนเจอร์เมดดิซีนว่า เชื้อเอชไอวีทุกสายพันธุ์ย่อยในสายพันธุ์เอชไอวี 1 ล้วนเกี่ยวข้องกับลิงชิมแปนซีได้แก่ สายพันธุ์ย่อยเอ็ม พบมากที่สุด สายพันธุ์ย่อยโอและเอ็น พบไม่บ่อยนัก
แต่เชื้อสายพันธุ์ย่อยที่พบใน ตัวอย่างเลือดของสตรีแคเมอรูนวัย 62 ปีรายนี้ เป็นสายพันธุ์ย่อยพี ส่วนสายพันธุ์เอชไอวี 2 ที่เป็นสายพันธุ์ส่วนน้อยนั้น สันนิษฐานว่าเกิดจากลิงเช่นกัน
นักวิจัยเผยด้วยว่า สตรีรายนี้ย้ายไปอยู่ในกรุงปารีสของฝรั่งเศส เมื่อปี 2547 หลังจากนั้นไม่นาน ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีและพบว่า ติดเชื้อเอชไอวี1 แต่หาสายพันธุ์ย่อยไม่พบ ซึ่งหลังจากนักวิจัย
ได้ถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อ ไวรัสชนิดนี้ แล้วใช้คอมพิวเตอร์เปรียบเทียบกับเชื้อเอชไอวี ที่พบในคนและเชื้อเอสไอวีที่พบในลิงปรากฏว่ามีความเหมือนอย่างมากกับเชื้อ เอสไอวีที่พบในลิงกอริลลา บ่งชี้ว่า เป็นสายพันธุ์ย่อยที่ข้ามจากลิงกอริลลามาสู่คน
อย่างไรก็ตาม สตรีชาวแคเมอรูนรายนี้ ยังไม่ปรากฏอาการของโรคเอดส์ โดยมีปริมาณเชื้อไวรัสและเซลล์ภูมิคุ้มกันประเภทซีดี 4 คงที่ เนื่องจากรับยาต้านไวรัส
ก่อนหน้านี้ เคยมีผลการวิจัยกระดาษชำระที่พบในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สมัยเป็นอาณานิคมของเบลเยี่ยมว่า เชื้อเอชไอวี 1 เริ่มแพร่กระจายในคนระหว่างปี 2427-2467 ทำให้เกิดทฤษฎีหลากหลายว่า เชื้อเอชไอวีข้ามจากลิงมาสู่คนได้อย่างไร เช่น ลิงติดเชื้อกัดคน คนกินเนื้อลิงติดเชื้อ หรือเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดผ่านแผลขนาดเล็ก ของคน
โรคเอดส์ ที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี เป็นที่รู้จักของสาธารณชนมาตั้งแต่ปี 2524 เมื่อแพทย์ในสหรัฐ ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มรักเพศเดียวกันอายุน้อยในรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กเสียชีวิตมากผิด ปกติ จนถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตเพราะเอดส์แล้ว 25 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ยังมีชีวิตอยู่จำนวน 33 ล้านคน
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ