พระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์เป็นคนรักชาติ เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งหลังยับเยิน มาก พระองค์มีกำลัง ๕๐๐ คน ตีฟันฝ่าข้าศึกออกไป รวบรวมกำลังคนได้ไม่เกิน ๕ พันคน ก็กำลังใหญ่ๆ ๑๐ จุดของกำนันจัน (นายจันทร์หนวดเขี้ยว) นั้นแหละ กลับมากู้กรุงศรีอยุธยา สามารถกู้คนไทยได้ทั้งชาติ นี่เราก็ต้องถือว่าเป็นบารมีของพระเจ้าแผ่นดินที่สามารถรวบรวมคนสำคัญไว้ได้ เช่น พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ดี กรมพระราชวังบวรก็ดี นี่ต้องถือว่าเป็นคู่บารมี เป็นคนที่มีบุญคุณต่อประเทศชาติมาก
เวลานั้นตอนกรุงแตกมีคนขายชาติ แต่สมัยพระเจ้าตากสินไม่มีคนขายชาติ เพราะถ้ามีคนขายชาติละก็ ถูกกำจัดเสียหมดไม่เหลือ ดูคนคิดคดทรยศอย่างพระยาสรรค์ก็ถูกประหารชีวิต การปกครองกันต้องทำกันแบบนี้จึงจะถูก ไม่ควรปล่อยให้ไอ้พวกขอมเก่าเข้ามาทำลายชาติ เวลานี้เรามักนิยมขอมเก่ากัน ทั้งๆ ที่มันทำลายชาติไทยไปตั้งหลายวาระ และมันก็อ้างว่าจะทำโน่นให้เจริญ จะทำนี่ให้เจริญ แต่มันบ่อนทำลายทุกอย่าง
เมื่อพระเจ้าตากสินขึ้นมาเป็นกษัตริ ย์ พระองค์ไม่ได้เป็นลูกกษัตริย์ ไม่มีราชสมบัติมาก่อน การรบทัพจับศึกมีไม่ได้หยุด นึกดูก็แล้วกัน ท่านเป็นพ่อบ้าน เพียงแค่พ่อบ้านแม่เรือน ก็รู้อยู่ว่าการจับจ่ายใช้สอยมันมากมายเพียงใด ถ้าเป็นเรื่องของประเทศล่ะจะจับจ่ายใช้สอยกันมากมายขนาดไหน เงินที่ใช้สอย เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญ เงินเดือนข้าราชการของท่านก็ไม่มี ผลที่สุดในฐานะที่พระองค์มีเชื้อสายเป็นจีนมาก่อน ท่านจึงต้องอาศัยจีน คือ “ขอยืมเงินเจ้าสัวคนจีนเขามา” เพราะเป็นหนี้เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญข้าราชการเขาอยู่มาก
ฉะนั้น มาบั้นปลายของชีวิต ท่านจึงมาคิดว่า “ถ้าเราเป็นกษัตริย์ต่อไป เราก็ต้องใช้หนี้เขา เงินก็ไม่มีจะใช้หนี้เขา” จึงได้เรียกสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก หรือพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเข้ามาพบในวังวันหนึ่ง ให้ทรงเครื่องรบขัดดาบมาด้วย เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกท่านก็แปลก ใจคิดว่าคงจะมีเรื่องร้าย ครั้นเข้ามาแล้วก็ปรากฏว่า พระเจ้าตากสินอยู่ ทรงอยู่องค์เดียวในห้องพระ ทรงขาวทั้งชุด นั่งชักลูกประคำ พระพุทธยอดฟ้าเห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะขัดดาบมาด้วย พระเจ้าตากสินเห็นเข้าก็ทรงเรียกว่า “ด้วงเรอะ เข้ามาซิ (ความจริงท่านเป็นเพื่อนกัน) เอาดาบเข้ามาด้วย”
พระพุทธยอดฟ้าจะถอดดาบเก็บข้างนอก ก็จำต้องถือเข้ามา แล้ววางดาบไว้ห่างๆ หมอบคลานเข้าไปเฝ้า พระเจ้าตากสินรับสั่งว่า “หยิบดาบมาให้ใกล้”
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็เลยเอามือกระทุ้งดาบออกนอกประตูไป ในฐานะที่พระมหากษัตริย์ประทับอยู่พระองค์เดียว การถือดาบเข้าไปอย่างนั้นย่อมไม่เหมาะ และอยู่ในชุดรบ
พระเจ้าตากสินจึงถามว่า “ด้วง อยากจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินไหม”
พระพุทธยอดฟ้าก็กราบทูลว่า “ไม่เคยคิด พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าตากสินจึงบอกว่า “ด้วง จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน”
แล้วทรงเล่าเรื่องตามความเป็นจริงให้ทราบ แล้วบอกว่า “อีกไม่กี่วัน เจ้าสัวเขาจะมาทวงเงินเขา ด้วงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่า ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ยากจนที่สุด ฉันไม่มีทรัพย์สินที่ไหนมาเลย ต้องกู้เงินเจ้าสัวเขามาจับจ่ายใช้ สอย เวลานี้ฉันก็เป็นหนี้เบี้ยหวัด เงินเดือน เงินปีของข้าราชการอยู่มาก ยังชำระไม่หมด การรบทัพจับศึกก็ไม่เสร็จ ทำอยู่ตลอดเวลา การจับจ่ายใช้สอยมันก็มาก ถ้าฉันจะเอาเงินใช้หนี้เขาก็ไม่พอ เราก็จะต้องกู้หนี้ยืมสินเขาใหม่อีก และเงินเก่าเราก็ไม่มีให้เขาพร้อมทั้งดอกเบี้ย ฉันลำบากมาก
ถ้ากระไรก็ดี ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เวลานี้เขมรแข็งเมือง ให้ด้วงยกทัพไปตีเขมรเอาลูกชาย ๒ คนของฉันไปด้วย และเมื่อไปตีเขมรได้แล้ว ไม่ต้องเอาลูกชายฉันมา ให้ครองอยู่ที่นั้น ด้วงกลับมา ด้วงเป็นกษัตริย์ สำหรับเงินที่จะต้องใช้ให้แก่ข้าราชการ เบี้ยหวัด เงินปีต่างๆที่คั่งค้างฉันเตรียมไว้แล้ว และเงินอีกส่วนหนึ่งที่จะใช้เวลาที่ด้วงเป็นกษัตริย์ฉันก็เตรียมไว้แล้ว รวมเป็น ๓ ส่วนด้วยกัน
ซึ่งในระยะไม่ช้า เจ้าสัวเขาก็จะมาทวงเงินเขา ซึ่งตอนนี้แหละ ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และฉันจะต้องพ้นจากตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดิน แต่ด้วงทำงานคราวนี้ต้องทำในรูปปฏิวัติหรือทำในรูปขบถยึดอำนาจจากฉัน แต่การยึดอำนาจกันเฉยๆใครๆเขาจะคิดว่าด้วงเป็นคนอกตัญญู เห่อเหิมมาก ฉันจะทำทีเหมือนว่าเป็นนักบวชและทำเป็นสติฟั่นเฟือน ในที่สุด กลับมาแล้วด้วงก็จับฉันประหารชีวิต แต่การประหารชีวิตฉันนั้น จะประหารจริงหรือหลอก ก็ให้เป็นวิธีการของด้วง ฉันพร้อมที่จะยอมตายเพื่อชาติ”
เห็นไหมลูกหลานที่รัก คนดีท่านทำอย่างนี้ ท่านไม่มานั่งเมามันเพื่อต้องการรัฐธรรมนูญ ต้องการรัฐสภา เวลาประกาศกับประชาชนก็ว่าต้องการเป็นตัวแทนของประชาชนชาวไทย แต่เมื่อเลือกเข้าไปแล้วก็อยากจะเป็นรัฐมนตรีมุ่งความเป็นใหญ่
แต่นี่พระเจ้าตากสินมหาราช ท่านไม่ต้องการอย่างนั้น เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเวลานั้นได้ทราบความจริง และสมเด็จพระเจ้าตากสินก็มีพระทัยมั่นคงต้องการให้สมเด็จเจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่อย่างนั้นประเทศไทยเราจะทรงตัวอยู่ไม่ได้ เพราะว่าท่านกู้เงินของจีน ถ้าไม่มีเงินให้เขา ก็อย่าลืมว่าประเทศไทยกับประเทศจีนน่ะ กำลังต่างกัน เราเองก็เพิ่งจะตั้งตัวได้ใหม่ๆ เพียงแต่จีนเขาใช้กำลังใกล้ๆกับเรา เราก็สู้เขาไม่ได้ ถ้าเขาหาว่าเราโกงเขา นี่เนื้อแท้ความจริงเป็นอย่างนี้
แต่ทว่าต่อมาภายหลัง พระยาสรรค์บุรีทำงานเกินอำนาจที่สั่ง ไว้ จับพระเจ้าตากสินเอาเสียจริงๆ จับแบบเอาจริง แต่ตอนเข้าไปจับนั้น ท่านท้าวผกาพรหมบอกว่า ขุนดาบ ๑๐ พระยาของพระเจ้าตากสินนี่จะสู้ เพราะมีกำลังรักษาพระองค์อยู่พอสมควร พระยาสรรค์บุรีไปเอากำลังมาจากกรุ งศรีอยุธยา เนื้อแท้จริงๆ ถ้ารบกันพระยาสรรค์ก็หัวขาด แต่ทว่าพระเจ้าตากสินคิดว่า ถ้าเกิดสู้กันจริงๆ งานที่คิดไว้ก็ไม่เป็นผล เพราะว่าขุนดาบ ๑๐ พระยานี่ไม่รู้เรื่อง ถ้ารบก็ต้องรบถึงขั้นแตกหักกันจริงๆ พระองค์จึงห้ามปราม ๑๐ พระยานั่น ปล่อยให้พระยาสรรค์จับ
เรื่องการลงโทษพระสงฆ์ของพระเจ้าตากสิน เรื่องนี้ก็หลอกกัน เมื่อพระสงฆ์ทำผิดเรียกมาสอบสวน เวลาจะลงโทษ ก็เอานักโทษมาโกนหัวเอาผ้าเหลืองนุ่งแล้วก็เฆี่ยนตี เขาก็หาว่าท่านบ้าเฆี่ยนพระ แต่ความจริงพระไม่ได้ถูกเฆี่ยน พระองค์ทำให้คนอื่นเขาเห็นว่าบ้า นี่สติฟั่นเฟือน การจับให้ออกจากพระมหากษัตริย์ก็เป็นของธรรมดา
เมื่อพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทราบเรื่องพระยาสรรค์ทำเกินเหตุ จึงยกทัพกลับ จับพระยาสรรค์บุรีประหารชีวิตเสีย ได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีคำสั่งให้เอาพระเจ้าตากสินมหาราชมาประหารชีวิต โดยการใส่กระสอบแล้วทุบด้วยท่อนจันทน์จนตาย แต่คนที่อยู่ในกระสอบไม่ใช่พระเจ้าตากสิน ครั้งแรกมีราชองครักษ์ของพระองค์มีความจงรักภักดีมาก อาสาตายแทนพระเจ้าตากสิน แต่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าไม่เอา ให้เอานักโทษประหารชีวิตมาใส่กระสอบทุบด้วยท่อนจันทน์ตายแทน
ราชองครักษ์นั่นก็ถูกฆ่าด้วยในฐานะที่รู้เรื่องเข้าเดี๋ยวปากจะมากไป และแล้วกลางคืนวันหนึ่งก็ลงเรือจากปากท่อไปยังนครศรีธรรมราช บวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แถวนั้นเขาเรียกกันว่า หลวงตาพรหมา ปัจจุบันเรายังพบซากกุฏิร้างอยู่เชิงเขา แถวนั้นเป็นป่าลึก สงัดมาก ท่านเจริญพระกรรมฐานอยู่ที่นั้นจนสิ้นชีวิต
หลังจากนั้นไม่นาน สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็สั่งประหารชีวิตลูกชายพระเจ้าตากสิน ๒ คน บอกว่าตัดบัวแล้วจงอย่าไว้ใย แต่ปรากฏว่าลูกชายคนหนึ่งไปโผล่ที่นครศรีธรรมราช เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานที่นั่น อีกคนหนึ่งค้าขายเรือสำเภากับต่างประเทศ
เป็นอันว่าพระเจ้าตากสินมหาราชก็ถูกประหารชีวิตตามรับสั่งของสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลก ตามความเป็นจริงท่าน(ท่านท้าวผกาพรหม)เล่าให้ฟังอย่างนี้
มิช้ามินานเจ้าสัวเขาก็มาทวงเงินคืนพร้อมกับเอาถ้วยโถโอชามมาขายด้วย พอเรือสำเภาของเจ้าสัวเลี้ยวเข้ามาในเขตจันทบุรี ตราด ก็ถูกลมสลาตันคือลมหอกลมดาบพัดกระหน่ำจนเรือจมอยู่ที่นั่น
เป็นอันว่า ทั้งสองพระองค์ต้องยอมเสียชื่อเสียง เสียศักดิ์ศรีทั้งสองฝ่ายก็ต้องขอบคุณท่าน “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยอมเสียชื่อเสียงให้คนเขาเข้าใจว่าเป็นบ้า และถูกออกจากกษัตริย์”
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ต้องยอมเสียชื่อในฐานะเป็นขบถ แต่ความจริงทั้งสองท่านนี้ทำเพื่อไทยทั้งชาติ ให้ชาติไทยทรงอยู่
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”