นางสาวไทย (Miss Thailand) เป็นการประกวดนางงาม รายการแรกของประเทศไทยนั้นเองค่ะ โดยที่ในยุคแรก จะจัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมส่งเสริมในงานฉลองรัฐธรรมนูญ แต่ต่อมาจัดขึ้นเพื่อส่งผู้ชนะเลิศเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปประกวดนางงามจักรวาล (Miss Universe) และในปัจจุบันจัดขึ้นเพื่อให้เป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวด้วยนะค่ะ
ประวัติการประกวดนางสาวไทย สามารถแบ่งออกเป็น 5 ยุคสมัยค่ะ
นางสาวไทย ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2477- พ.ศ. 2483)การประกวดนางสาวไทย จัดครั้งแรกในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยใช้ชื่อว่า "นางสาวสยาม" โดยรัฐบาลได้จัดขึ้นในงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญ ภายใน พระราชอุทยานสราญรมย์ ซึ่งเป็นสโมสรคณะราษฎร และในปี พ.ศ. 2477 เป็นการเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญเป็นปีที่สอง แต่เริ่มจัดการประกวดนางสาวสยามเป็นปีแรก โดยมีการกำหนดระยะเวลาจัดงาน 5 วันค่ะ คือวันที่ 8 - 12 ธันวาคม พ.ศ. 2477 โดยที่ในคืนวันที่ 8 ธันวาคม เป็นการคัดเลือก นางสาวธนบุรี คืนวันที่ 9 ธันวาคม เป็นคัดเลือก นางสาวพระนคร ( สมัยนั้นเขาแบ่งเป็นสองจังหวัดค่ะ คือ จังหวัดธนบุรี และ จังหวัดพระนตร) และในคืนวันที่ 10 - 12 ธันวาคม ก็เป็นการประกวด นางสาวสยาม โดยผู้เข้าประกวดแต่งกายด้วยชุดไทยห่มสไบเฉียง นุ่งซิ่นยาวกรอมเท้า ต่อมาในปีพ.ศ. 2482 จึงเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อกระโปรงติดกัน ตัดเย็บด้วยผ้าไหมของไทย เสื้อเปิดหลัง กางเกง กระโปรงยาวถึงเข่า และได้เพิ่มการสวมใส่ชุดกีฬา กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุดเปิดหลังในปีถัดมาค่ะ
โดยในยุคที่ 1 จัดการประกวดที่ พระราชอุทยานสราญรมย์ ประเทศไทยมีผู้ได้รับเลือกเป็น "นางสาวสยาม" จำนวน 5 คน และ "นางสาวไทย" จำนวน 2 คน เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งที่ 1 ว่าด้วยนามของประเทศ พ.ศ. 2482 กำหนดเรียกนามของประเทศว่าประเทศไทย ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด ซึ่งใช้คำว่า "สยาม" ให้ใช้คำว่า "ไทย" แทน ดังนั้น การประกวด "นางสาวสยาม" จึงเปลี่ยนมาใช้การประกวด "นางสาวไทย" นับตั้งแต่ พ.ศ. 2482
ขณะที่รัฐบาลกำลังเตรียมจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2484 ซึ่งกำหนดเริ่มในวันที่ 8 ธันวาคม แต่ในเช้าตรู่วันที่ 8 ธันวาคมนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งหลายแห่ง มีการสู้รบกันที่ บางปู สมุทรปราการ อ่าวมะนาว ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ปัตตานี ฯลฯ ประเทศไทยเข้าสู่สภาวะสงคราม งานฉลองรัฐธรรมนูญในปีนั้นจึงถูกยกเลิกทันที และไม่มีการจัดงานไปจนสงครามสงบเลยค่ะ
นางสาวไทย ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2491 - พ.ศ. 2497)หลังจากที่สงครามได้สงบลงแล้ว ในปีพ.ศ. 2488 พระนครบอบช้ำจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรมาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูอยู่ระยะหนึ่ง จนถึงปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลจึงได้จัดงานฉลองรัฐธรรมนูญขึ้นอีกครั้ง และ การประกวดนางสาวไทยในยุคที่ 2 ก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2491 แต่ปี พ.ศ. 2492 มีงานฉลองรัฐธรรมนูญแต่เว้นการประกวดไป ในปีถัดมารัฐบาลกลับมาจัดการประกวดอีกครั้งค่ะ โดยเพิ่มการสวมใส่ชุดว่ายน้ำเข้าไปในการประกวดครั้งนี้ด้วย และได้จัดการประกวดอย่างต่อเนื่องมาจนถึง พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่รัฐบาลเป็นผู้มีบทบาทในการจัดการประกวด เนื่องจากงานฉลองรัฐธรรมนูญได้ถูกยกเลิกไปอีก เพราะเหตุผลทางการเมืองในช่วงรอยต่อของประชาธิปไตยและเผด็จการ การประกวดนางสาวไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองรัฐธรรมนูญจึงไม่ได้จัดขึ้นด้วย
นางสาวไทย ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2507 - พ.ศ. 2515)จากการที่งานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญได้ถูกยกเลิกไป ทำให้ไม่มีการประกวด นางสาวไทยในช่วงเวลาดังกล่าว แต่มักจะมีการจัดในระดับท้องถิ่น หรือการประกวดเนื่องในโอกาสหรือวาระพิเศษต่างๆค่ะ เช่น การประกวดเทพีลุมพินี ที่ สวนลุมพินี (คนสมัยนั้นส่วนใหญ่จะเรียกสวนลุมพินีรวมว่า สนามมวยเวทีลุมพินีแต่ไม่ได้เป็นจัดการประกวดในสนามมวยแต่อย่างใดนะค่ะ) , การประกวดนางสาวไทย โทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม , การประกวดนางงามตุ๊กตาทอง โดยจัดขึ้นในงานการประกวดภาพยนตร์ชิงรางวัลตุ๊กตาทองนั้นเองค่ะ , การประกวดสาวงาม องค์กฐินชิงถ้วย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นต้น
แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2503 สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ทดลองจัดการประกวด "นางงามวชิราวุธ" ขึ้นในงานวชิราวุธานุสรณ์ ซึ่งเป็นงานที่สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ องค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ อีกวัตถุประสงค์คือ เพื่อสร้างความบันเทิง แก่ประชาชนผู้มาเที่ยวงาน ส่วนสถานที่จัดงานคือบริเวณ พระราชอุทยานสราญรมย์ จากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งมีความสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมายของการจัดประกวด นางสาวไทย ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยการใช้ตำแหน่งนางสาวไทย เป็นสื่อเผยแพร่ชื่อเสียง ให้แก่ประเทศ และ ใช้รูปแบบของการเข้าร่วมประกวดนางงาม ระดับชาติทำให้ชาวต่างชาติรู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้นนั้นเองค่ะ ดังนั้นในปี พ.ศ. 2507 คณะกรรมการการจัดงานวชิราวุธานุสรณ์ ได้มีการเปลี่ยนชื่อการประกวดมาเป็นการประกวด "นางสาวไทย "
นางสาวไทย ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2527- พ.ศ. 2542)ในปี พ.ศ. 2516 ได้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นในบ้านเมืองขึ้นอีกครั้ง ทำให้การประกวดนางสาวไทยต้องหยุดจัดไป จนปี พ.ศ. 2527 สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ โดย นายชาติเชื้อ กรรณสูต นายกสมาคม และเป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ได้รื้อฟื้นการจัดประกวดนางสาวไทยขึ้นอีกครั้ง เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปประกวดนางงามจักรวาล โดยในปี พ.ศ. 2527 ได้จัดการประกวดขึ้นที่ เวทีกลางแจ้ง โรงแรมแกรนด์พาเลซ พัทยาจ.ชลบุรี แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ได้จัดการประกวดที่เวทีกลาง สวนน้ำสวนสยาม ซึ่งในปีนั้นได้เกิดฝนตกอย่างหนักเลยค่ะ ทำให้การประกวดต้องหยุดชะงักเป็นช่วงๆ เป็นอุปสรรคต่อการประกวดมากๆเลย แต่หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2529 เป็นต้นมา การประกวดจึงได้จัดในอาคาร ซึ่งจากการเว้นว่างการประกวดไปนานหลายปี ทำให้ช่วงสองปีแรกไม่ได้รับความสนใจจากผู้คนเท่าใดนัก ทั้งผู้สมัครที่มีจำนวนน้อยและหาผู้สนับสนุนการประกวดยาก หลังจากนั้นผู้คนเริ่มรู้จัก "นางสาวไทย" กันมากขึ้น จึงมีผู้สนใจสมัครเข้าประกวด และภาคเอกชนก็เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนต่างกันมากเลยค่ะ นางงามคนที่ 36 ได้เข้าประกวดเป็นครั้งสุดท้ายในปี1999 สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ดูแลการผลิตรายการของช่อง7สีได้รับผิดชอบการประกวดสิ้นสุดการประกวดนางงามช่อง7สี ปี พ.ศ. 2542
นางสาวไทย ยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2543 - ปัจจุบัน)เนื่องจากเกิดปัญหาเรื่องสิทธิประโยชน์ในชื่อ "นางสาวไทย" ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์คือสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ กับเจ้าของสิทธิ์ในการจัดการประกวดคัดเลือกตัวแทนสาวไทยไปประกวดนางงามจักรวาล คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องแยกกันจัด โดยทางสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ยังจัดการประกวดนางสาวไทยต่อไป แต่นางสาวไทยไม่ได้สิทธิ์ไปประกวดนางงามจักรวาล และสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ได้ ให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีเป็นผู้ดำเนินการจัดการประกวด โดยมีการพัฒนารูปแบบการจัดประกวดให้เหมาะสมกับความเป็น กุลสตรี สภาพเศรษฐกิจ และ สังคมในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เช่น การยกเลิกการใส่ชุดว่ายน้ำบนเวที เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของสตรีไทย , การใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อการประมวลผลคะแนน , การวัดระดับ IQ และEQ รวมทั้งการนำความสามารถพิเศษของผู้เข้าประกวด มาใช้ประกอบในการพิจารณาการตัดสินของคณะกรรมการ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดในทุกๆด้าน ไม่ใช่แต่เพียงความสวยอย่างเดียว นอกจากนี้ยังได้จัดให้มีการประกวดรอบคัดเลือกในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเปิดโอกาส ให้ผู้หญิงไทยทั่วประเทศ ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประกวดอย่างทั่วถึงนั้นเองค่ะ โดยในยุคนี้ ผู้ที่ได้รับตำแหน่ง นางสาวไทยจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง "ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว" ด้วยนะค่ะ โดยทำหน้าที่เผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณีของไทย ให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก ซึ่งต้องเดินทางไป ยังสำนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่มีสำนักงานสาขาถึง 17 แห่งทั่วโลก รวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตามจังหวัดต่างๆ ภายในประเทศตลอดทั้งปีอีกด้วย โดยจุดมุ่งหมายของการประกวดในยุคนี้ ตรงกับแนวคิดของคำว่า "นางสาวไทย" ที่คนไทยเข้าใจความหมาย จึงได้รับการสนับสนุนจากองค์กรและส่วนราชการต่างๆ มากมายเลย อาทิเช่น สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
รายนามนางสาวไทยและรองนางสาวไทยนับจนถึงปี พ.ศ. 2550 มีการจัดประกวดนางสาวไทยมาแล้ว 43 ครั้งค่ะ โดยมีผู้ได้รับตำแหน่งนางสาวสยาม 5 คน, รองนางสาวสยาม 4 คน, นางสาวไทย 38 คน และรองนางสาวไทย 128 คน ทั้งนี้ มีนางสาวไทยสองคน ที่เคยรับตำแหน่งนางงามจักรวาลได้แก่ อาภัสรา หงสกุล และ ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก
คุณป้า อมรา อัศวนนท์
สาวลูกครึ่งไทย - ฝรั่งเศส เคยเป็นตัวแทนประเทศไทยในการไปประกวดนางงามจักรวาลนะค่ะ ถึงแม้ว่าจะได้รองอันดับ 1 นางสาวไทยปี 2496 ก็ตาม (ซึ่งในปีนั้น คุณอนงค์ อัชวัฒนา 2496) สาเหตุที่ได้ไปประกวดเพราะกองประกวดได้ลงมติว่า คุณอมรา ฯ พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่า คุณคุณอนงค์ ทางกองประกวดนางสาวสยามเลยมีมติส่ง คุณ อมราฯ ไปประกวดแทนที่จะเป็นคุณอนงค์ ค่ะ แต่คุณอมราฯ เองก็ไม่สามารถผ่านเข้ารอบได้นะ
สถานที่จัดการประกวด
1.พระราชอุทยานสราญรมย์ พ.ศ. 2477-2481, พ.ศ. 2507-2515
2.สวนอัมพร พ.ศ. 2482-2494, พ.ศ. 2547
3.สวนลุมพินี พ.ศ. 2495-2497
4.เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2527 (โรงแรม แกรนด์ พาเลซ), พ.ศ. 2549 (โรงละครไทยอลังการ)
5.สวนสยาม พ.ศ. 2528
6.บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว พ.ศ. 2529-2537, พ.ศ. 2540-2542, พ.ศ. 2554
7.ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พ.ศ. 2538, พ.ศ. 2543-2545
8.อิมแพ็ค เมืองทองธานี พ.ศ. 2546 (อารีนา), พ.ศ. 2550 (รอยัล จูบิลลี บอลรูม)
9.รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน พ.ศ. 2551
10.โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์ คอมเพล็กซ์ พ.ศ. 2552,2553,2556
11.ห้องแจ้งวัฒนะฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ พ.ศ. 2555
พิธีกรชาย
1.เรวัต พุทธินันทน์ (พ.ศ. 2527)
2.พลากร สมสุวรรณ (พ.ศ. 2528-2531)
3.ธงไชย แมคอินไตย์ (พ.ศ. 2529-2530)
4.วิทวัส สุนทรวิเนตร์ (พ.ศ. 2532-2540)
5.วรฑา วัฒนะชยังกูร (อภิวัฒน์ วัฒนางกูร) (พ.ศ. 2541-2542)
6.ยุรนันท์ ภมรมนตรี (พ.ศ. 2543-2544)
7.กิตติ สิงหาปัด (พ.ศ. 2545)
8.สหรัถ สังคปรีชา (พ.ศ. 2546)
9.อนุชิต จุรีเกษ (พ.ศ. 2547)
10.เมทนี บุรณศิริ (พ.ศ. 2549)
11.เรืองฤทธิ์ แมคอินทอช (พ.ศ. 2550)
12.สัญญา คุณากร (พ.ศ. 2551)
13.วุฒิธร มิลินทจินดา (พ.ศ. 2552)
14.ภัทรพล ศิลปาจารย์ (พ.ศ. 2553)
15.ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ (พ.ศ. 2555)
16.ธีรภัทร์ สัจจกุล (พ.ศ. 2556)
พิธีกรหญิง
1.กาญจนา จินดาวัฒน์ (พ.ศ. 2527)
2.ปิยะมาศ โมนยะกุล (พ.ศ. 2528)
3.มยุรา เศวตศิลา (พ.ศ. 2531-2537)
4.ปรียานุช ปานประดับ (พ.ศ. 2533)
5.ยลดา รองหานาม (พ.ศ. 2535)
6.จิระประภา เศวตนันทน์ (พ.ศ. 2537)
7.อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ (พ.ศ. 2538, พ.ศ. 2544)
8.ผุสชา โทณะวนิก (พ.ศ. 2541-2542)
9.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ (พ.ศ. 2544)
10.สุจิรา อรุณพิพัฒน์ (พ.ศ. 2551)
11.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี (พ.ศ. 2556)
สถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดการประกวดนางสาวไทย
ช่อง 4 บางขุนพรหม พ.ศ. 2507 - พ.ศ. 2515 (ครั้งแรก)
ช่อง 7 สี พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2542
ไอทีวี/ทีไอทีวี พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2550
โมเดิร์นไนน์ทีวี พ.ศ. 2551 - ปัจจุบัน (ครั้งที่ 2)
มีรอยยิ้มที่สวยงามมากค่ะ ^^