10 ทะเลสาบสุด "มหัศจรรย์" บนโลก

ทะเลสาบเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยผืนดิน โดยทั่วไปทะเลสาบจะไม่มีทางไหลออกสู่ทะเล หากมีการจัดอันดับสถานที่สุดมหัศจรรย์บนโลกนี้ หนึ่งในนั้นต้องมีทะเลสาบแน่นอน วันนี้เราจึงได้รวบรวมทะเลสาบสุดมหัศจรรย์มาให้ดูกัน ไปชมกันเลยดีกว่า

ที่มา : linethaitravel

10. ทะเลสาบนากูรู (Nakuru Lake)

ทะเลสาบนากูรู ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบนากูรู ในเขตริฟท์ วัลเล่ย์ หรือเขตที่ราบสูงและหุบเขาใจกลางประเทศเคนย่า เนื่องจากน้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีความ ลึกเพียงไม่กี่เมตร ทั้งยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุและสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว จึงเป็นแหล่งอาหารอันโอชะของฝูงนกฟลามิงโก้สีชมพูจำนวนมหาศาล
นอกจากนกฟลามิงโก้แล้ว บริเวณโดยรอบทะเลสาบแห่งนี้ ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกชนิดต่างๆ อีกมากกว่า 400 สายพันธุ์ จึงถือเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก

9. ทะเลสาบพิตช์ (Pitch Lake)

ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในเมือง La Brea ของตรีนิแดด ถือเป็นแหล่งแอสฟัลท์ (ยางมะตอย) ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ของทะเลสาบแห่งนี้ เกือบ 2 หมื่นคน
นอกจากทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาแล้ว ทะเลสาบพิตช์ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของบริษัทผู้ส่งออกปูนซิเมนต์ และเป็นแหล่งของยางมะตอยที่นำมาใช้ในการราดผิวถนนทั้งในตรินิแดดและโตเบโก

8. ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea Lake)

เดดซี เป็นทะเลสาบที่อยู่ระหว่างประเทศจอร์แดนและอิสราเอล โดยอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในบรรดาทะเลทั้งหลาย สาเหตุที่เรียกว่าเดดซีเพราะทะเลสาบแห่งนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งอื่น เมื่อเวลาผ่านไปน้ำในทะเลสาบระเหยขึ้น แต่เกลือยังตกค้างอยู่ในบริเวณเดิมทำให้น้ำในทะเลสาบเดดซีมีความเค็มมากกว่า น้ำทะเลปกติถึง 8.6 เท่า จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ทำให้ถูกตั้งชื่อว่า “เดดซี” หรือทะเลสาบมรณะนั่นเอง
กล่าวกันว่า เกลือและโคลนดำจากทะเลสาบ เดดซี ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุ มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งทั้งทางด้านการรักษาโรคและเสริมความงาม จึงมีผู้นำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย

7. ทะเลสาบติติกากา (Titicaca Lake)

ทะเลสาบติติกากา ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของประเทศโบลิเวียและเปรู ถือเป็นทะเลสาบที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่าทะเลสาบใดๆ ในโลก (เหนือระดับน้ำทะเล 12,500 ฟุต) และยังได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ (เมื่อพิจารณาตามปริมาณน้ำ) อีกด้วย 
แม้ว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่มากมายในทะเล สาปแห่งนี้ จะมาจากน้ำฝน ธารน้ำแข็งที่ละลาย แม่น้ำสายหลัก 5 สาย และลำธารขนาดเล็กอีก 20 แห่ง แต่ช่องทางในระบายน้ำออกจากทะเลสาบแห่งนี้มีเพียงทางเดียวคือ การไหลออกทางแม่น้ำริโอ เดอซากัวเดโร แต่ก็ไหลออกได้เพียง 10 % ของปริมาณน้ำทั้งหมดที่ไหลเข้ามาในทะเลสาบเท่านั้น

6. ทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes)

ทะเลสาบพลิทวิเซ่ เป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ประกอบด้วยทะเลสาบมากถึง 16 แห่งที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ และถูกกั้นออกจากกันโดยเขื่อนธรรมชาติซึ่งเกิดจากคราบหินปูนที่ทับถมพอกพูน ขึ้นเป็นชั้นหนา อันเป็นที่อยู่อาศัยของมอส สาหร่าย และแบคทีเรีย 
ในแต่ละปี มอส สาหร่าย และแบคทีเรีย เหล่านี้จะแพร่ขยายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขื่อนกั้นทะเลสาบมีความสูงเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 1 ซ.ม. นอกจากความสวยงามแล้ว ทะเลสาบแห่งนี้ยังแวดล้อมไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ หมีสีน้ำตาล นกอินทรี และนกชนิดอื่นๆ อีกราว 140 สายพันธุ์ องค์การ UNESCO จึงประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1979 (พ.ศ. 2522)

5. ทะเลสาบ ลากูน่า โคโลราด้า (Laguna Colorada Lake)

ทะเลสาบสีแดง หรือ “ลากูน่า โคโลราด้า” หรือ เรด ลากูน เป็นทะเลสาบน้ำเค็มและตื้น ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโบลิเวีย ภายในอุทยานแห่งชาติ Eduardo Avaroa Andean Fauna ใกล้กับพรมแดนของประเทศชิลี 
ทะเลสาบแห่งนี้ประกอบด้วยสันดอนบอแรกซ์สีขาวสว่างที่เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ ตัดกับสีแดงของน้ำในทะเลสาบที่เกิดจากตะกอนและสีของสาหร่าย อันเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของนกฟลามิงโก้ หลายสายพันธุ์

4. ทะเลสาบเดือด (Boiling Lake)

ทะเลสาบสีน้ำเงิน-เทาที่กำลังเดือด ปุดๆ ดังที่เห็นในภาพนี้มีชื่อว่า “Boiling Lake” ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ “Morne Trois Pitons National Park” ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศโดมินิกา (คนละประเทศกับโดมินิกัน)
“Boiling Lake” เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลสาบ Frying Pan Lake ของประเทศนิวซีแลนด์) มีความกว้างราว 60 เมตร ลึก 59 เมตร อุณหภูมิริมทะเลสาบอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส แต่ยังไม่สามารถวัดอุณหภูมิใจกลางทะเลสาบที่กำลังเดือดปุดๆ ได้

3. ทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟเคลิมูตู (Kelimutu)

ทะเลสาบ บนปล่องภูเขาไฟเคลิมูตู บนเกาะฟลอเรส ประเทศอินโดนีเซีย
“เคลิมูตู” คือ ภูเขาไฟที่ตั้งอยู่บนเกาะฟลอเรส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซุนดาน้อย ในประเทศอินโดนีเซีย บริเวณปากปล่องเป็นที่ตั้งของ ทะเลสาบ 3 สี ได้แก่ ทะเลสาป Tiwu Ata Mbupu ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกและมีสีน้ำเงิน ส่วน ทะเลสาบ ที่อยู่เคียงคู่กันทางทิศตะวันออก คือ ทะเลสาบ Tiwu Nuwa Muri Koo Fai ซึ่งมีสีเขียว และทะเลสาบ Tiwu Ata Polo ที่มีสีแดง ทะเลสาบสีน้ำเงิน

2. ทะเลสาบสปอท (Spotted Lake)

ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยด่างดวงแห่งนี้ อยู่ใกล้ถนนไฮเวย์ในเมืองโอซอยออส รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา แม้ จะมีชื่อว่า “สปอท เลค” ตามลักษณะทางกายภาพที่เห็น แต่ทะเลสาบขนาด 38 เอเคอร์ (96 ไร่) แห่งนี้ ยังคงถูกคนบางกลุ่มเรียกตามภาษาพื้นเมืองว่า “Klikuk” 

“สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีแร่ธาตุอื่นๆ อีก 8 ชนิด ทั้งยังมีธาตุโลหะล้ำค่าอย่าง เงิน และ ไททาเนียม เจือปนอยู่ในปริมาณเล็กน้อย

1. ทะเลสาบห้าสี (Five-Flower Lake)

ทะเลสาบห้าสี หรือทะเลสาบกระจก อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารสวรรค์จิ่วจ้ายโกว
(หุบเขาชาวทิเบตเก้าหมู่บ้าน) ทางตอนเหนือของมณฑลเสวน สาธารณรัฐประชาชนจีน อุทยานดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การUNESCO
เมื่อปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) และเป็นเขตสงวนชีวมณฑล หรือ World Biosphere Reserve เมื่อปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) สีสันที่สวยงามของน้ำในทะเลสาบห้าสี เกิดจากแคลเซียม คาร์บอเนต และบรรดาพืชน้ำชนิดต่างๆ ที่เจริญเติบโตอยู่ในทะเลสาบ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความสวยงาม ทำให้น้ำเป็นสีฟ้าและสีเขียวเท่านั้น หากยังทำให้น้ำใสแจ๋วราวกับกระจก นักท่องเที่ยวจึงสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน และยังมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าสะท้อนลงบนผิวน้ำจนปรากฏเป็น ภาพที่สวยตะลึง!

Credit: http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20140327165624120
29 มี.ค. 57 เวลา 16:18 2,671 1 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...