คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ เป็นส่วนที่ แคบที่สุดของแหลมมลายูอยู่ในเขตบ้านทับหลี ตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง กับ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ประมาณกิโลเมตรที่ 545 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ห่างจากเขตเทศบาลเมือง 66 กิโลเมตร ในบริเวณนี้มีแผ่นป้ายคอนกรีตขนาดใหญ่จำลอง
คอคอดกระ มีระยะทางจากฝั่งทะเลตะวันตกจรดฝั่งตะวันออกกว้างเพียง 50 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนนี้นับเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ได้รับความสนใจตั้งแต่ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ในการที่จะขุดคลองตัดผ่าน จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 4 ฝรั่งเศษคิดจะขุดคอคอดกระเพื่อร่นระยะทางในการเดินเรือจากฝั่งทะเลอันดามัน ข้ามมายังฝั่งอ่าวไทย โดยไม่ต้องอ้อมไปทางแหลมมลายู แต่เนื่องด้วยความขัด แย้งทางผลประโยชน์กับอังกฤษที่เป็นเจ้าของกิจการท่าเรือในปีนังและสิงคโปร์ โครงการนี้จึงระงับไป
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองในสนธิสัญญษสมบูรณ์แบบไทยยินยอมที่จะไม่ขุดคลองคอคอดกระหากไม่ได้รับความยินยอมจากอังกฤษก่อน
ปรีดี พนมยงค์ได้เสนอให้ขุดคลอง เมื่อ กุมภาพันธ์ พ.ศ.2501 แต่ ยังคงไม่มีการขุดคลองแต่อย่างใดจวบจนปัจจุบัน ซึ่งมีหลายเหตุผลคัดค้านรวมถึงไม่ต้องการให้ประเทศแยกออกเป็นสองส่วนผนวกกับ ประเทศสิงคโปร์กลัวจะเสียผลประโยชน์ด้วย
ใน พ.ศ.2544 วุฒิสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของ โครงการขุดคอคอดกระ ผลการศึกษาที่รายงานต่อที่ประชุมมีสาระสำคัญให้เรียกชื่อคลองว่า "คลองไทย" และบริเวณที่ขุดมิใช่คอคอดกระ เนื่องด้วยเหตุผลทางวิศวกรรมศาสตร์ อันได้แก่สภาพพื้นที่ที่ต้องขุดที่คอคอดกระนั้นเป็นหินและภูเขา และความมั่นคงเนื่องจากบริเวณคอคอดกระอยู่ที่ชายแดนพม่าปากแม่น้ำกระ บุรี บริเวณที่วุฒิสภาเห็นว่ามีความเป็นไปได้และเกิดประโยชน์สูงสุดในการขุด คลองไทย คือ เส้นทาง 9A ผ่านจังหวัดกระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา ระยะทาง 120 กิโลเมตร
โครงการนี้หากสำเร็จจะเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ประเทศไทย หากแต่ความไม่เห็นด้วยของสิงคโปร์และมาเลเซียที่ต่อต้านโครงการมาโดยตลอด เนื่องจากหากประเทศไทยทำโครงการนี้สำเร็จ ทั้ง 2 ประเทศนั้นจะเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล ประเทศไทยก็ไม่กล้าที่จะสร้างโดยมีบางกลุ่มอ้างว่าประเทศไทยจะถูกแบ่งแยกออก จากกัน ขวานทองด้ามจะขาด ซึ่งความจริงหลายประเทศถึงแม้เขาจะมีภูมิประเทศที่แยกออกจากกันเป็นเกาะก็ เห็นจะเป็นปัญหา หากไทยยังมัวคิดถึงแต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถที่จะแข่งขันกันนานาประเทศได้ เราเสียผลประโยชน์มานานดังนั้นเราควรที่จะยืนอยู่บนพื้นฐานความจริงกันดี กว่า...อย่ามัวแต่พูดดีโดยที่ไม่สร้างคุณค่าแก่ประเทศเลยอะไรเลย
ลองคิดดูว่าถ้ามีคลอดลัดระหว่างอันดามันและอ่าวไทย ใครหน้าไหนมันจะเสียเวลาวิ่งเรือไปอ้อมที่ช่องแคบมะละกาอีก แล้วคราวนี้หล่ะผลประโยชน์และรายได้จะตกอยู่กับประเทศใด ?