ชุดแต่งงานของประเทศพม่า
คู่บ่าวสาวชาวพม่ายังคงนิยมสวมชุดประจำชาติในพิธีแต่งงาน โดยทั้งสองฝ่ายจะสวมลองยี (Longyi) ผ้าโสร่งที่ใช้สำหรับวาระพิเศษ ฝ่ายชายสวมเสื้อแขนยาวคอจีน และผ้าโพกศีรษะเรียกว่ากองบอง (Guang Baung) ฝ่ายหญิงสวมเสื้อกระดุมข้างและมีผ้าคลุมไหล่ทับอีกชั้น ทรงผมนิยมเกล้าข้างหรือเกล้ามวยสูง ติดเครื่องประดับทองหรืออัญมณีสูงค่า
ชุดแต่งงานของประเทศฟิลิปปินส์
เนื่องจากประเทศฟิลิปปินส์มีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ บ่าวสาวส่วนใหญ่จัดพิธีแต่งงานภายในโบสถ์ เจ้าสาวส่วนใหญ่นิยมสวมชุดแต่งงานแบบสากล ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวและญาติฝ่ายชาย จะสวมเสื้อบารอง ตากาล็อก (Barong Taglog) ซึ่งเป็นเสื้อคอตั้ง แขนยาว ตัดเย็บจากใยสัปปะรด ที่ด้านหน้าและปลายแขนปักลวดลายสวยงาม
ชุดแต่งงานของประเทศอินโดนีเซีย
เจ้าสาวชาวอินโดนีเซียจะสวมชุดเกบายา (Gebaya) ชุดแขนยาวผ่าหน้า มีกาปักลายฉลุหรือตกแต่งด้วยลูกไม้อย่างประณีตสวยงาม สวมกระโปรงหรือผ้าถุงบาติกยาว หากเป็นมุสลิมจะคลุมผ้าฮิญาบที่ศีรษะ ส่วนฝั่งเจ้าบ่าวจะสวมเสื้อแขนยาว – กางแกงขายาวที่ตัดเย็บจากผ้าบาติก นุ่งโสร่งสั่นแบบชวาทับอีกชั้น ถือเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมแบบมุสลิมและชวาออกมาได้อย่างสวยงามลงตัว
ชุดแต่งงานของประเทศสิงคโปร์
เพราะสิงคโปร์มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างหลากหลาย คู่รักสมัยใหม่จึงนิยมสวมชุดแต่งงานตามแบบสากล หากแต่ยังคงดำรงวัฒนธรรมของชนชาติตัวเองไว้ในพิธีการบางขั้นตอน เช่น ชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีน (ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ) จะยังคงสวมชุดแต่งงานแบบจีนในพิธียกน้ำชาตามธรรมเนียมโบราณ
ชุดแต่งงานของประเทศลาว
สาวลาวจะนุ่งซิ่นสวมเสื้อแขนกระบอก ห่มสไบที่เข้ากับผ้าซิ่นทับเสื้อีกหนึ่งชั้น พร้อมด้วยเครื่องประดับทองครบชุด ทรงผมนิยมเกล้ามวยประดับด้วยปิ่นหรือสายสร้อยทอง ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวสวมชุดสูทสากล หรือนุ่งโจงกระเบนสวมเสื้อกระดุม 7 เม็ด คล้ายเสื้อพระราชทานของบ้านเรา
ชุดแต่งงานของประเทศบรูไน
หนึ่งในกลุ่มประเทศมุสลิม ที่ยังคงสืบสานวัฒนธรรมการแต่งกายที่มิดชิดเรียบร้อยตามวิถีอิสลามอย่างแท้จริง ในพิธีแต่งงานนั้นชาวบรูไนจะสวมชุดประจำชาติ ของฝ่ายชายเรียกว่าบาจู มลายู (Baju Melayu) ประกอบด้วยตัวเสื้อที่ยาวคลุมเข่า – แขนยาว กางเกงขายาว และนุ่งโสร่งทับกางเกงอีกหนึ่งชั้น ส่วนชุดของฝ่ายหญิงเรียกว่า บาจูกุรุง (Baju Kurung) ประกอบด้วยเสื้อแขนยาว – กระโปรงยาวสีสันสดใส ศีรษะคลุมด้วยฮิญาบ (Hijab) นิยมสวมเครื่องประดับครบชุดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
ชุดแต่งงานของประเทศเวียดนาม
คู่บ่าวสาวจะสวมอ่าวหญ่าย (Ao dai) ชุดประจำชาติของชาวเวียดนาม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกี่เพ้าของจีน ประกอบด้วยเสื้อผ้าไหมพอดีตัว สวมทับกางเกงขายาว นิยมสวมหมวกทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
ชุดแต่งงานของประเทศมาเลเซีย
ชาวมาเลย์เชื้อสายมลายูจะแต่งกายชุดประจำชาติในพิธีแต่งงาน ซึ่งมีชื่อเรียกและรูปแบบคล้ายคลึงกับชาวบรูไน คือ บาจู มลายู (Baju Melayu) สำหรับฝ่ายชาย และบาจูกุรุง (Baju Kurung) สำหรับฝ่ายหญิง จะมีข้อแตกต่างกันในเรื่องของสีสัน ซึ่งชาวมาเลย์นิยมใส่สีเรียบๆ มากกว่าจะเน้นสีฉูดฉาดสดใส และรายละเอียดของเนื้อผ้าและการตัดเย็บจะแตกต่างกันไปตามค่านิยมของแต่ละรัฐ ส่วนชาวมาเลย์เชื้อสายจีน นิยมแต่งกายและจัดพิธีตามแบบสากล
ชุดแต่งงานของประเทศกัมพูชา
อีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมการแต่งกายคล้ายคลึงกับประเทศไทย โดยฝ่ายชายจะนุ่งโจงกระเบนสวมเสื้อราชปะแตน เจ้าสาวนุ่งผ้าจีบหน้านาง ห่มสไบสีสันสดใส ทรงผมเกล้าสูงและสวมเครื่องประดับศีรษะขนาดเล็ก ทั้งสองฝ่ายนิยมสวมเครื่องประดับทอง
ชุดแต่งงานของประเทศไทย
ปัจจุบัน คู่บ่าวสาวสมัยใหม่นิยมสวมชุดไทยในพิธีหมั้น หรือพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมไทยในช่วงเช้า ก่อนจะสวมชุดแต่งงานสากลในงานเลี้ยงฉลองช่วงเย็น ซึ่งชุดไทยที่นิยมสวมใส่กันนั้น มีทั้งชุดไทยพื้นถิ่น ชุดไทยพระราชนิยม และชุดไทยประยุกต์ ที่เน้นการสวมใส่ที่ง่ายและสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://wedding.bangkoksync.com/
ซ้ำขออภัยค่ะ