หากมีใครตั้งคำถามว่าถ้ำไหนในเมืองไทยที่สวยงามที่สุดคงเป็นเรื่องยากที่จะตอบเพราะความสวยงาม เป็นเรื่องของบุคคลจินตนาหรือพิศมัย หากถูกจริตของตัวก็อาจตอบว่าชอบว่าสวยหากไม่ถูกจริตก็เป็นไปอีกทิศทางหนึ่ง
แต่ถ้าถามว่าถ้ำไหนในเมืองไทยที่เก่าแก่ที่สุด…คงไม่มีไหนเท่าเพราะมีเถ้าภูเขาไฟอายุ ๑๕ ล้านปีเป็นข้อพิสูจน์เป็นหนึ่งเดียวในสยามนามนั้น…“ถ้ำผาไท”
ถ้าไม่มาก็คงไม่รู้ว่าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท นั้นซ่อนมหัศจรรย์ธรรมชาติไว้อยู่
เหตุผลที่มาตอนแรกเพราะใฝ่ฝันหาอากาศที่เย็นสบายตลอดปี จึงเลือกมาเที่ยวพักผ่อนที่ถ้ำผาไท ซึ่งไม่ผิดหวัง เพราะอากาศร่มรื่นเย็นกำลังดี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีของที่นี่ประมาณ 26 องศาเซลเซียส
อาจด้วยความที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และเป็นพื้นที่ป่า ที่เป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ซึ่งมีความ อุดมสมบูรณ์มาก มีสวนสักกระจายอยู่ทั่วไป จึงทำให้พื้นที่ปกคลุมไปด้วยธรรมชาติที่หล่มรื่น
อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอแจ้ห่ม อำเภองาว จังหวัดลำปาง มีลักษณะภูมิประเทศทั่วไปเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่เป็น พื้นที่ต้นน้ำลำธาร ชั้นที่ 160 มีจุดเด่นและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญ คือ ถ้ำผาไท หล่มภูเขียว บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลม ถ้ำออกรู ห้วยแม่พลึง นอกจากนี้ยังมีน้ำตกขนาดเล็กกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
มหัศจรรย์ธรรมชาติอย่างแรก ที่พบ คือหมู่มวลนกแปลก ที่อาศัยอยู่มากมาย ที่นี่มีนกหายากอยู่มากกว่า 50 ชนิด เช่น นกปีกลายสก๊อต นกเขาเขียว นกเขาเปล้าธรรมดา นกเขาเปล้าหางเข็มทางภาคเหนือ เหยี่ยวขาว อีกทั้งมวลหมู่แมลงหลากชนิดเช่น ผีเสื้อกลางวัน ด้วงหนวดยาว กว่างดาว ด้วงดีด และอีกมากมาย
มหัศจรรย์ที่สอง ที่เดินทางไปพบ คือที่ถ้ำผาไท ถ้ำแห่งนี้ ภายในถ้ำเป็นโถงขนาดใหญ่เกิดจากภูเขาหินปูนอายุไม่น้อยกว่าเก้าล้านปี ความลึกจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 1,150 เมตร ตลอดเส้นทางอุทยานฯได้ติดตั้งไฟฟ้าเพื่อให้สะดวกในการเดินชมหินงอกหินย้อยที่มีอยู่มากมายในถ้ำ นอกจากนี้ภายในถ้ำยังปรากฏมีเถ้าภูเขาไฟอายุ ๑๕ ล้านปี แน่นอนว่านี่คือ ‘หนึ่งเดียวในสยาม’
ที่ถ้ำผาไทแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เคยเสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ. 2469 ดังปรากฏหลักฐาน พระปรมาภิไธยย่อ ปปร. ภายในถ้ำ นอกจากนี้ยังมีค้างคาวจำนวนมากอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ และในบริเวณใกล้เคียงมีถ้ำโจรและถ้ำเสือที่มีประวัติเก่าแก่ สามารถเดินถึงได้จากถ้ำผาไท
เดินทางต่อมาที่ น้ำตกแม่แก้ อยู่ในเขตป่าแม่แก้ ซึ่งเป็นผืนป่าต้นน้ำที่สำคัญ น้ำฝนที่ตกจะถูกดูดซับเก็บไว้ในเทือกเขาแม่แก้ไหลเป็นแม่น้ำลงสู่พื้นล่างสองด้าน ด้านหนึ่งไหลลงไปอำเภอแจ้ห่ม อีกด้านหนึ่งไหลลงมาทางอำเภองาว มาเป็นแม่น้ำสายรองคือ น้ำแม่แก้ เป็นมรดกทางธรรมชาติที่ชาวหล่อเลี้ยงชีวิตชาวลำปาง
ก้าวแรกออกจากรถสัมผัสได้กับอากาศที่เย็นสบาย แม้ว่าเราอากาศในเมืองจะร้อน ความเงียบสงบของบริเวณผืนป่า ทำให้ได้ยินเสียงน้ำตกดังแว่วก้องกังวาน แผ่นน้ำสีเขียวอ่อนสะท้อนแสงรับกับใบไม้เขียวๆ น้ำใสสะอาดจนมองเห็นพื้น
น้ำตกแม่แก้ เป็นน้ำตกเล็กๆ สูงประมาณ 10 เมตร มีชั้นเล็กๆชั้นน้อยๆ ลดหลั่นกันอีก 14 ชั้น แต่ความพิเศษของชั้นน้ำตกที่เป็นน้ำตกหินปูนซึ่งเมื่อเราก้าวเดินแล้วไม่ลื่น
มาถึงสถานที่สุดท้ายที่จะถ้าเกิดไม่มา นี่เสียดายแย่ คือ “หล่มภูเขียว” แอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่บนภูเขา มีเนื้อที่ประมาณ 1-2 ไร่ มีลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟ น้ำในแอ่งลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียว มีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ความเงียบสงบ และน้ำใสๆ นิ่ง มองเห็นตัวปลา เวียนว่าย มันทำให้เราได้หยุดนิ่งคิด อยู่กับธรรมชาติ ช่างเป็นมหัศจรรย์ที่แสนวิเศษ และไม่เคยคิดว่าจะมีธรรมชาติที่แสนสวยเช่นนี้ซ่อนอยู่ ถึงการเดินทางเข้าไปสู่หล่มภูเขียว อาจดูยากลำบาก แต่ว่ามันก็คุ้มค่าที่ได้มาเห็น