ย้อนรอย ไทยยึดอาวุธสงคราม 40 ตันบรรทุกเครื่องบินเกาหลีเหนือ

 

 

 

 

 

ย้อนรอย ไทยยึดอาวุธสงคราม 40 ตันบรรทุกเครื่องบินเกาหลีเหนือ (ข่าววันที่ 12ธค.2552)

ทหารอากาศ พร้อมเจ้าหน้าที่สนามบินดอนเมือง ตรวจยึดเครื่องบินเกาหลีเหนือขนอาวุธสงครามร้ายแรงหนักกว่า 40 ตัน จากกรุงเปียงยาง มุ่งหน้าส่งไปยังยูเครน พร้อมอายัดเคลื่อนย้ายไปยังสนามบินตาคลี นครสวรรค์แล้ว


       
       
       วันนี้ (12 ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำคลังสินค้าภายในประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เข้าทำการตรวจสอบเครื่องบินลำเลียงแบบทหาร รุ่น IL 76 (อิลยูชิน 76) สีขาว เลขข้างตัวเครื่อง 4L-AWA สัญชาติคาซัคสถาน ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเปียงยาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ จุดหมายปลายทางประเทศศรีลังกา เพื่อขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน
       
       จากการตรวจสอบปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พบตู้เหล็กและลังไม้ขนาดใหญ่ บางส่วนแยกบรรจุหีบห่อมาอย่างดี โดยบรรทุกมาเต็มลำเครื่อง รวมน้ำหนักประมาณ 35-40 ตัน แต่ภายในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดกลับเป็นอาวุธสงคราม ประเภทอาวุธหนักหลายชนิด  

หลังตรวจสอบ พบว่า เป็นเครื่องยิงจรวด รุ่น 240 mm. ROCKET LAUNCHER 1985 (M1985) จำนวน 2 ชุดๆ ละ 12 ท่อ รวม 24 ท่อพร้อมหัวจรวด และแท่นเหล็กไว้สำหรับประกอบท่อส่งจรวด 

เครื่องยิงจรวดอาร์พีจีและ หัวรบอาร์พีจี รุ่น TGB-7 โดยระบุว่าเป็น Rocket Head (TBG-7) ขนาด 66x40x27 ซม.บรรจุมาในลังไม้ทั้งหมด 83 ลัง 

และลังไม้อีก 3 ลัง ที่มีการระบุว่าเป็น SAM ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครื่องยิงจรวดแบบประทับบ่ารุ่น SAM 7 ที่ใช้ประทับบ่าคนยิงอากาศยานแบบต่างๆ ที่มีเพดานบินต่ำ เช่น เฮลิคอปเตอร์
ทั้งนี้ เมื่อประเมินมูลค้าอาวุธที่ยึดได้ทั้งหมด เบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท ถือเป็นการยึดอาวุธสงครามขนาดใหญ่ระดับนานาชาติครั้งหนึ่งกันเลยทีเดียว!
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตรวจสอบอาวุธสงครามบนเครื่องบินเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวชาวต่างชาติทั้งหมด 5 คน เป็นชาวเบลารุส 1 คน คาซัคสถาน 4 คน ในจำนวนนี้มีนักบินรวมอยู่ด้วยให้ลงจากเครื่องเพื่อขอทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง


       
      

 

      เบื้องต้นมีรายงานว่า ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสิ่งของที่อยู่บนเครื่องนั้นเป็นเพียงชิ้นส่วน หรืออะไหล่ของอาวุธสงครามเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นอาวุธสงครามร้ายแรงและมีพิรุธในการสำแดงรายละเอียดของสินค้าจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทราบก่อนจะอายัดเครื่องบิน และสินค้าทั้งหมดไว้ พร้อมกับควบคุมตัวชาวต่างชาติทั้ง 5 คนเพื่อรอการสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
       
       ต่อมาเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารอากาศ และทหารบกได้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาขนถ่ายอาวุธสงครามทั้งหมดออกจากเครื่องบิน ก่อนจะประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. นำล่ามภาษาจากตำรวจท่องเที่ยวเข้าทำการสอบปากคำชาวต่างชาติทั้งหมด
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เวลาประมาณ 16.00 น. ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวมาลงจอดที่ประเทศไทยเพื่อเติมน้ำมัน จากนั้นทั้งหมดได้นำเครื่องบินเดินทางไปยังกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ ก่อนจะกลับมาแวะเติมน้ำมันในวันนี้แต่มาถูกตรวจสอบพบว่าในลำเครื่องมีการบรรทุกลำเลียงอาวุธสงครามมาเต็มลำ โดยอาวุธสงครามทั้งหมดนี้คาดว่านำมาจากเกาหลีเหนือแต่จุดหมายปลายทางยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเป็นประเทศใดในแถบตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามในการขนส่งอาวุธสงครามผ่านน่านฟ้าประเทศไทยนั้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ นอกจากนี้ยังอาจมีความผิดฐานสำแดงเท็จด้วย แต่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ


       
       ส่วนของกลางอาวุธสงครามทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ รวมทั้งเครื่องบินนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้นำขึ้นรถบรรทุกไปเก็บรักษาไว้ที่คลังสรรพาวุธ กองบิน 4 ทหารอากาศ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จากนั้นจะประสานพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สรรพาวุธตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบอาวุธสงครามทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนชาวต่างชาติทั้งหมดหลังจากสอบสวนที่คลังสินค้า ดอนเมืองแล้วพนักงานสอบสวนจะนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมและควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังกองปราบปราม

 

 

**เป็นที่น่าสังเกตุว่า จะคล้ายเรื่องเครื่องบิน MH370หรือไม่? ชีวิตลูกเรือ และผู้โดยสารจะเป็นอย่างไร? 

To be continued .... 

Credit: http://board.postjung.com/753762.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...