ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชี้แจงความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการดื่มน้ำ เช่น การดื่มน้ำมากๆ ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก และหากต้องการให้ร่างกายไม่กระหายน้ำก็ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำเปล่าเสมอไป
เบธ คิทชิน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โภชนาการกล่าวว่ามีหลักฐานเพียงน้อยนิดที่บ่งชี้ว่าการดื่มน้ำช่วยลดน้ำหนักได้ มีงานวิจัยเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่ค้นพบว่า คนที่ดื่มน้ำมากจะเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มขึ้นเพียงแค่สองแคลอรี่ต่อวันเท่านั้น ซึ่งนอกจากความเชื่อเรื่องนี้แล้ว ก็ยังมีอีกความเชื่อที่รับรู้กันแพร่หลายอย่างการแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ซึ่งเธอได้อธิบายว่าจริงอยู่ที่คนเราต้องดื่มของเหลวเข้าไปในร่างกาย แต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำเสมอไป และไม่มีหลักฐานว่าน้ำเข้าไปละลายไขมันในร่างกายหรือช่วยทำให้อิ่มท้องขึ้นได้แต่อย่างใด
น้ำเป็นเครื่องดื่มดับกระหายที่ดีที่สุด แต่คิทชินกล่าวว่าการทดแทนของเหลวในร่างกายนั้นยังมีอีกหลายทางเลือก เช่น ชาเขียวหรือน้ำผลไม้แม้กระทั่งเครื่องดื่มที่มีคาแฟอีนอย่างกาแฟซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าไม่นับรวมเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย แต่อันที่จริงแล้วก็สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ร่างกายได้เช่นกัน เมื่อเราดื่มกาแฟ ร่างกายก็จะเก็บของเหลวนั้นไว้ โดยเฉพาะคอกาแฟที่ดื่มเป็นประจำ ร่างกายจะปรับตัวทำให้ลดการสูญเสียของของเหลวได้
อีกหนึ่งความเชื่อยอดฮิตเรื่องน้ำก็คือความเชื่อที่ว่าน้ำเย็นจัดจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น เนื่องจากร่างกายจะต้องเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น ซึ่งคิทชินให้เหตุผลว่าแม้ว่าจะต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นแต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้น้ำหนักลดลงได้
ด็อกเตอร์คิทชินแนะนำโปรแกรมควบคุมน้ำหนัก เช่น โปรแกรม EatRight ที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยอัลบามา หรือโปรแกรมไดเอ็ทแบบกินเยอะ เน้นอิ่มที่เรียกว่า Volumetrics ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ของการควบคุมน้ำหนักคือหากเรากินอาหารหนักๆ ที่มีแคลอรี่ต่ำลง แม้จะไม่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้มากแบบทันตาเห็นเหมือนคนที่ใช้วิธีไดเอ็ตแบบอื่นๆ แต่ก็จะช่วยให้คนที่ไดเอ็ตวิธีนี้อิ่มท้องและไม่รู้สึกหิว และแม้ว่าการดื่มน้ำจะไม่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ แต่การหันไปรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำ เช่น ผัก ผลไม้ หรือซุป ก็จะช่วยให้สามารถลดน้ำหนักได้ในที่สุด