เรื่องของเผ่ากินคน
อันว่า มนุษย์กินคน จ้าวแห่งนักล่านั้น มีมานานแล้วนับแสนนับล้านปี
ปัจจุบันเราเรียกคนกินเนื้อคนพวกเดียวกันเองว่า Cannibalism ซึ่งแปลว่า "มนุษย์กินคน"
มีคำถามว่า "พวกมนุษย์กินคนยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อยู่หรือไม่"
คำตอบคือ ยังมีอยู่ครับ แถมยังอยู่ในทุกทวีปทั่วโลกซะด้วย และที่สำคัญ พวกนี้มิได้อยู่ไกลจากเราเลยครับ
ชนเผ่า อาปาเช่ ซึ่งได้ อพยพมาจากแคนาดาตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณพันกว่าปีมานี้เอง และชนเผ่านี้เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดประเพณี การล่าหัวมนุษย์ต่างเผ่า ซึ่งสร้างความกลัวให้แก่คนผิวขาวมานานเนิ่นภายหลังเผ่าอาปาเช่ ได้ผู้นำเก่ง "เจอโรนิโม" ทำสงครามกองโจรกับสหรัฐฯ และเม็กซิโก ต่ออีกหลายปี เจอโรนิโม ได้นำนักรบอาปาเช่ ต่อสู้กับสหรัฐ จนถึงปี ค.ศ. 1885 เป็นชนพื้นเมืองเผ่าสุดท้ายที่ต่อต้านผู้รุกรานชนผิวขาว
ว่ากันว่า หากพวกเขาจับชาวผิวขาวได้ จะนำมีดเชือดสัตว์ ปาดตอ แล้วถลกหนังศีรษะกันสดๆเลยครับ ส่วนเนื้อช่วงลำคอจะนำไปกินกันบ้าง เพราะเขาเชื่อว่า หากบริโภคสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตาม จะได้รับคุณสมบัตินั้นๆของตัวเหยื่อ
จนกระทั่งอเมริกายึดครองพื้นดินแถบนั้นได้หมด ทำให้ประเพณีดังกล่าวนี้หมดไปโดยสิ้นเชิง
ชนเผ่าซึ่งอาศัยในป่าดงดิบลึกๆ ชนเผ่านี้คาดคะเนไม่ได้ว่าพวกเขาอยู่เผ่าอะไร และกระจายไปตามทั่วโลก ชาวเผ่าเผ่านี้จะกินเนื้อเพื่อเป็นพิธีทางศาสนาและไสยศาสตร์เท่านั้น และที่ร้ายๆคือ ชนป่ากลุ่มนี้ยังมีอยู่ในเขตป่าดิบชื้ออย่างป่าสาละวิน ตอนเหนือของพม่าอินเดียขึ้นไป ซึ่งอยู่ในเขตของประเทศไทยเราซะด้วย ซึ่งเราอาจเรียกพวกเขาว่า "พวกล่าหัว"
และหากว่าพวกเขาเจอมนุษย์จากสังคมภายนอกเข้ามาหลงทางในป่า พวกเขาจะออกตามล่าทันที ซึ่งมนุษย์ภายนอกจะต้องหนี ซึ่งพวกนี้จะไล่ต้อนจนกระทั่งประสาทเสีย ก่อนที่จะจับได้ หากเป็นผู้หญิงจะถูกข่มขืนเรียงคิว ทั้งหมู่บ้านมีเท่าไหร่ก็ออกมาเรียงคิวเท่านั้น พอข่มขืนเสร็จก็นำก้อนหินทุบเข้าที่ศีรษะจนกระโหลกบิดบู้บี้ และนำหินที่ลับจนคม หั่นคอทั้งเป็น และเฉือนเนื้อมาทำอาหารกันสดๆ
เผ่าเลกุลุ ในนิวกินี ซึ่งจะจับเชือดคอเหยื่อ ตัดหัวทั้งเป็น โดยส่วนมาก เผ่านี้จะนำเนื้อส่วนเอ็นมาบริโภคอย่างเอร็ดอร่อย แบบต้มเเซ่บ และกินเนื้อส้วนภายนอกของร่างกายเท่านั้น แต่ทว่า พวกเขา จะไม่แตะต้องส่วนของสมองและเครื่องใน ตับ ไต ไส้ พุง เพราะมีความเชื่อว่า เป็นแหล่งสะสมพิษ
ต่อมาทางการได้ตัดถนนเข้าไปในป่า ทำให้ประเพณีเช่นนี้เริ่มหมดไปจากคนป่าเผ่านี้ คงเหลือแต่เศษซากหัวกระโหลกและกระดูกมนุษย์ที่ คนป่าเผ่าเลกุลุ นำมาเป็นเครื่องรางของขลัง
ชนเผ่า อัชติ อยู่แถวแอฟริกาใต้ โดยขั้นตอนการบริโภคของมนุษย์กินคนเผ่านี้จะเน้นไปที่ความมีสามัคคีร่วมครับ เพราะจะมีการผ่าอกกันแบบสดๆเพื่อควักเอาหัวใจมาให้แก่หัวหน้าเผ่า ซึ่งหัวหน้าเผ่าก็จะสวาปามไปซะเดี๋ยวนั้นเลย ส่วนเนื้อและหนังที่แล่ออกมาได้จะนำไปแจกจ่ายทุกคนเพื่อนำไปบริโภค กินกันไปกระดูกก็ยังไม่ทิ้ง แต่จะนำไปขัดมันเพื่อให้หมอผีประจำเผ่าทำเครื่องรางของขลัง ส่วนหนังมนุษย์จะนำไปทำเครื่องนุ่งห่ม
บุคคลรายสุดท้ายที่คาดว่าน่าจะเป็นเหยื่อผู้โชคร้ายจากเผ่านี้ ถูกบริโภคคือ เซอร์ชาร์ลส์ แม็คคาธี่ นักสำรวจ กิตติมาศักดิ์ จากเมืองผู้ดี อังกฤษ นั่นเองครับ โดยถูกเผ่านี้ชำแหละดังว่า และทางการได้ส่งกองกำลังทหารมากวาดล้างหมดแล้ว แต่ไม่แน่ว่า พวกเขาจะหมดไป เพราะป่าในเขตคองโกนั้นกว้างใหญ่มาก
ชนชาติ แอซเทค ซึ่งเป็น 1ใน10อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดนับจากอดีต แต่นอกจากอาณาจักรนี้จะมีวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่แล้ว พวกเขายังมีประเพณีกินเนื้อคนและนำไปบูชายัญด้วย ซึ่งวัตถุดิบในการทำ ส่วนมากจะเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์เท่านั้น และจะจัดแต่งองค์ทรงเครื่องของหญิงสาวคนนั้นให้สะอาดแล้วเชิญให้นอนบนแท่น จากนั้นผู้ประกอบพิธีหลายคนจะยืดแขนและศีรษะของเหยื่อ จากนั้นหมอผีจะทำการคว้านหัวใจออกมา เผ่าเคารพต่อเทพเจ้า บางทีหัวหน้าเผ่าก็จะนำมากินกันเอง เพราะเชื่อว่า จะทำให้เวทย์มนต์มายาของตนนั้นสูงส่งขึ้น
เผ่ากินคนในป่าดิบชื้น"คองโก" หากท่านได้พิจารณาหนังเรื่อง เปรตเดินดิน กินเนื้อคน จะได้รูปแบบมาจากคนป่าในแถบนี้ เพราะนอกจากเผ่านี้ไม่มีชื่อเรียกเป็นของตนเองแล้ว ยังมีพฤติกรรมประหลาดๆคือ เป็นชนนเผ่าที่เรียบง่าย และต้อนรับขับสู้คนนอกเผ่าดี ดูไม่น่าจะมีปัญหานะครับ
แต่......ใครจะรู้ หากทำอะไรขัดใจ หรือไม่เป็นที่พอใจเขา จะจัดการชำแหละร่างอย่างในภาพยนตร์ที่เราดูทันที หากเป็นสตรีนั้น อาจถูกข่มขืนเรียงคิวทั้งเผ่าพันธุ์เลยก็ได้ จากนักเดินทางสำรวจหญิงผู้โชคดีรายหนึ่งกล่าวไว้ว่า เธอได้หลงทางจากป่า และบาดแผลที่ได้จากกับดักช้าง เธอได้รับการช่วยเหลือจากคนป่าเผ่าดังกล่าว หญิงนักสำรวจรายนี้ได้รับการต้อนรับในกระโจมของหัวหน้าเผ่าอย่างดี แต่ภายในกระโจม เต็มไปด้วยหัวกระโหลกของมนุษย์ กระดูก และหนังของมนุษย์แขวนอยู่ ซึ่งคืนนั้นเธอก็นอนไม่เต็มตานัก แต่พอรุ่งเช้าเธอก็กลับได้อย่างปลอดภัย
ชาวเกาะลูซอน ประเทศ ฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านเรานี้เองครับ ซึ่งหากหลายท่านมองสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา
หลายคนจะพูดเป็นเสียงเดียวว่า "ไม่จริง" เพราะชาวเกาะนี้จะแต่งกายดี นุ่งเสื้อเชิ้ต มีเครื่องแต่งกายที่ดูแล้วเป็นคนธรรมดาสามัญเหมือนชนชาวชนบทธรรมดา และไม่ได้มีเผ่าเดียวเท่านั้น แต่จะกระจายตามส่วนต่างๆของเกาะ และรบราฆ่าฟันกันโดยอ้างว่าเพื่อการชิงอำนาจ
โดยการรบนั้นจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บางครั้งอาจยกพวกทั้งเผ่าประทะกัน บางครั้งจะลอบฆ่าทีละคน เมื่อฆ่าศัตรูได้ พวกเขาก็นำมีดมาตัดที่คอเหยื่อ แล้วมัดมือมัดขา เอาสอดเข้าที่คานแล้วแบกไป เสมือนกับขั้นตอนการเชือดหมูและไก่อย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่าเขาไม่ตัดหัวเพื่อนำไปทิ้ง แต่ทว่าหัวนั้นเป็นอาหารชั้นดี หัวหน้าเผ่าเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้ลิ้มลอง
ขั้นตอนการบริโภคนั้นเอาอีโต้ เฉาะ และตอกกระโหลกเหมือนเฉาะผลมะพร้าว เปิดประโหลก ซึ่งจะมองเห็นสมองที่มีเลือดปนเยิ้มๆ แล้วนำไปให้แก่หัวหน้าเผ่ากินทันที แต่หากมีหลายศพ หัวหน้าเผ่าก็ต้องกินได้ไม่เกิน 3 หัวเท่านั้น เพราะต้องแบ่งให้ลูกบ้านบ้าง มิฉะนั้นอาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งผู้นำ และถูกบริโภคแทนเองก็ได้
แต่ทว่า.....เผ่าที่ถูกล่านั้นใช่ว่าจะยอมแพ้กันง่ายๆ หลายครั้งมีการยกพวกมาแก้แค้น เพื่อนำศพของผู้พ่ายแพ้ของตนกลับมาทำพิธีศพตามหลักความเชื่อ
เผ่าดยัค เผ่าอีฟูเกาส์ เผ่า อิเตตาพาน ชื่อไพเราะ เพราะเสนาะหู แต่ขอประทานโทษครับเจ้านาย ดุผิดมนุษย์มนาจริงๆ
ที่สำคัญเผ่าทั้ง3เผ่านี้ไม่ได้กระจุกอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง แต่กรจายออกไปตามชายป่าต่างๆทั่วๆเกาะฟิลิปปินส์
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กล่าวไว้ว่า ทหารญี่ปุ่นแตกทัพจากการโจมตีของทหารชาวมะกัน ได้เข้าไปหลบในเขต มินดาเนา แต่ทว่าต้องพบจุดจบทั้งกองทัพจากการจู่โจมของมนุษย์กินคนทั้ง 3 เผ่าพันธุ์ ดุดีไหมครับ
การบริโภคของเผ่านี้จะนำหินทุบเข้าที่ศีรษะจนหมดสติ จากนั้นก็นำหลาวไม้แหลมๆเสียบเข้าที่รูทวาร จนทะลุออกมานอกปาก และนำไปย่างและแจกจ่ายบริโภคกัน แต่ภายหลัง ได้มีการใช้ปืนผาหน้าไม้ในเผ่า ทำให้เกิดความสะดวกขึ้นครับ แต่ประเพณีบ้าๆนี้ก็ยังมีอยู่จนทุกวันนี้