สำนักข่าว IMM :รายงานลับรัสเซียระบุชัดว่าเป็นฝีมือกองทัพเรือสหรัฐฯที่ยึดเครื่องบินมาเลย์เซียไป เอาไปลงจอดที่ Diego Garcia พวกฝ่ายความมั่นคงของหมีขาวยังงงอยู่ว่ามีเหตุจูงใจอันใดที่ทางกองทัพเรือสหรัฐฯยึดเครื่องบินของสายการบินมาเลย์เซียและบังคับให้บินเปลี่ยนเส้นทางให้ไปลงที่Diego Garcia ซึ่งเป็นฐานทัพของสหรัฐฯในมหาสมุทรอินเดีย

รายงานจาก Main Intelligence Directorate of the General Staff of the Armed Forces ของทางรัสเซียได้ขอ้มูลนี้จากผู้เชี่ยวชาญของAerospace Defence Forcesของรัสเซียอีกทีหนึ่ง โดยระบุว่ารู้สึกงุนงงมากกับคำถามที่ว่า ทำไมกองทัพเรือสหรัฐฯยึดเครื่องบินมาเลย์เซียและให้ไปลงที่Diego Garcia

เครื่องบินBoeing 777-200ERของสายการบินมาเลย์เซียเที่ยวบิน370มีหมายบินจากกัวลาลัมเปอร์ไปปักกิ่งหายไปอย่างลึกลับในวันที่ 8 มีนาคม 2014 พร้อมกับผู้โดยสาร227คนจาก15ประเทศและลูกเรือ12คน ผู้โดยสารส่วนมากเป็นชาวจีน

จริงๆแล้ว ทางรัสเซียมีการจับตาดูเที่ยวบิน370เหมือนกัน หลังจากได้รับรายงานว่ามีการบรรทุกสินค้าที่ต้องสงสัยอย่างสูง (highly suspicious cargo) ที่สามารถสาวต้นทางไปถึง สาธารณรัฐเซเชลเลส (Republic of Seychelles) ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นหมู่เกาะที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแอฟริกา ในมหาสมุทรอินเดีย

ก่อนหน้านี้ สินค้าหรือคาร์โก้ที่ต้องสงสัยนี้ถูกบรรทุกบนเรือ MV Maerk Alabama ซึ่งถือสัญชาติสหรัฐฯเพราะชูธงสหรัฐฯอเมริกา ที่เตะตารัสเซีย คือหลังจากที่คาร์โก้ต้องส่งสัยมีการบรรทุกขึ้นไปบนเที่ยวบิน370ของมาเลย์เซียแล้ว ปรากฎว่าทหารหน่วยซีล2นายของสหรัฐฯ คือMark Daniel Kennedyอายุ43ปี และ Jeffrey Keith Reynolds อายุ44 ปี เสียชีวิตลงภายใต้สถานการณ์ที่ผิดปกติน่าสงสัยมาก

ทั้งKennedy และReyholdsทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ Trident Group ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางทะเล มีสำนักงานใหญ่ที่Virginia สหรัฐฯ ทางรัสเซียสืบพบว่าบริษัทนี้อาจจะมีความเกี่ยวโยงกับการขนถ่ายสินค้าที่เป็นวัตถุนิวเคลียร์หรือชีวะภาคไปทั่วโลก

ทางหน่วยข่าวกรองของรัสเซียมั่นใจว่า สินค้าหรือคาร์โก้ต้องสงสัยมีการบรรทุกขึ้นเครื่องบิน370เรียบร้อยแล้ว และมีการแจ้งให้Ministry of State Security ของทางรัสเซียให้ทราบว่าจะต้องดูแลสินค้าพิเศษนี้อย่างไรก่อนที่เครื่องบินมาเลย์จะพามันเข้าไปในเขตแดนอากาศภายใต้การควบคุม

ทางรัสเซียทำงานร่วมกับจีนเตรียมแผนที่จะบังคับให้เที่ยวบิน370ลงไปจอดในสนามบินHaikou Meilan International Airport ที่มณฑลไหหลำแทนที่จะให้บินไปลงปักกิ่ง เพื่อตรวจสอบสินค้า หรือวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นอะไร

แต่ก่อนที่เครื่องบิน370 จะเข้าน่านฟ้าจีน ภายใต้การควบคุมของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (People Liberation Army)ตรงบริเวณหมู่เกาะสแปรตลี่ (Spratly Islands) ปรากฎว่าโดนไฮแจ๊คไปก่อน เที่ยวบิน370 หันทิศทางการบินอย่างกระทันหัน และดาวเทียมทหารของรัสเซียจับเครื่องบิน370ได้ว่า ได้บินเลี้ยวไปทางทิศตะวันตก โดยเดินทางทั้งหมด3,447 กิโลเมตรหรือ2,142ไมล์ก่อนที่จะลงจอดที่Diego Garcia

ช่วงที่วิกฤตินี้เอง ปรากฎว่าสัญญานมือถือของChina Mobile โดนคลื่นรบกวนแจมทั้งระบบ China Mobile มีการขยายขอบข่ายการบริการให้คลุมหมู่เกาะสแปรตลี่ตั้งแต่ปี2011 เพื่อให้ทหารที่ประจำการที่นั่นสามารถโทรศัพท์พูดคุยกับทางบ้านได้ และช่วยให้ชาวประมง หรือพ่อค้าใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อได้ เพราะว่าบริเวณนั้นมีพายุร้ายอยู่เนืองๆ

รายงานลับของรัสเซียยังระบุต่อไปว่า เครื่องบิน370โดนไฮแจ๊คไปDiego Garciaได้ เพราะว่าตัวเครื่องBoeing 777-200ERติดตั้งระบบfly-by-wire (FBW) ที่สามารถใช้แทนระบบควบคุมการบินด้วยมือ มีการเชื่อมสัญญานการบินทำให้เครื่องบินสามารถถูกบังคับได้เหมือนเครื่องบินไร้คนขับdrone อื่นๆ

ถึงแม้ว่าเครื่องบิน370จะถูกบังคับให้บินโดยระบบรีโหมด (โดนtakeover) แต่ระบบสื่อสารยังคงทำงาน และต้องปิดระบบด้วยมือคนเท่านั้น และในกรณีนี้ระบบการรายงานข้อมูลโดนปิดด้วยมือตอนเวลาตี1:07นาฬิกา ตามมาด้วยการปิดเครื่องส่งและรับสัญญานตำแหน่งที่บิน และความสูง หรือtransponder เวลา ตี1:21นาฬิกา

ประเด็นคือทำไมสื่อสหรัฐฯไม่เรียกร้องขอจากรัฐบาลโอบามาข้อมูลเรดาร์และภาพจากดาวเทียมของมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ทั้งหมดในช่วงเวลาเกิดเหตุผิดปกติของเที่ยวบิน370 เพราะว่าจากฐานDiego Garcia กองทัพสหรัฐฯสามารถที่จะใช้เทคโนโลยี่สื่อสารและดาวเทียมในการสอดส่องควบคุมมองเห็นได้ทุกจุด เพราะว่าทั้งมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

การปกปิดเที่ยวบิน370 เหมือนกับการปกปิดเหตุการณ์911 ที่มีการบอกว่าเที่ยวบินAmerican Airlines เที่ยวบิน77 พร้อมผู้โดยสาร64คนชนตึกเพนตากอน ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น