เรื่องมหัศจรรย์เหนือการพิสูจน์ : ตัวซวย

ชีวิตของเราทุกคนนั้น ย่อมต้องเคยเผชิญกับ เคราะห์หามยามร้าย เป็นครั้งคราว แต่จะมีสักกี่คนที่ต้อง ประสบโชคร้ายติดๆ กันหลายครั้ง ท่านใดต้องเผชิญกับโชคร้ายดังที่ว่า ก็ขอให้อ่าน เรื่องเหลือเชื่อ เรื่องนี้ดู และจะทุกข์ใจ น้อยลงเพราะได้รู้ว่า

ในโลกนี้ยังมีคนซวยขนาดหนัก (กว่าเรา) ถึงขั้นนี้อยู่ด้วย !!!


 

บุรุษ 22 คน ได้พยายามต่อสู้กับท้องทะเลบ้าเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ทุกครั้งที่มีชัยในการต่อสู้ เขาก็ต้องหวนกลับไปสู่สภาพเริ่มต่อสู้ใหม่อีกครั้ง

เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดและเหลือ เชื่อที่ น.ส.พ.ลอยด์แห่งลอนดอน บันทึกไว้ และจนบัดนี้ยังไม่มีเรื่องมหัศจรรย์แห่งท้องทะเลเรื่องใดพิลึกยิ่งไปกว่า

เช้าวันที่ 16 ตุลาคม ปี 1829 เรือ “นางเงือก” แล่นออกจากท่าเมืองซิดนีย์ไปยังอ่าวคอลเลียร์ ทางฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย ลมทะเลพัดอ่อนๆมาเฉื่อยฉิว แสงแดดอันสดใสกระทบสันคลื่นในมหาสมุทรเป็นประกายพราว ในขณะที่ “นางเงือก” แล่นตัดไปตามทิศทางของมัน บนเรือลำนี้ประกอบด้วยชาวทะเลผู้ชำนาญ 18 คน ผู้โดยสาร 3 คน และ กัปตันแซมมวล โนลโบรว์

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า...

...ตนนั้นกำลังโดยสารเรือไปสู่ท้องทะเลลึก แห่งความมหัศจรรย์ที่ทำเอาพวกเขาแทบต้องจบชีวิตไปตามๆ กัน!!


ในวันที่ 4 หลังจากออกจากท่าซิดนีย์ กัปตันปล่อยให้ผู้ช่วยของเขาถือพวงมาลัยแทน ตัวเขาลงไปข้างล่างเพื่อจิบเหล้าที่เขานำติดมาด้วย และจิบมันเป็นครั้งคราวพอครึ้มๆ พวกลูกเรือพากันนั่งๆนอนๆอยู่บนดาดฟ้า เพราะไม่มีอะไรจะทำ อากาศแจ่มใสน่านั่งเล่นนอนเล่น การเดินเรือก็ราบเรียบ เครื่องวัดความกดอากาศไม่บอกว่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น... ทุกอย่างดูเรียบร้อยดีเกินคาด จนกระทั่งถึงเวลาบ่ายสองโมง


พลันเรือก็หยุดกึกอยู่กับที่เฉยๆอย่างนั้นเอง

กัปตันโนลโบรว์ทิ้งขวดเหล้า วิ่งปราดขึ้นไปบนดาดฟ้า เขาพบว่าบารอมิเตอร์ลดฮวบฮาบลงอย่างรวดเร็ว แสดงถึงความกดดันของบรรยากาศที่ตํ่ามากก่อนคํ่าเล็กน้อย ลมที่หยุดก็เริ่มโหมกระหนํ่าขึ้น ในที่สุดก็กลายเป็นพายุสลาตันอันรุนแรง

“นางเงือก” ต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต แต่แล้วคลื่นลูกมหึมาที่โถมเข้าใส่นั้นก็ตลบเอานางเงือกน้อยไปกระแทกหินโสโครกเข้าเต็มที่ มันผ่าเรือออกเป็นสองซีกเหมือน ผ่าแตงโม บุคคลเคราะห์ร้ายทั้ง 22 คนก็ลงไปลอยคอเท้งเต้งอยู่ในความมืดของทะเลบ้า


แน่ละ ในสภาพเช่นนี้ ย่อมต้องมีการสูญเสียชีวิตกันบ้าง ไม่ ต้องสงสัย

แต่ว่า ความอัศจรรย์ เหนือความอัศจรรย์ยังมีอีก ในวันรุ่งขึ้น เมื่อแสงแดดส่องลงมาลบความมืด และทะเลบ้าสงบลง ทุกคนก็พบตัวเอง เกาะอยู่บนหินโสโครกก้อนนั้น และไม่มีใครเสียชีวิตเลย

อยู่กันครบหมดทั้ง 22 คน !

เกาะเป็นปลิงอยู่อย่างนั้นตลอด 3 วันอันหนาวเย็นทรมาน และหิวโหยสาหัสนัก โชคดีก็เริ่มฉายแสงเข้ามา

นั่นคือ เรือสำเภา “สวิฟชัวร์” ผ่านมาพบเข้า ก็เลยรับเอา 22 เดนตายขึ้นเรือไป


ห้าวันผ่านไปด้วยดี จนกระทั่งสวิฟชัวร์แล่นเข้าใกล้เกาะนิวกินีนั่นเอง ก็พลันประสบชะตากรรมอย่างเดียวกับลูกเรือเดนตายที่มันได้ช่วยเหลือไว้

เรือสวิฟชัวร์พลัดเข้าไปอยู่ในร่องนํ้าลึกลับซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่ ถูกตีตลบไปปะทะหินโสโครกแตกสลาย 22 เดนตายก็ต้องลงไปลอยคออยู่ในทะเลอีกครั้ง


ไม่ถึง 8 ชั่วโมง ความช่วยเหลือในรูปของเรือใบ “กัฟเวินเนอร์ เรดดี้” ก็มาถึง

คราวนี้ “ความซวย” ที่ 22 เดนตายพกเอามาเริ่มมองเห็น ชัดเจนขึ้น

“กัฟเวินเนอร์ เรดดี้” พาเอาลูกเรือนางเงือกและลูกเรือสวิฟชัวร์ติดไปได้ไม่ เท่าไรก็ประสบอุบัติเหตุ แต่ยังดีที่มีเรืออื่นมาช่วยได้ทัน ครั้นแล่นไปอีกเพียง 3 ชั่วโมง คราวนี้ประสบชะตากรรมแบบใหม่

นั่นคือ เรือถูกไฟไหม้ !


ทุกคนจำต้องทิ้งเรือและยัดเยียดกันลงไปในเรือบดโดยไม่มีเสบียงหรืออะไรติดตัวมาเลย ทุกคนไม่มีใครเสียชีวิตอีกตามเคย และโชคก็ยังดีอีกตามเคยเช่นกัน คือ เรือยามฝั่งของรัฐบาลออสเตรเลีย ชื่อ “ดาวหาง” มาพบเข้า และรับขึ้นเรือไปทั้งหมด

แต่คราวนี้ 22 เดนตายชักไม่สบายใจนัก เพราะกะลาสีของ “ดาวหาง” พากันรังเกียจว่าเป็น “ตัวซวย” ขึ้นเรือใครก็พาให้เขาอับปางทั้งนั้น แต่บนเรือ “ดาวหาง” ก็ลืมไปอย่างหนึ่งว่า 22 เดนตายเป็นคนโชคดีเพียงใดที่รอดชีวิตมาได้ทุกครั้งอย่างน่าประหลาด


เรือ “ดาวหาง” แล่นไปด้วยดี เพียงสัปดาห์เดียว ก็เกิดพายุใหญ่ ฟาดเอากระโดงหัก และหางเสือขาด มันจึงลอยเท้งเต้ง ไปตามบุญตามกรรม พวกลูกเรือดาวหางพากัน ลงเรือบดลำเดียวที่มีอยู่ ปล่อยให้ 22 เดนตายอยู่บนเรือ ที่เขาไม่เต็มใจรับขึ้นมานั่นเอง

บุรุษหัวเห็ดทั้ง 22 คนเกาะจับเจ่าอยู่อย่างนั้น 18 ชั่วโมง ต้องคอยระวังภัยจากฉลามอย่างทุลักทุเล ในที่สุดเรือ “พฤหัส” ก็มาพบเข้าและรับพวกเขาขึ้นเรือครบทั้ง 22 คน


คราวนี้ไม่เกิดความซวยขึ้นอีก เพราะมีความบังเอิญอันน่าอัศจรรย์อุบัติขึ้นแทน

ในเรือ “พฤหัส” นั้น มีสุภาพสตรีชรานางหนึ่งชื่อ ซาราห์ ริชชี แห่งยอร์คเชอร์ เดินทางไปออสเตรเลียเพื่อค้นหาบุตรชายของนาง ผู้หายสาบสูญไปเป็นเวลานานถึง 15 ปี นางเพิ่งได้พบเขา ณ บัดนั้นเอง เพราะหนึ่งใน 22 เดนตายที่รอดจากเรือ “นางเงือก” และเรือพฤหัสช่วยเอาไว้จากภยันตรายในท้องทะเล หลวงนั้น

ก็คือบุตรชายของนางนั่นเอง !


 

Credit: นสพ.ไทยรัฐ และhttp://www.artsmen.net
17 เม.ย. 53 เวลา 11:13 8,632 38 4,900
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...