เมืองไทยเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ทางด้านประเพณีและวัฒนธรรมที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลงใหลในเสน่ห์ความเป็นไทย และอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากศิลปะประเพณี วัฒนธรรมที่ดีงามยังมีอาหารที่เป็นสิ่งดึงดูดชาวต่างชาติให้หลงใหลกับมนต์เสน่ห์อาหารไทย โดยอาหารไทยที่ชาวต่างชาติมักจะนิยมชมชอบเมื่อมาถึงเมืองไทยก็ต้องมาลิ้มรสชาติที่แสนอร่อยมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนชาติใด
อาหารที่ติดอันดับยอดฮิตของเมืองไทย ถ้าเป็นคนไทยก็จะรู้จักกันดีกับหลากหลายเมนูที่เอ่ยชื่อแล้วต้อง อยากรับประทาน เมนูยอดฮิตที่ว่าก็ มีหลากหลาย อย่างเมนูแรก คือ ต้มยำกุ้ง เมนูนี้ต้องยกให้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะชื่อ ต้มยำกุ้งนอกจากจะเป็นชื่ออาหารที่มีรสชาติอร่อยแล้ว ยังโด่งดังไปถึงต่างชาติกับภาพยนตร์ของคนไทย ทำให้ต้มยำกุ้งเป็นอาหารประจำชาติของชาวไทยที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างให้ความสนใจมาก
เมนูที่สอง ก็คือ ผัดไทย ชื่อก็บ่งบอกถึงความเป็นไทยอยู่ เพราะผัดไทยเป็นอาหารที่ทานง่าย สามารถปรุงรสชาติได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะชาวต่างชาติอาจจะไม่ชอบกินรสชาติเผ็ด และด้วยความที่ผัดไทยมักจะมีขายและหาทานได้ง่ายตามท่องที่ต่าง ไม่ว่าจะตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยว ก็สะดวกในการหารับประทานจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีนักท่องเที่ยวชื่นชอบ
เมนูที่สาม เป็นเมนูที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องยกนิ้วให้กับความ แซ่บ ของรสชาติ นั่นก็คือ ส้มตำ คนส่วนใหญ่ เข้าใจว่า ส้มตำ เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคอีสาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ส้มตำเป็นอาหารที่ถือกำเนิดขึ้นในภาคกลาง แต่พอคนอีสานมาเห็นส้มตำไทย ก็ปรับเปลี่ยนรสชาติตามที่ชอบ คือ คนอีสานจะกินรสเค็มเผ็ด จึงไม่ใส่น้ำตาล และใส่ปลาร้าเพิ่มเติม นอกจากส้มตำแบบพื้นฐานแล้ว ก็ยังมีการประยุกต์ส้มตำให้เป็นไปตามแบบของแต่ละท้องถิ่น หรือตามรสชาติที่ชอบ ไม่แปลกที่ชาวต่างชาติจะชื่นชอบในรสชาติที่ แซ่บ ตามแบบฉบับของชาวไทย
เมนูต่อไป ก็คือ แกงเขียวหวาน ซึ่ง แกงเขียวหวาน ชื่อแกงเขียวหวานมีที่มาจากสีเขียวของเครื่องแกง แต่คำว่า ?หวาน? นั้น ไม่ได้หมายถึงรสชาติของอาหารแต่อย่างใด กลับหมายถึงเป็นแกงที่มีสีเขียวแบบหวาน คือเขียวนวลๆ ไม่ฉูดฉาด ส่วนรสชาติของเมนูนี้จะเน้นเค็มนำ แล้วหวานตาม ทำให้สามรถที่จะรับประทานได้อร่อยกับ ข้าวสวยร้อนๆ หรือ ขนมจีน ก็มีรสชาติที่อร่อยอย่าบอกใคร
สำหรับอีกหนึ่งเมนูที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงใหล นั่นก็คือ มัสมั่น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก จากการสำรวจของเว็บไซต์ CNNGO และก็กลายเป็นเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมในต่างแดนไปแล้ว แม้ว่าปัจจุบัน มัสมั่นจะมีสัญชาติเป็นอาหารไทย แต่จุดเริ่มต้นของมัสมั่นนั้นต้นตำรับมาจากอินเดีย มัสมั่นของไทยจะมีรสหวานนำ และลดปริมาณเครื่องเทศให้น้อยลง และในปัจจุบันมีการเลือกใช้เนื้อสัตว์ที่หลากหลายมากขึ้น ถือเป็นการปรับรสชาติให้เข้ากับความชื่นชอบของคนไทย และชาวต่างชาติ
นอกจากอาหารไทยจะเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติแล้ว เรื่องของขนมหวานที่เป็นขนมไทย แสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม และรสชาติที่แสนอร่อย ทำให้เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ โดยขนมไทยที่ชาวต่างชาติมักจะนิยม รับประทานและจะต้องติดใจในรสชาตินั่น อันดับหนึ่งก็คงต้องเป็นของ
ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นขนมหวานไทยยอดนิยม และจะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในฤดูร้อน ทำจากข้าวเหนียวนำมามูลกับหัวกะทิ เกลือป่น และน้ำตาลทรายขาว แล้วกินกับเนื้อมะม่วงสุก ที่นิยมคือ มะม่วงอกร่อง และมะม่วงน้ำดอกไม้ อาจราดกะทิ และโรยถั่วบางชนิด แล้วแต่ชอบใจ แต่ก็ต้องระวัง หากทานข้าวเหนียวมะม่วงมีแคลอรีสูง ถ้ากินขณะเป็นโรคกระเพาะอาหาร, ม้ามพร่อง หรือระบบย่อยอาหารบกพร่อง จะท้องอืด, จุกเสียดแน่น และอาหารย่อยยากมากขึ้นได้
ของหวานต่อมา ก็คือขนม ทับทิมกรอบ ทับทิมกรอบเป็นขนมหวานที่รับประทานได้ทุกฤดูกาล นิยมมากที่สุดในฤดูร้อน รับประทานแล้วหอมหวานเย็นอร่อยชื่นใจคลายร้อนได้ดี ประกอบด้วยเม็ดทับทิมกรอบสีแดงสดใสและเม็ดทับทิมกรอบสีชมพูสวย เมื่อเคี้ยวแล้วกรอบมันด้วยรสชาติของแห้ว มีน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทราย ลอยด้วยดอกมะลิ มีกะทิสดจากการคั้นมะพร้าว น้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำแข็งทุบให้เป็นเม็ดเล็กๆ หอมชื่นใจ
และของหวานอีกหนึ่งชนิดที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ ลูกชุบ ซึ่งลูกชุบ เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งทำด้วยถั่วเขียวบดกวนปั้นเป็นรูปร่างต่างๆ แล้วนำไปชุบวุ้นให้สวยงาม ซึ่งจะมีตามท้องตลาดเป็นรูปผลไม้ หน้าตาน่ารักน่าทานทำให้เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองไทย
นอกจากเมืองไทยจะมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นที่ดึงดูดใจของชาวต่างชาติแล้ว อาหารไทยก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงใหล เพราะความมีเอกลักษณ์แบบวิถีชาวไทย ดังนั่นแล้วเราชาวไทยก็ควรภาคภูมิใจในสิ่งที่ผืนแผ่นดินไทยได้ให้ไว้ และด้วยเอกลักษณ์ที่ไทยมี ลูกหลานคนไทยก็ต้องช่วยกันอนุรักษ์สิ่งที่ดีเหล่านี้ไว้เพื่อไม่ให้สูญหาย และ เป็นสมบัติที่มีค่ามหาศาลยิ่งกว่าชาติใดในโลก
......................................................................................