ภาพยนตร์สารคดีชีวิตนักศึกษา ม.รังสิต

จุดเริ่มต้นของ “โอกาส” และการส่งต่อความรู้กลับคืนสู่สังคม

หากเอ่ยถึง “วีรบุรุษ” หลายคนคงคิดถึงบุคคลที่ทำคุณประโยชน์เพื่อประเทศและมวลมนุษยชาติ แต่ในความเป็นจริงแล้ววีรบุรุษสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเล็ก ทำโดยปราศจากคำว่าภาระหน้าที่ แค่นี้ก็ถือว่าคนๆ นั้นเป็น “วีรบุรุษ” แล้ว วันนี้มหาวิทยาลัยรังสิตได้ส่งต่อเรื่องราวดีๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านภาพยนตร์สารคดี โดยหยิบยกเรื่องราวของนักศึกษา “วีรบุรุษตัวเล็กๆ” ที่ไม่ได้ทำอะไรยิ่งใหญ่ เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นมากกว่าการให้โอกาสตัวเอง ด้วยการนำความรู้และความถนัดที่ตนเองมีไปสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม รู้จักเรียนรู้ที่จะให้และแบ่งปันเพื่อผู้อื่น

“โอกาส” และเรื่องราวดีๆ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมเกียรติ รุ่งเรืองวิริยะ ผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงที่มาของภาพยนตร์สารคดีครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้นำเรื่องราวดีๆ มาส่งต่อผ่านภาพยนตร์สารคดีด้วยการหยิบยกเรื่องราวชีวิตจริง และโครงการ กิจกรรมเพื่อสังคมมานำเสนอ ซึ่งตรงนั้นทำให้มองเห็นถึงภาพใหญ่ในแง่ของการให้ความร่วมมือทั้งองค์กร แต่ในปีนี้อยากจะทำเป็นภาพยนตร์สารคดี เกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้รู้สึกถึงการสื่อสารได้ง่ายขึ้น ใกล้ชิดขึ้น แม้เรื่องราวจะเล็กลง แต่คนดูจะได้สัมผัสถึงเรื่องของการให้โอกาสอย่างชัดเจน โดยเลือกเรื่องที่นำเสนอบุคคลที่เรียกว่าวีรบุรุษตัวเล็กๆ โดยสิ่งที่เขาทำนั้นไม่จำเป็นต้องใหญ่โต เพียงแค่ตัวเองมีความถนัดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และนำเรื่องนั้นไปแบ่งปันให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ซึ่งเรื่องราวเล็กๆ เหล่านี้ถือเป็นความภูมิใจของมหาวิทยาลัยก็คือ การใช้โอกาสนำความสามารถที่มีไปทำอะไรดีๆ เพื่อสังคม

“จุดสำคัญของเรื่องที่ยกมานำเสนอครั้งนี้คือเรื่องโอกาส และเป็นจังหวะเดียวกับที่มีเด็กนักศึกษาสองกลุ่มได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งโอกาสที่ว่านี้หลายคนหรือแม้แต่ตัวเขาเองยังแปลกใจและถือเป็นโชคดีที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยรังสิต เรื่องแรกคือ นักศึกษาทุนรถดริฟท์ ทุนแบบนี้ใครจะคิดว่าสถาบันไหนมาให้ความสำคัญ ถ้าเป็นทุนกีฬาทั่วไปแน่นอนว่ามีทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน แต่การจะมานั่งนึกถึงผลประโยชน์ตอบแทน หรือชื่อเสียงในภายหลังมันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ มหาวิทยาลัยเพียงแต่นึกถึงเรื่องที่พวกเขามีความตั้งใจจริงก็สมควรที่จะได้รับโอกาส ซึ่งภายหลังพวกเขาเหล่านี้ได้นำความรู้ที่มีจากการดริฟท์รถไปสอนเทคนิควิธีการขับให้แก่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษชุดคอมมานโด ส่วนอีกเรื่องคือ นายอัษฎายุทธ คุณวิเศษพงษ์ นักศึกษาทุนเชียร์ลีดเดอร์   ผู้ที่นำความรู้ด้านนี้ไปฝึกทีมเชียร์ลีดเดอร์ผู้พิการหูหนวก โรงเรียนโสตศึกษา นนทบุรี ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้คือความภูมิใจของมหาวิทยาลัยรังสิต ตรงที่หลังจากพวกเขาได้รับโอกาส ก็นำโอกาสนั้นไปทำอะไรดีๆ เพื่อสังคม และเรื่องเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในพันธะสัญญาว่าจะต้องมานั่งทำ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไปทำ ตรงนี้เองที่ทำให้ภาพของเรื่องการให้และการแบ่งปันชัดเจนขึ้น และที่แตกต่างกว่าปีอื่นคือ หนังสั้นเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดผ่านทาง Social Network” ผอ.สำนักงานประชาสัมพันธ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

เรื่องราวของการให้กลับคืนสู่สังคม

พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ นามวัน ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 4 กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ทราบว่าเรื่องราวของนักศึกษาทุนรถดริฟท์ซึ่งเคยมาให้ความรู้กับตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษชุดคอมมานโดได้ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์สารคดีของมหาวิทยาลัย เชื่อว่าเรื่องราวของพวกเขาจะทำให้หลายคนในสังคมเปลี่ยนมุมมอง นักศึกษากลุ่มนี้ไม่ใช่แค่ซิ่งรถไปวันๆ แต่สิ่งที่พวกเขาชอบและถนัดสามารถสร้างประโยชน์แก่สังคมได้ ซึ่งหลังจากโครงการอบรมสอนเทคนิควิธีดริฟท์รถเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน หรือต้องรักษาความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญ รวมทั้งการใช้รถยนต์ในภาวะต่างๆ หรือใช้ในภาวะฉุกเฉินที่จะเอาตัวรอดได้ ซึ่งเทคนิควิธีเหล่านี้ สามารถทำให้การปฏิบัติหน้าที่ลุล่วงไปได้ โดยพวกเขาทั้ง 3 คนได้สาธิตทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเต็มที่ ตรงนี้ต้องขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ให้โอกาสนักศึกษากลุ่มนี้มาสอนเทคนิคพิเศษนี้ให้แก่หน่วยงานฯ เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือโอกาสที่ดีที่พวกเขาได้พิสูจน์ตนเองและทำให้สังคมรับรู้ว่า การเป็นนักแข่งรถ ดริฟท์รถ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหากเราสามารถใช้ในทางที่ถูกต้อง กลับเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำเมื่อเรานำความสามารถที่มีตรงนั้นมาสร้างประโยชน์ให้หน่วยงานและสังคมต่อไป 

นายภูวเดช นิลพฤกษ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ตัวแทนกลุ่มนักศึกษาทุนรถดริฟท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนและเพื่อนอีกสองคนคือ นายณัฐพล เขียวบุญปลูก และนายหัสวีร์ พิบูลศุภพิสิฐ รู้สึกภูมิใจที่มหาวิทยาลัยรังสิตนำเรื่องราวของพวกเรามาทำเป็นภาพยนตร์สารคดีของมหาวิทยาลัย และพวกเราทั้ง 3 คนได้มีโอกาสแสดงเองด้วย เป็นหนังที่จากเรื่องจริงของพวกเรา ที่ผ่านมาสถาบันการศึกษาแห่งนี้ไม่เพียงให้โอกาสแต่ยังสนับสนุนให้พวกเราได้นำความสามารถที่เรามีไปทำประโยชน์ให้สังคมอีกด้วย จากเดิมซึ่งใครๆ มองว่าพวกเราเป็นแค่นักซิ่งรถ เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นป่วนเมือง โดนตำรวจตามจับบนท้องถนน วันนี้สิ่งที่เราทำจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ไร้สาระต่อไป และขอบคุณมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนการศึกษานี้แก่พวกเราทั้ง 3 คน และพวกเราก็เชื่อเสมอว่า โอกาสจะไม่มาหาเรา หากเราไม่รู้จักที่จะไขว่คว้า และทำให้เป็นจริง เมื่อ “เห็น เชื่อ ทำได้” เราก็จะทำมันออกมาได้ดี

ติดตามภาพยนตร์สารคดีเรื่องราวดีๆจากหนึ่งโอกาสที่ได้รับกับการส่งต่อความรู้กลับคืนสู่สังคมได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=i0f_VSACXx8&feature=c4-overview&list=UU0EMroJVHKyuF-Qy6Z0wHfA  หรือ เสิร์ชค้นหาใน Youtube ด้วยคำว่า “RSU Drift Team