เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ  Binh Nguyen สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

         คลิปครูเวียดนามตบนักเรียน ไม่มียั้งมือ นักเรียนเอาคืนหวังปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง

        เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 เว็บไซต์ dtinews.vn รายงานว่า ขณะนี้ได้มีการเผยแพร่วิดีโอคลิปชิ้นหนึ่ง ที่นักเรียนมัธยมปลาย 2 คนในเวียดนามต่อยอาจารย์คืน หลังจากที่อาจารย์ตบหน้าพวกเขาไม่ยั้ง ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของทั้งนักเรียนและครูเป็นอย่างมาก

          ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นคลิปความยาวประมาณ 1 นาที บันทึกภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมปลายเหงียนเว้ ในจังหวัดบิ่งดิง ซึ่งครูคนหนึ่งได้ต่อว่า 2 นักเรียนชายอย่างรุนแรง และตบหน้าพวกเขาแบบไม่ยั้ง ทำให้นักเรียนคนที่ 2 ตีครูคืนและเกิดเหตุการณ์สู้กันอุตลุตตามมา

          ด้านครูใหญ่ของโรงเรียน นาย เกว เหงียน หุย ถัน ได้ออกมายืนยันว่า มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นจริงในระหว่างคาบเรียนวิชาเคมี เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา โดยบุคคลที่อยู่ในคลิปคือ นาย ตรัน อานห์ ถ่วน อาจารย์ชั่วคราววัย 23 ปี และ 2 นักเรียนชายคือ นายเหงียน ฝึก ไหง่ และนายเหงียน ถาน ลง 

          โดยนายถัน กล่าวว่า "ห้องเรียนทั้งห้องมีแต่เสียงดังและควบคุมไม่ได้ ทำให้ครูที่ขาดประสบการณ์อย่างนายตรันพยายามลงโทษนักเรียน แต่กลายเป็นว่านักเรียนกลับต่อต้านครูขึ้นมา"

          หลังจากเหตุการณ์นั้น ทั้งครูและนักเรียนต่างต้องทำรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งครูก็ได้แสดงความเสียใจต่อการกระทำของเขาและขอโทษนักเรียนรวมถึงผู้ปกครองด้วย

        และหลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป สาธารณชนต่างช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนจำนวนมากต่างออกมากล่าวตำหนิครูและออกมาปกป้องนักเรียน ซึ่งหลายคนบอกว่า การที่นักเรียนสู้คืนนั้น ก็เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขาเอง

         ขณะนี้ นางโด ถิ หวัน อาห์น นักสังคมวิทยา กล่าวว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ และพฤติกรรมความรุนแรงของครูที่ออกคำสั่งเด็ดขาดกับนักเรียนไม่ได้เป็นที่ยอมรับในสภาพการศึกษาในยุคใหม่แล้ว

       "ครูควรใช้เวลาในการอธิบายเหตุผลและชักจูงนักเรียนมากกว่านี้ ฉันคิดว่าโดยปกติแล้ว นักเรียนมักจะเชื่อฟัง แม้กระทั่งนักเรียนส่วนมากที่อยู่ในคลิปยังนั่งเงียบระหว่างที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และบางคนก็พยายามหยุดเหตุชุลมุน อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า ธรรมชาติของนักเรียนนั้นไม่ได้ชื่นชอบความรุนแรงอยู่แล้ว"